กล่าวตามตรง ซือหลิงสร้างบ้านให้พวกเขาสามคนไม่เลวเลยจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้จะไม่เป็นดังที่วางแผนไว้ว่าแต่ละคนจะได้อยู่เรือนแยกของตนเอง เพราะตอนนี้ทั้งสามต้องมาอยู่เรือนกล้วยไม้ร่วมกัน เพราะว่าเรือนสวนไผ่ตอนนี้มีครอบครัวซือหลิงมาอยู่ ส่วนเรือนต้นสนก็มีพวกองครักษ์และบ่าวรับใช้จวนอ๋องจิ้งอยู่ร่วมกัน
แต่ว่าชีวิตตอนนี้ก็ไม่เลว อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รับการปรนนิบัติอย่างนอบน้อมจากบรรดาบ่าวจวนอ๋องราวกับชนชั้นสูง วันเวลาผ่านไปแบบอาหารสามมื้ออุดมสมบูรณ์
พวกซือชงแอบหวังว่าพวกซือหลิงอย่าได้ย้ายบ้านไปเลยก็ดี แต่บ้านที่สร้างอยู่ข้างๆ กำลังเร่งวันเร่งคืนสร้าง อีกไม่นานคงเสร็จแล้ว
พอซือทั่วหายจากอาการบาดเจ็บก็กลับหอเฟิงเหยาไปเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว กลับไปจัดการเรื่องต่างๆ ในหอให้เรียบร้อย
แน่นอนเขาย่อมนำแหวนหยกโลหิตที่ถอดออกจากนิ้วมือของเฟิงชิงหยาอันเป็นสัญลักษณ์ของประมุขไปด้วย
ซือทั่วแอบสาบานว่ากลับหอเฟิงเหยาครั้งนี้ พอกำหนดตำแหน่งประมุขหอเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะโยนแหวนที่ดูอย่างไรก็ไม่เป็นมงคลวงนี้ไปเลี้ยงปลาในสระน้ำใหญ่ข้างหอเฟิงเหยาเสียเลย
จากนี้ไปหอเฟิงเหยาจะยึดแต่แหวนหยกมรกตเป็นสำคัญ
แน่นอนนั่นเพราะว่านักฆ่าขึ้นต้นด้วยอักษรซือสี่คนล้วนมีแหวนหยกมรกตเหมือนกัน ตอนนั้นเป็นของขวัญจากอดีตประมุข สำหรับวงที่ซือหลิงขายไป ถูกเขาซื้อคืนมาแล้ว เตรียมไว้มอบให้ลูกซือหลิงรับช่วงต่อไป เขาแอบตัดสินใจเลือกที่จะ ‘ลาก’ ลูกซือหลิงขึ้นเขาลงห้วยไปด้วยกันแล้ว ผู้ใดให้เจ้าหน้าน้ำแข็งมีความสุขขัดตาเช่นนี้กัน!
ซือชงกับซือเล่าพร้อมใจกันแอบเลือกไม่กลับไปชั่วคราว
คำพูดพวกเขาก็คือ ยากจะมีชีวิตที่แสนอิสระเช่นนี้ ทำไมต้องกลับไปขลุกอยู่ในดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเช่นนั้น ไม่สู้ว่าให้ซือทั่วจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับไปชมไม่ดีกว่าหรือ
จะว่าไป หอกว่างชื่อโหลวเพิ่งก่อตั้ง ยังต้องการคำสั่งการของซือชง
ผ่านไปไม่นาน ซือเล่าก็คิดจะไปซีหลางอีกสักครั้ง แต่เขาไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ ดังนั้นระยะนี้เขารีบออกเดินทางไปแล้วก็จะรีบกลับ หลายวันนี้เขาขึ้นไปฝึกอยู่บนเขาต้าซื่อไม่กลับบ้านจนวรยุทธถึงขั้นสิบเต็มที่
ตั้งแต่วันนั้นที่ออกค้นหาหลินซือเย่ากับเสี่ยวเสวี่ย พวกหมาป่าก็ทำเป็นมองไม่เห็นนักฆ่าเย็นชาผู้นี้เข้าออกเขาต้าซื่อ หลบได้ก็หลบ แน่นอนต้องอยู่ในเงื่อนไขที่เขาไม่เข้าไปรบกวนชีวิตพวกมัน
