สามวันแล้ว ตั้งแต่สามวันก่อนที่หลินซือเย่าไล่ตามประมุขหอเฟิงเหยาอะไรนั่นออกไปแล้วก็หายตัวไป ตอนนี้ผ่านมาสามวันเต็มๆ แล้ว แม้แต่ซือเล่าที่ตามเสี่ยวเสวี่ยขึ้นเขาไปค้นหาก็ไร้ข่าวคราว
ยามนี้ซือทั่วเพิ่งฟื้น แม้ว่าร่างกายยังคงอ่อนแอ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว
“อาซ้อ ไม่ต้องกังวล ซือ…อาเย่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
มองดูสุ่ยเลี่ยนที่นั่งรออยู่ตรงระเบียงทางเดิน มองตรงไปยังหน้าประตูแต่เช้าทุกวัน ซือชงก็ได้แต่ถอนหายใจก้าวเข้าไปปลอบใจ
“ข้ารู้ เขาต้องไม่เป็นไร” ซูสุ่ยเลี่ยนตอบเบาๆ ไม่หันกลับมา สองมือลูบท้องไปมา ที่นี่มีลูกน้อยสองคนของเขาที่ยังไม่ลืมตาดูโลก เขาจะทิ้งไปไม่กลับมา?
“อาจารย์…” ซือถูอวิ๋นเป็นห่วงเดินไปหยุดข้างซือชง “พี่สาวคนสวย เช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ชุนหลันบอกว่าหมอที่มาตรวจบอกว่าสตรีมีครรภ์อารมณ์แปรปรวน จะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้”
ซือชงได้ยินก็ขมวดคิ้วไม่กล่าวอันใด เป็นนานก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “ตอนนี้อาจารย์ลุงซือทั่วไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าเฝ้าบ้าน ข้าจะขึ้นเขาสักหน่อย”
ซือถูอวิ๋นได้ยินก็พยักหน้า นอกจากวิธีนี้ก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
ในตอนนั้นเองเหลียงหมัวมัวก็พลันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “คุณหนู ท่านเขยกลับมาแล้ว! ท่านเขยกลับมาแล้ว!”
ซูสุ่ยเลี่ยนที่กำลังเหม่อลอยก่อนหน้านี้ พอได้ยินเสียงตะโกนเหลียงหมัวมัวก็ดึงกระโปรงลุกขึ้นทันที อุ้มท้องหนักแปดเดือนเดินก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาซือชงกับซือถูอวิ๋นสองอาจารย์ศิษย์อึ้งมองตาค้าง อ้าปากค้างเติ่ง
“โอ๊ย คุณหนูข้า อย่าวิ่งเร็วอย่างนั้น ระวังสะดุด! คุณหนู! ชุนหลัน เจ้ามาพอดี เร็ว! รีบไปประคองคุณหนู!” เหลียงหมัวมัวเห็นซูสุ่ยเลี่ยนแทบวิ่งทะยานออกไปก็ตกใจร้องเสียงหลง ทำอย่างไรได้ นางเพิ่งก้าวเข้าประตูมา ไหนเลยจะเข้าประคองนางได้ทัน เห็นชุนหลันกำลังยกน้ำแกงออกมาจากห้องครัวก็รีบตะโกนร้องเตือนนาง
“คุณหนู ช้าหน่อย” ชุนหลันรีบยกน้ำแกงเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะยาวตรงระเบียงทางเดินก่อนจะรีบเข้าประคองซูสุ่ยเลี่ยน
“ข้าไม่เป็นไร อาเย่ากลับมาแล้ว!” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มบอกชุนหลันให้ประคองนางออกไปที่ประตู
“ระวังหน่อย” ยังไม่ทันเดินพ้นระเบียงทางเดินก็มีเสียงทุ้มนุ่มดังมา นางโผเข้าสู่อ้อมกอดหนาอบอุ่นทันที