……
วันที่ห้าเดือนสิบเอ็ด วันดีฤกษ์ดี เหมาะแก่การทำการมงคล
หลินซือเย่าเลือกวันนี้เป็นวันขึ้นบ้านใหม่
ย้ายของชิ้นใหญ่ก่อน ก่อนจะตามด้วยของชิ้นเล็ก สุดท้าย…เลือกบ่าวรับใช้
เหลียงหมัวมัวกับชุนหลันย่อมติดตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย อีกอย่างหลังกล่อมท่านเขยได้ เหลียงหมัวมัวก็เลือกสองสาวใช้ที่ไม่พูดมากมือไม้คล่องแคล่วว่องไวมาเพิ่ม บอกว่าบ้านใหม่ใหญ่กว่าบ้านเก่ามาก ต้องการใช้คนมากขึ้น
บ้านแบ่งออกเป็นสองชั้นหน้าหลัง ด้านหน้ามีห้องหลักห้าห้องเรียงกันสวยงาม ตรงกลางเป็นห้องโถงกับห้องอาหาร ซ้ายขวาเป็นห้องนอนกับห้องหนังสือ หลินซือเย่าสองสามีภรรยาอยู่ห้องปีกตะวันออก วันหน้าลูกๆ โตแล้วก็ไปอยู่ห้องปีกตะวันตก ด้านหลังมีอีกห้าห้องที่เตี้ยกว่าเรือนชุดหน้าเล็กน้อย หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องเก็บของ สามห้องคนรับใช้ แต่ละห้องอยู่กันสองคน
สำหรับอาหารและเหล้านั้นย่อมเก็บไว้ใต้ดิน ระหว่างเรือนสองชั้นก็จะปูลาดด้วยก้อนหินชิงจวน ยังมีทางเดินเล็กๆ มีบันไดลงไปยังห้องใต้ดิน ทางเข้าออกลับตามาก อยู่หลังต้นการบูรหอมต้นยักษ์อายุหลายสิบปีที่ไปขุดมาจากเขาต้าซื่อทั้งต้น หากมีภัยอะไรก็เข้าไปหลบห้องใต้ดินได้ แน่นอนว่าชาวบ้านเมืองฝานฮัวนอกจากพวกหูหนวก แทบจะไม่มีใครไม่รู้ว่าบ้านหลินสร้างห้องใต้ดินไว้บ่มสุรา
เพราะการก่อสร้างนี้ใหญ่โตมากจริงๆ หากไม่ใช่ว่าหลินซือเย่าไปตามช่างปูนในเมืองมาช่วย ไหนเลยงานจะเสร็จทันก่อนปีใหม่ ไม่ต้องพูดถึงว่าเงินทองย่อมไหลเทออกไปราวกับสายน้ำ
ลานทางด้านใต้ติดแม่น้ำขุดเป็นสระน้ำแล้ว มีช่องทางน้ำไหลเวียนน้ำกับแม่น้ำกว้างราวครึ่งเมตร ยังปูหินชิงจวนไว้สองสามก้อน ในสระน้ำหว่านเมล็ดพันธุ์ดอกบัวไว้ ปีนี้ไม่อาจได้เห็นภาพความงามดอกบัวเต็มสระ แต่เตรียมไว้สำหรับหน้าร้อนปีต่อไป
รอบสระบัวโปรยเมล็ดพันธุ์หญ้าไว้แต่ยังไม่ขึ้น ยังคงเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เมล็ดพันธุ์หญ้าได้มาตอนที่นางวังมอบให้ตอนขึ้นบ้านใหม่ ตอนนี้เอามาโปรยปลูกได้พอดี พอต้นฤดูใบไม้ผลิก็จะเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี รอให้ลูกๆ คลานได้ เหมาะกับการกลิ้งคลานไปตามพื้นของพวกเขา
ท่าน้ำตรงมายังเรือนหลักตามเส้นทางหินชิงจวนกว้างหนึ่งเมตร สองข้างทางปลูกพุ่มไม้เตี้ยเขียวสี่ฤดูตลอดแนวสูงราวครึ่งตัวคน คนเก่าแก่ที่รู้การปลูกดอกไม้บอกว่า ไม้พุ่มแบบนี้มีประสิทธิภาพ ขับไล่ยุงและแมลงได้ ไม่แพ้เทียนหลันขุย[1]
เล้าเป็ดเล้าไก่ คอกกระต่ายและคอกแพะที่บ้านเก่า ถูกเฟิงชิงหยาถล่มพังไปหมดแล้ว จึงต้องจ้างคนมาสร้างขึ้นใหม่
ไก่ป่าและกระต่ายที่บาดเจ็บ นอกจากพวกบาดเจ็บไม่หนัก ที่เหลือคืนนั้นก็ส่งเข้าห้องครัวหมด ส่วนที่บาดเจ็บก็เลี้ยงไว้ที่บ้านเก่า คนงานชายสามคนผลัดกันทำความสะอาด ไม่ได้กะว่าจะย้ายมาบ้านใหม่ด้วย หนึ่ง เพราะจะเป็นการทำลายความงามของสนามหญ้า สอง เพราะกระทบต่อการใช้ชีวิตในลานบ้านของลูกเขา ในวันหน้า
นับประสาอันใดกับการที่ตามความเห็นหลินซือเย่า เรื่องไก่ป่า กระต่าย และแพะพวกนี้ รวมถึงวัวนมที่อยากจะเลี้ยงก็จะทิ้งไว้ที่บ้านเก่า จะได้ให้เด็กๆ ที่มาเรียนในสำนักศึกษาได้ให้อาหารไปด้วย ได้ทีเดียวสองต่อ
ลานทางเหนือนอกจากเส้นทางตรงไปยังประตูหน้าที่ปูลาดด้วยหินชิงจวนที่มีพุ่มไม้เตี้ยสองข้างทางเหมือนกันแล้ว ที่ว่างที่เหลือค่อนไปทางตะวันออกก็จะเป็นผลไม้ทั้งแถบ ในความผสมปนเปก็แอบมีระเบียบอยู่ ล้วนเป็นผลไม้ป่าต่างๆ ที่หลินซือเย่าขุดย้ายมาจากเขาต้าซื่อ เช่น ต้นทับทิม ต้นท้อ ต้นผีพา ต้นอิงเถา ต้นหลี ต้นพุทรา ต้นผิงกั่ว[2] ต้นบ๊วย เป็นต้น ล้วนไม่ใช่พวกต้นแก่ แต่เป็นต้นที่ยังเติบโตต่อไปได้อีก ทางลานตะวันตกก็ปลูกดอกเหมยหลากสี เป็นเพราะหลินซือเย่าพบโดยบังเอิญว่าซูสุ่ยเลี่ยนชอบปักกิ่งดอกไม้ต่างๆ ไว้ในแจกันกระเบื้องเคลือบมาก พวกกิ่งเหมยฤดูใบไม้ผลิ ใบบัวหน้าร้อน หรือเบญจมาศฤดูใบไม้ร่วง กิ่งเหมยฤดูหนาว สี่ฤดูล้วนมีผลัดเปลี่ยน ดังนั้นจึงเหมาซื้อต้นเหมยอายุสองปีสิบกว่าต้นมาหมด
นอกจากป่าเหมยผืนเล็กนี้แล้ว กำแพงสี่ด้านยังมีดอกไม้ป่าปลูกอีกไม่น้อย เช่นพวกกล้วยไม้ เบญจมาศ ดอกไห่ถัง กุหลาบหนู…ล้วนเป็นดอกไม้ที่เขาพบบนเขาต้าซื่อแล้วก็เลือกขุดกลับมาปลูก
กำแพงบ้านใหม่ก็เหมือนกับกำแพงบ้านพวกซือทั่ว ไม่ใช้ไม้มาทำรั้วอีกแล้ว แต่ใช้หินชิงจวนก่อขึ้นมาเป็นกำแพงสูงใหญ่
กำแพงแน่นหนาสูงราวตัวคน ความสูงเหนือศีรษะขึ้นไปก็ใช้การวางหินสลับเป็นลายแฉก ป้องกันคนแอบมองได้และยังให้ลมพัดผ่านได้ด้วย
หินชิงจวนจำนวนมากขนาดนี้ เมืองฝานลั่วหาซื้อไม่ได้ ต่อมาเถียนต้าฟู่ฝากญาติที่เมืองชิงเถียนข้างๆ ซื้อหามาจากเมืองอันสือที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ เป็นเมืองที่สกัดหินก้อนพวกนี้ ขนมาด้วยเรือห้าลำใหญ่เต็มๆ เอามาตัดเป็นก้อนเล็กหลายวันกว่าจะเสร็จ หินชิงจวนที่เหลือส่วนใหญ่ก็ขายไปบ้าง บางส่วนก็ให้ไปบ้าง บรรดาบ้านช่างและคนงานก็ต้องการใช้ เรื่องดีงามเช่นนี้ไม่มีผู้ใดไม่ชอบ