หลินซือเย่ากอดสตรีตัวน้อยไว้แน่น เมื่อครู่เพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้านก็ได้ยินเสียงเรียกดังตกใจของเหลียงหมัวมัว กลัวนางจะเป็นอะไรไป รีบทะยานเข้าหาซูสุ่ยเลี่ยน ไม่สนใจซือเล่าที่ไร้เรี่ยวแรงด้านหลัง
“ข้ากลับมาแล้ว” เขากระซิบเบาๆ ข้างใบหูนาง
“ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้ทำอย่างนี้อีกนะ! ไม่บอกสักคำก็ไป เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงขนาดไหน!” ซูสุ่ยเลี่ยนอดขอบตารื้นไม่ได้ ยู่ปากทุบหน้าอกหลินซือเย่า พอได้ยินเสียงร้องอึกของเขา ก็รีบดึงมือสองข้างเขาออก เลิกเสื้อเขาออกตรวจดู
ตามคาด หน้าอกเขียวช้ำไปหมด ทั้งบวมทั้งเขียวช้ำอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบาดเจ็บ? ข้า…ข้าถึงกับยัง…” นางสะอื้นไห้ไม่รู้ควรทำเช่นไรดี เมื่อครู่นางทุบเขาไปสองทีไม่ได้ออมแรงสักนิด
“ไม่เป็นไร บาดแผลภายนอกเท่านั้น แต่ว่า…เจ้าแน่ใจว่าจะตรวจร่างกายข้าต่อหน้าทุกคนในที่นี้หรือ” หลินซือเย่าก้มลงเช็ดน้ำตาให้นางที่กำลังมือไม้ลนลานไปหมด พลางพยายามเบนความสนใจนาง
“เจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะมาล้อเล่นอีก!” ซูสุ่ยเลี่ยนถลึงตาใส่เขา หันหลังดึงเขาเข้าไปในห้อง กลั่นหยกเซียนยังเหลืออีกหลายหยด รักษาบาดแผลน่าจะได้ผลกระมัง ขออภัยที่นางเห็นแก่ตัว ตอนซือทั่วสลบ นางไม่คิดจะเอาออกมารักษาเขา เพราะกลัวหลินซือเย่าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาจะไม่มีรักษา
นางไม่กลัวเขาจริงๆ!
ซือเล่าที่ตามหลังหลินซือเย่าเข้ามาในลานบ้านอ้าปากค้างมอง ซือชงกับศิษย์เห็นภาพตรงหน้าก็แอบรู้สึกมั่นใจเช่นเดียวกัน
ซูสุ่ยเลี่ยนไม่ได้รู้สึกกลัวเทพสังหารซือหลิงที่ฆ่าคนเหมือนฆ่าไก่แม้แต่น้อย
ดังนั้นซือหลิงจึงยินยอมจากใจที่จะเป็นชาวนาในหมู่บ้านห่างไกลเช่นนี้
แต่พวกเขาล่ะ หากพวกเขายอมวางดาบลง ก็จะมีสตรียอมรับพวกเขาเช่นกันไหม
……
“ข้าไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องสิ้นเปลือง” หลินซือเย่าหยุดมือซูสุ่ยเลี่ยนที่คิดจะเอากลั่นหยกเซียนมาทารอยเขียวช้ำให้เขา พลางส่ายหน้ากล่าวขึ้น
“จะสิ้นเปลืองได้อย่างไร?” ซูสุ่ยเลี่ยนถลึงตาใส่เขา ดึงดันให้เขาทา
นางไม่ถามว่าสองสามวันนี้เขาผ่านมาอย่างไรก็ได้ และไม่ถามว่าบาดแผลเต็มตัวเขาพวกนี้ได้มาจากไหน เพราะนางเชื่อเขา เชื่อว่าเขาย่อมไม่วู่วามเสี่ยงอันตรายโดยไม่ดูแลตนเองจนต้องทิ้งนางและลูกน้อยไว้ลำพังแน่ เพียงแต่เห็นบาดแผลตามตัวเขาแล้ว นางก็อดขอบตาร้อนผ่าวไม่ได้
“สุ่ยเลี่ยน…ขอโทษ…” เขาถอนหายใจเบาๆ กอดสตรีที่น้ำตาร่วงเผาะๆ เอาแต่กัดริมฝีปากไว้ไม่หยุด เขาควรตายจริง! ไม่ได้ปกป้องบ้านที่เขาและนางสร้างมาอย่างยากลำบากเอาไว้ ยังมีบาดแผลมาทำให้นางปวดใจเช่นนี้อีก
“เจ้าไหนเลยควรขอโทษข้า ข้าเอง…ใช้ไม่ได้…เจ้าเกิดเรื่อง…ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้สักอย่าง” นางสะอื้นฮึกๆ “บางครั้งข้าถึงกับคิดว่า อยากเป็นภรรยาที่มีวิทยายุทธสุดยอดเหมือนเจ้า น่าจะดีกว่าไหม” นางรู้ว่านางเริ่มเอาแต่ใจแล้ว เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้สามวันมานี้ นางนอกจากเป็นกังวลแล้วก็คิดแต่เรื่องพวกนี้
“ไม่ ไม่อนุญาต ข้าขอเพียงมีเจ้า ไม่อนุญาตให้ผลักไสข้า” หลินซือเย่ากอดนางยิ่งแน่น ใจนึกสงสารนางที่พูดไม่หยุดด้วยความเป็นห่วงเขา เขารู้ว่านางเป็นห่วงเขามาก
“ดังนั้นครั้งหน้าไม่อนุญาตทิ้งข้าไปอีก แม้ข้าเป็นตัวถ่วงเจ้า ก็ไม่อนุญาตให้ทิ้งข้า” ซูสุ่ยเลี่ยนน้ำตาร่วงจ้องมองหลินซือเย่าบ่นไม่หยุด กะจะใช้น้ำตาทำให้เขาสะเทือนใจ ให้เขาอย่าได้ทิ้งนางอีก ให้เขาไม่ไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายให้นางต้องเป็นห่วงอีก
แม้ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร แต่เห็นแค่ซือทั่วที่สลบไสลถูกซือชงหิ้วกลับมา พร้อมกับซือเล่าและเขาที่หายตัวไปสามวัน แม้ความรู้สึกช้าอย่างซูสุ่ยเลี่ยนก็ย่อมรู้ว่าพวกเขาไปกันครั้งนี้ย่อมเสี่ยงภัยถึงชีวิต
“ได้ ข้ารับปากเจ้าหมด อย่าร้องไห้อีก เด็กดี สตรีมีครรภ์ร้องไห้นานไปไม่ดีต่อร่างกายนะ” หลินซือเย่า ปลอบสตรีตัวน้อยในอ้อมกอดอย่างอดทน จนกระทั่งนางสบายใจผล็อยหลับไป เขารู้ว่าสองสามวันนี้นางต้องนอนหลับไม่สนิทแน่ ตอนนี้เห็นเขากลับมาอย่างปลอดภัยก็ย่อมผ่อนคลายใจหลับสนิทลง
เขาอุ้มนางวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ภัยหายนะครั้งก่อนเหมือนไม่ได้ทำให้เตียงใหญ่หลังนี้เสียหายมากนัก นอกจากขอบๆ ที่ถูกกระแทกเป็นรอยแล้ว ภาพรวมยังคงมั่นคงแข็งแรงดังเดิม
เก็บน้ำเต้าใส่กลั่นหยกเซียนบนโต๊ะแล้ว ก็เปิดประตูออกไป
เฟิงชิงหยาตายแล้ว หอเฟิงเหยาเปลี่ยนนาย ยังต้องการหารือกับพวกซือทั่ว เขาอาจจะไม่สนใจก็ได้ เพียงแต่หอเฟิงเหยาอย่างไรก็เป็นแรงกายแรงใจของอดีตประมุขทุ่มเทสร้างมาทั้งชีวิต จะต้องไม่สูญสลายไปเช่นนี้อย่างเด็ดขาด
……
“ขอบคุณมาก” ซือทั่วมองหลินซือเย่าที่เพิ่งก้าวเข้าห้องหนังสือมาพลางกล่าวอย่างจริงใจ หลินซือเย่าไม่คิดถือสาเรื่องคราก่อน แย่งชิงยาถอนพิษมาให้เขา ยังถึงกับยังตกลงไปในหน้าผาอีกด้วย
ได้ยินซือเล่าเล่าว่าเขากับฝูงหมาป่าอยู่ในก้นหุบเขาคืนหนึ่งเต็มๆ จึงหาซือหลิงพบ ตอนนั้นเขากำลังพิงหน้าผานั่งขัดสมาธิเดินพลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ ไม่ไกลกันนักยังมีศพที่หน้าตาเละเทะจนจำแทบไม่ได้ ก็คือเฟิงชิงหยาที่ทำตัวเอง