เป็นเช่นนี้ บ้านหลินในเมืองฝานฮัวก็ให้ภาพคหบดีต่างเมืองแท้จริงแล้ว บ้านที่กำแพงสูงใหญ่ สาวใช้และคนงานชายออกไปไหนก็มีรถม้าพร้อมและองครักษ์อารักขา ทำเอาพวกปากมากในหมู่บ้านได้แต่อิจฉาตาร้อน แต่ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาอีก
คนเรานี่หนา พอมีคนที่ห่างไกลกับตนเองลิบลับ ก็ย่อมไม่คิดตะเกียกตะกายไปเปรียบเทียบ ในใจย่อมรู้ว่าตะกายไม่ถึง
……
เหลียงหมัวมัวทำตามคำสั่งหลินซือเย่า ไม่จัดคนงานชายกับองครักษ์เข้ามาอยู่ในเรือน ท่านเขยใส่ใจคุณหนูอย่างมาก นางเห็นกระจ่างกับตา เห็นว่าท่านเขยวรยุทธสูงส่ง เหลียงหมัวมัวก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดต่อ
คนงานชายจัดการง่าย กลางคืนก็ให้ไปพักบ้านที่มีกำแพงกั้น กลางวันหากมีงานวิ่งขนของส่งของอะไร ก็สั่งให้สาวใช้ไปแจ้งก็พอ แต่องครักษ์ล่ะ เดิมมาเพื่ออารักขาความปลอดภัยให้คุณหนู ทีนี้ดีเลย งานอะไรก็ไม่ต้องทำ วันๆ เอาแต่ขลุกในบ้านอีกฝั่ง ไม่ต้องพูดถึงจิตใจของพวกองครักษ์เซียวทั้งแปดคน ถูกคัดเลือกจากจวนอ๋องให้รอนแรมมานับพันลี้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกกันไปอยู่อีกบ้านไม่มีอะไรให้ทำทั้งวัน แค่คิดถึงว่าหากท่านอ๋องผู้เฒ่ารู้จะโดนอะไร แค่นึกเหลียงหมัวมัวก็แอบกลัวแทนแล้ว
“งานองครักษ์ ข้าย่อมคิดวางแผนเอง” วันนี้เหลียงหมัวมัว ‘หลุด’ ออกมาถึงพวกองครักษ์ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงาน หลินซือเย่าก็กล่าวเช่นนี้
เขามั่นใจว่าเขาย่อมคิดวางแผนเอง ในบ้านบางครั้งก็ต้องการคนอารักขาเช่นตอนที่เขาไม่อยู่
แต่หัวหน้าองครักษ์เซียวเหิงคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับคนอื่นๆ หลินซือเย่าส่ายหน้า ไร้ประโยชน์จริงๆ ไม่สู้ติดตามซือชงไปหอกว่างชื่อโหลวเรียนรู้การต่อสู้อื่นมาหน่อยก็ดี
ในเมื่อเหลียงหมัวมัวบอกว่าคนเหล่านี้จวนอ๋องจิ้งจัดมาไว้ที่นี่ก็ถือเป็นคนสุ่ยเลี่ยนแล้ว เช่นนั้นเขาหวังว่าจะทำให้พวกเขาเป็นคนที่ใช้การได้อีกสักหน่อย ไม่ได้เป็นเพียงแค่ไม้ทื่อๆ คอยเฝ้าประตู
เพื่อสะดวกเข้าออก หลินซือเย่าตอนสร้างบ้านใหม่ก็สร้างประตูไม้กั้นระหว่างบ้านบนพื้นที่สี่หมู่กับบ้านใหม่ไว้ก่อนแล้ว พอตนย้ายเข้าบ้านใหม่ ก็อาศัยพวกองครักษ์เซียวเหิงที่พักอยู่เรือนสวนไผ่ที่ใกล้ประตูที่สุดให้พวกเขาคอยอารักขาสุ่ยเลี่ยนตรงนี้
ทำเช่นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พวกซือทั่วทั้งสามคนไม่อาจเข้าใกล้บ้านใหม่เขาได้ง่ายๆ ยังต้องผ่านสายตาองครักษ์จวนอ๋องจิ้งมาก่อน
แม้ว่าประตูไม้นี้ไม่ยากอะไรสำหรับพวกซือทั่ว แต่ในเมื่อมาเยือนก็คงไม่ปีนกำแพงเข้ามา ต้องเคารพเจ้าของบ้านด้วย แม้ว่าคำว่าเคารพสำหรับพวกเขาทั้งสามคนมันจะยากอยู่บ้างก็ตาม!
ดังนั้นพอจัดการทุกคนเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ยามโหย่ววันนั้นก็จัดงานเลี้ยงที่ศาลเมืองฝานฮัวอีกรอบให้ครึกครื้น ครั้งนี้หลินซือเย่ามอบหมายการเชิญคนมาร่วมงานให้ผู้ใหญ่บ้านไปจัดการ
อย่างไรก็จัดเก้าโต๊ะเพื่อความหมายมงคลว่ายืนยาว สำหรับนั่งพอไหม ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจ
เหลือไว้สามโต๊ะให้เขาเองหนึ่ง นอกจากเขากับสุ่ยเลี่ยน พวกซือทั่วสามคน ยังมีเชิญเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมสิงไหลสามคนกับเจียงอิ้งเยว่และเจียงอิ้งอวิ๋นสองพี่น้องแห่งร้านผ้าปักเยว่อวิ๋นมาด้วย
อีกสองโต๊ะให้พวกองครักษ์กับคนงานชายและสาวใช้จวนอ๋องจิ้ง เดิมเหลียงหมัวมัวกับชุนหลันอย่างไรก็ไม่ยอมนั่งโต๊ะ หลินซือเย่ากับสุ่ยเลี่ยนได้แต่แสดงท่าทีว่า ‘อย่างไรที่นั่งก็ว่าง จะนั่งไม่นั่งก็ตามใจพวกเขา’ พวกเขาจึงได้แต่นั่งลงคำนับสุรากันอย่างระมัดระวัง ในใจก็แอบบอกตนเองว่า นี่เป็นงานมงคลใหญ่ ไม่อาจปฏิเสธความหวังดีของนาย
ครั้งนี้อาหารและคนครัว หลินซือเย่าไปเชิญมาจากร้านอู่ชิ่นไจ คืนหนึ่งหนึ่งตำลึง มีพ่อครัวไหนไม่อยากมา ไม่เพียงคนมา ยังมีโต๊ะเก้าอี้มาด้วย หญิงล้างผักเตรียมอาหารก็มากันพร้อม แอบคิดว่าหากทำได้ดี ครั้งหน้าก็จะได้มีงานดีๆ อย่างนี้ทำอีก ยังคงมาหาพวกเขาอีก
สำหรับรายการอาหาร หลินซือเย่าหารือกับสุ่ยเลี่ยนแล้ว ก็เลือกอาหารแบบวันย้ายบ้านเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง ก็นับว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณเพื่อนบ้านที่ให้ความช่วยเหลือ
สรุปงานเลี้ยงกินกันจนหน้าตาแดงก่ำไปหมด หนึ่งด้วยฤทธิ์สุรา สองด้วยรู้สึกละอายใจตนเองกับความใจกว้างของบ้านหลิน ดูสิคนเขาไม่เพียงไม่ถือสาพวกเราที่แอบวิจารณ์พวกเขาซื้อที่สร้างบ้าน ถึงกับยังตามนางตระกูลฮัวไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน ตอนนี้เชิญพวกเขามาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่เสียเลย ไม่ละอายใจได้หรือ
สำหรับผู้ใหญ่บ้าน พอเขาคิดคำนวณคนอย่างละเอียด นอกจากบ้านเหลา บ้านเถียน กับบ้านตนเองที่หลินซือเย่ากำชับว่าให้มาทั้งบ้านแล้ว ที่นั่งที่เหลือนอกจากตระกูลฮัวที่ไม่ถูกกับบ้านหลินเลยไม่เชิญแล้ว ที่เหลือก็เชิญมาร่วมหมด สำหรับเด็กน้อย มีที่นั่งหรือไม่ไม่สำคัญ ปล่อยพวกเขาเล่นกันไปได้