ต่อมาเพราะว่าซือหลิงพลังภายในไม่พอ ดังนั้นจึงอยู่ก้นหุบเขารักษาอาการก่อนหนึ่งวันหนึ่งคืน จนกระทั่งร่างกายฟื้นคืนได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว จึงได้ให้ฝูงหมาป่านำทางออกจากเขาต้าซื่อ
หลินซือเย่าเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบรับคำขอบคุณของซือทั่ว
ในบรรดาพวกเขา ซือทั่วที่อาการหนักที่สุด เพราะมีแต่เขาที่รักษากฎธรรมเนียมหอเฟิงเหยาที่สุด ดังนั้นหลังจากมีตัวอย่างอย่างซือเย่าให้เห็นแล้ว แต่ซือทั่วก็ยังโดนเฟิงชิงหยาลอบกัดอีก ไม่อาจไม่กล่าวว่านิสัยเขาเถรตรงเกินไป
ตอนนี้เฟิงชิงหยาตายแล้ว ปมของเขากับซือทั่วก็ควรคลายออกได้แล้วกระมัง
“ช่วยเจ้าเพราะมีเป้าหมาย ตอนนี้หอเฟิงเหยาไร้ผู้นำ เจ้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด” หลินซือเย่านั่งอยู่ที่โต๊ะกลมกล่าวเนิบนาบ
“ทำไมไม่เป็นเจ้าเอง?” ซือทั่วเลิกคิ้วดาบถามน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ทุกคนในหอเฟิงเหยา ไม่ได้ไม่อยากให้เจ้ากลับไปเสียหน่อย”
“อ๋อ? ไม่ใช่ล้วนคิดว่าข้าตายแล้วหรือ” หลินซือเย่ากวาดตามองซือทั่วเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ย้อนถามน้ำเสียงเยียบเย็น
“แม้แต่เฟิงชิงหยาก็รู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย ยังมีผู้ใดไม่รู้” ซือเล่าเบ้ปาก ก็ไม่รู้ว่าไอ้ลูกเต่าตัวไหนไปบอกเฟิงชิงหยา แต่จะว่าไปก็ควรโทษพวกเขาสามคน ต้นปีตอนกลับถึงหอเฟิงเหยาก็ไปขุดหาสมบัติซือหลิง น่าจะเป็นที่สะดุดตา กอปรกับซือชงยังส่งศิษย์มาที่ห่างไกลเช่นนี้ ไม่เป็นที่สังเกตสิประหลาด
“จุ๊ๆ…นี่คือระบบรักษาความลับหอเฟิงเหยาตอนนี้?” หลินซือเย่าแอบขำพลางส่ายหน้า จากนั้นจ้องมองซือทั่วอย่างจริงจังกล่าวว่า “พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ข้าคือคนที่ไม่เหมาะจะกลับไปที่สุดในบรรดาพวกเรา ส่วนซือชงก็มี ‘หอกว่างชื่อโหลว’ ต้องดูแล ซือเล่าก็นิสัยอยากทำอะไรก็ทำ ไม่อาจอยู่ในกฎระเบียบได้ ก็มีแต่เจ้าที่เหมาะสมที่สุด”
“ได้ ข้าดูแลแทนเจ้าสิบปี แต่หลังจากนี้ลูกเจ้าต้องมารับตำแหน่งประมุขคนต่อไป” ซือทั่วจ้องหลินซือเย่ากลับเป็นนานก่อนจะรับปาก
“ไม่ได้!” หลินซือเย่าส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นด้วย”
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องคุย ข้าก็อยากทำอะไรก็ทำไม่รักษาระเบียบได้เหมือนกัน” ซือทั่วหยิบยกวาจาหลินซือเย่ามาย้อนกลับอย่างไม่รู้สึกถือสาสักนิด
ทำเอาซือเล่าข้างๆ แอบเบ้ปาก เขาเด่นชัดอย่างนั้นหรือ อยากทำอะไรก็ทำ? ไม่อยู่ในกฎระเบียบ?
“หอเฟิงเหยาไม่อาจล่มสลาย” หลินซือเย่าถอนหายใจเบาๆ ไม่ใช่แค่ว่านี่คือแรงกายแรงใจของอดีตประมุข แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจปล่อยให้ทุกคนกระจัดกระจายไปคนละทางได้
ด้านนอกมีหลายองค์กรมากมายที่กำลังจ้องมองพี่น้องหอเฟิงเหยา ทันทีที่กระจัดกระจายก็ย่อมถูกตามล้างหนี้โลหิต หมาป่าไร้จ่าฝูง ไม่ว่าผู้ใดล้วนล้อมวงสังหารได้
“ข้าก็บอกแล้ว ข้ามีเงื่อนไขนี้” ซือทั่วเหล่มองชายตรงหน้าที่เริ่มขมวดคิ้ว
ดีมาก มีครอบครัวแล้วก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ถึงกับคิดเผื่อพี่น้องแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน ไหนเลยที่เขาจะมีใจคิดจัดการอะไรเพื่อคนอื่น?
“เปลี่ยนเงื่อนไขอื่น” หลินซือเย่าส่ายหน้า ยังคงไม่ยอมให้ลูกๆ ตนต้องเดินเส้นทางสายเดิมของตนเอง
นั้นเป็นเส้นทางที่ในสายตาของเขามีแต่กลิ่นคาวเลือดและมุ่งไปสู่นรก ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากให้ลูกๆ ที่น่ารักของตนเองต้องไปทรมานเช่นนั้น ทรมานตัวเองจนได้เป็นเทพสังหารแล้วอย่างไร?! อย่างไรก็ยังคงเป็นนักฆ่ามือเปื้อนเลือดอยู่ดี!
“หรือข้าว่า พวกเราอย่าเป็นนักฆ่ากันเลย เปลี่ยนรูปแบบก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ” ซือชงกระแอมไอเบาๆ ขัดทั้งสองคนที่กำลังโต้กันดุเดือด
เห็นว่าวาจาตนทำเอาทั้งสามคนมองมากันเป็นตาเดียว ก็ค่อยๆ อธิบายว่า “ดูพวกอวิ๋นเอ๋อร์สร้างหอ กว่างชื่อโหลวสิ ไม่ใช่ว่าดีมากหรือ อาศัยแค่การข่าวก็หาเงินได้ ในเมื่อทุกคนล้วนไม่อยากเดินไปบนเส้นทางเดิมแบบเมื่อก่อน ก็เปลี่ยนรูปแบบกันสิ” คิดถึงตอนนั้น อดีตประมุขบอกว่าเขาจะสร้างหอเฟิงเหยา แนวคิดเริ่มต้นก็ไม่ได้ว่าเป็นหอสังหารนี่นา แต่เพราะพี่น้องในหอทำภารกิจสังหารได้ดีที่สุด จึงค่อยๆ กลายสถานะเป็นเช่นตอนนี้
“ใช่แล้ว พวกเราทำไมไม่ขยายขอบเขตงาน? อ้อ ควรกล่าวว่า งานอะไรก็รับหมด ไม่จำกัดแค่งานสังหารเป็นอย่างไร?” ซือเล่าแอบพยักหน้าเห็นด้วย
“เลือกงานที่ไม่ผิดต่อคุณธรรมในใจทำกันเถอะ” หลินซือเย่าเสริมอีกประโยค พอกล่าวออกไป ก็พลันปวดหัวไม่น้อย ย่อมต้องถูกพวกเขาสามคนหัวเราะเยาะแน่แล้ว
“หา?” ตามคาด ทั้งสามคนจ้องมองมายังหลินซือเย่าไม่กะพริบด้วยสีหน้าเหมือนจะขำก็ไม่ขำ
“แค่ก แค่ก…คุณธรรมในใจ? ซือหลิง เจ้ามั่นใจว่าที่เจ้าเพิ่งพูดออกมาคือคำนี้?” ซือเล่าเปิดฉากจัดคนแรก
“พูดตามตรง ซือหลิง เจ้าคงไม่ได้ถูกภรรยาตัวน้อยเจ้าหล่อหลอมจิตใจไปแล้วใช่ไหม” ซือชงหลุดหัวเราะขำพรืดออกมาทันที ส่งเสียงดังราวตะเบ็ง
มีเพียงซือทั่วที่จ้องมองหลินซือเย่าอย่างไตร่ตรองเป็นนานก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “หากเจ้ารับปากเงื่อนไขข้าก่อนหน้านี้ ข้าก็จะพิจารณาข้อเสนอนี้”
เงื่อนไข? เงื่อนไขอะไร? เอาลูกที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของเขามาแลกเปลี่ยน?