ความจริงก็คือหลินซือเย่าเองก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านตามผู้ใดมาบ้าง และก็ไม่มีเวลาไปรู้ เขาสนใจแค่ซูสุ่ยเลี่ยน ขอเพียงนางเบิกบานใจ ลืมการคลอดที่กำลังจะมาถึงนี้ไป ไม่เครียดและไม่กังวลอีก ไม่สนใจว่าต้องเสียเงินทองเชิญคนมาอีกสักเท่าใด
ในความคิดเขานั้นคาดหวังว่าจะอาศัยความครึกครื้นนี้ขจัดความเครียดของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการคลอดไปได้ หมอว่าอย่างไรนะ? ฮูหยินท่านร่างกายบอบบาง คลอดลูกแฝดมีความเป็นไปได้มากว่าจะคลอดยาก
เขายอมรับว่าเรื่องพวกนี้ส่งผลต่อเขามาก หากรู้เช่นนี้ ตอนสุ่ยเลี่ยนท้องยังไม่ถึงสามเดือนก็ควรกำจัดทิ้งก่อน
หากได้ลูกแล้วต้องเสียนางไป เขายอมไม่มีลูกไปตลอดชีวิตดีกว่า
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ เขาไม่อาจให้นางรู้ จึงได้สั่งเหลียงหมัวมัวและพวกสาวใช้ให้ปิดปากเงียบ ต่อหน้านางอย่าพูดจาเหลวไหล
เขาไม่อนุญาตให้มีความเป็นไปได้นี้เด็ดขาด ดังนั้นตั้งแต่หมอบอกว่ามีความเป็นไปได้นี้แล้ว เขาก็สั่งเหลียงหมัวมัวไปแจ้งจวนอ๋องจิ้งที่เมืองหลวงว่าต้องการหมอหลวง เพียงแต่ตอนนี้เวลากระชั้นชิดเข้ามาแล้ว หมอหลวงก็ไม่มาสักที ทำให้เขาร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว
ไม่อาจนั่งรอความตายเช่นนี้ หารือกับซือชงแล้วก็ส่งซือถูอวิ๋นออกเดินทางไปเมืองหลวง แต่เขากับหมอหลวงก็ยังไม่มา เป็นเพราะจวนอ๋องจิ้งไม่มีหน้าพอเชิญหมอหลวงมาได้ หรือว่ามีเรื่องติดขัดอันใดกัน
หลินซือเย่าคิดในใจไปมาหลายรอบก็คิดไม่ตก อยากจะตัดสินใจวู่วามสักหน่อย คิดไปเมืองหลวงบุกเข้าวังหลวงจับตัวมาเสียเลย แต่ก็เป็นห่วงสุ่ยเลี่ยนกำลังจะคลอด ร้อนใจส่วนร้อนใจ สีหน้ายังคงไม่แสดงออก กลัวว่านางเห็นแล้วจะเดาอะไรออก
แม้ว่าระยะนี้ดูท่าทางประหลาดของนางที่เหมือนพอจะเดาความยากลำบากของการคลอดได้ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เลือกวันเวลาก่อนคลอดนี้เย็บชุดสี่ฤดูให้เขาไม่ได้พักสักวัน เหมือนกลัวว่าเขาไม่พอใส่
แต่นางไม่พูด เขาก็ไม่ถาม เพียงแต่พอคิดถึงความเป็นไปได้ ในใจเขาก็แอบรู้สึกปวดแปลบขึ้นมา
———————
[1] ดอกเจอราเนียม
[2] ต้นผีพาให้ผลสีเหลืองคล้ายมะปราง ต้นผิงกั่วก็คือต้นแอปเปิล ต้นอิงเถาก็คือต้นเชอร์รี ต้นหลีก็คือต้นพลัมที่มีผลสีม่วงเข้ม