“แม้เปลี่ยนกฎหอเฟิงเหยา ขอเพียงประมุขยังคงให้ข้าเป็น เช่นนั้น เงื่อนไขข้าก็ยังคงไม่เปลี่ยน” ซือทั่ว เสริมน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขายอมรับว่าเขาจงใจ ซือหลิงแต่ไรมาเป็นคนแล้งน้ำใจ แต่พอมามีภรรยามีลูกขัดเกลากลิ่นอายสังหารลง ตอนนี้ย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะจะนำพาพี่น้องมาก
“หากหอเฟิงเหยาเปลี่ยนรูปแบบสำเร็จ บางทีข้าอาจพิจารณา แน่นอนต้องบอกก่อนว่าในท้องสุ่ยเลี่ยนต้องมีคนหนึ่งเป็นชาย”
“ชายหรือหญิงไม่สำคัญ”
“เจ้า…”
“ข้าทำไม!”
“เฮ้อ…พวกเจ้าสองคน! ต้องมามีเรื่องกันเพราะเด็กที่ยังไม่เห็นแม้เงาหรือไง! ข้าว่านะวันหน้าก็ให้ลูกของซือหลิงเลือกเองก็ได้นี่นา” ซือเล่าทนดูชายตัวโตนักฆ่าอันดับต้นๆ สองคนถึงกับมามีเรื่องกันด้วยเรื่องที่ว่าเด็กที่ยังไม่คลอดออกมาเป็นหญิงหรือชาย จึงเสนอขึ้นอย่างไม่อยากจะข้องเกี่ยว
หลินซือเย่ากับซือทั่วสองคนจึงได้ยุติการโต้เถียง
“ข้าไม่มีความเห็น” หลินซือเย่ารีบรับคำทันที จะมามีเรื่องกับซือทั่วไปทำไม ไม่สู้ให้ลูกเลือกเอง แน่นอนหากเป็นหญิงก็ย่อมไม่ยินยอมมาอยู่ในองค์กรที่มีแต่ผู้ชาย นางควรจะเรียบร้อยบอบบางอย่างสุ่ยเลี่ยน
“ได้” ซือทั่วพยักหน้ารับ ทายาทอีกสิบปี เขาย่อมไม่ยอมเลิกรา การฝึกเด็กน้อยก็ย่อมเริ่มแต่เด็ก แม้ในท้องอาซ้อจะเป็นเด็กหญิงทั้งสองคน เขาก็ย่อมหาหนทางเลือกหลานสาวคนที่มีนิสัยโดดเด่นมารับตำแหน่งประมุขหอเฟิงเหยา
เขาผินหน้ามองหลินซือเย่าที่ยังกังวลไม่รู้ว่าลูกชายหรือลูกสาว สบตากับซือเล่าแล้วก็ยอมถอยกลับห้องหนังสือไป
ตอนนี้อย่างไรอาการบาดเจ็บเขาก็ยังไม่หายดี ได้เวลากินยาแล้ว