“อาเย่า?” เสียงเรียกดังอ่อนโยนจะข้างกายทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด
“ไม่มีอะไร กินมากอีกหน่อย คลอดลูกใช้กำลังมาก” เขาแกะก้างปลาออกให้นางอย่างเอาใจ ก่อนจะวางเนื้อปลาขาวสะอาดลงในชามของนาง
“ได้” นางอมยิ้มพยักหน้า นางรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาเหม่อลอยเช่นนี้ได้ก็คงมีแต่ลูกในท้องของนาง และการคลอดของนางว่าจะปลอดภัยหรือไม่
จะคลอดท้องนี้ออกไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ นางเองก็ไม่แน่ใจเท่าไร
โดยเฉพาะหลังจากได้ยินวาจาหนักหนาของหมอแล้ว
ใช่ ตอนตรวจวันนั้นเสร็จ เดิมคิดว่าจะลุกไปส่งหมอ แต่กลับได้ยินเสียงหมอกล่าวกับอาเย่าด้านนอกว่า การคลอดของนางอันตรายมาก
แต่โบราณมาท้องแฝดจะเสียเลือดมา ร่างกายแม่จะได้รับความกระทบกระเทือน หนักสุดก็จะตายหลังคลอด
แต่ว่านางไม่คิดว่าร่างกายตนเองจะทนรับไม่ไหว อย่างไรตอนตั้งท้องได้ครบสามเดือน นางแทบจะกินกลั่นหยกเซียนทุกวัน วันละหยดใส่น้ำดื่มถ้วยหนึ่ง ผ่านมาถึงตอนนี้ก็ปรับร่างกายมาได้ นางไม่รู้สึกว่าร่างกายนี้มีอะไรผิดปกติ
กลับกันนางยังรู้สึกว่าระยะนี้พลังกายยิ่งดีขึ้น แม้แบกรับร่างกายหนักเพียงนี้ เดินเร็วๆ ก็ยังไม่รู้สึกลำบากอะไร ราวกับนอกจากท้องโตแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเคลื่อนไหวลำบาก ที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรกับตอนยังไม่ตั้งครรภ์
ลูกในครรภ์นางตอนนี้ก็ปกติดี ไม่เพียงทุกวันเช้าค่ำคุยกับนางสามเวลาอาหาร ระหว่างนี้ยังแอบเตะนางหลายที พฤติกรรมซุกซนยิ่ง ในใจนางเดาว่าเป็นเด็กผู้ชาย จะมีลูกผู้ชายที่แข็งแรงกำยำเหมือนกับอาเย่า!
ดังนั้นนางจึงไม่ได้เก็บคำพูดของหมอมาใส่ใจ แม้ไม่เชื่อประสิทธิภาพของกลั่นหยกเซียน แต่ก็ควรเชื่อความรู้สึกของตัวเองกระมัง นางเชื่อว่านางจะต้องคลอดท้องแฝดนี้ออกมาได้อย่างราบรื่น
ขณะที่นางกำลังงึมงำกล่าวกับตนเอง ลูกๆ ในท้องของนางก็เตะนางเบาๆ เหมือนรับรู้
เหอๆ นี่พวกเขากำลังชมนางใช่ไหม
ดังนั้นซูสุ่ยเลี่ยนก็ผ่อนคลายเต็มที่ นอกจากทุกวันไปเดินเล่นริมแม่น้ำ ก่อนนอนนางดึงอาเย่ามาสัมผัสกับลูกทั้งสองแล้ว ก็ยังแอบเอางานตัดเย็บที่ไม่ได้แตะนานแล้วออกมาตัดชุดใหม่ให้อาเย่าใส่ปีใหม่ด้วย เสื้อตัวในเพิ่มอีกสองชุด ตัวกลางผ้าฝ้ายหน้าอีกสองสามชุด เพราะว่าเขาไม่ชอบสวมเสื้อหน้าหนาวตัวหนาหนักเท่าไร
แน่นอนเพื่อป้องกันสายตาเมื่อยล้า นางมักจะลุกขึ้นเดินไปมาด้วยตนเอง ไปดื่มน้ำกินขนมและหยุดงานปักเย็บหลังพระอาทิตย์ตกตามเวลา
คิดว่าเพราะนางใช้ชีวิตมีระเบียบกฎเกณฑ์ อาเย่าเลยไม่ห้ามนาง นี่คือการคาดเดาของซูสุ่ยเลี่ยนเอง ไหนเลยจะคิดว่าถูกหลินซือเย่าเข้าใจผิดไปไกลลิบลับแล้ว
……
วันเวลาผ่านไปรวดเร็วมาถึงฤดูกาลตงจื้อ[1] ในหน้าหนาวแล้ว
ก่อนหน้านี้ได้ข่าวจากซือถูอวิ๋นว่าจวนอ๋องจิ้งเมืองหลวงเชิญหมอหลวงมาได้แล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็ไม่ว่าอะไร
หากทำให้อาเย่าวางใจได้ ทำไมจะไม่จัดการตามใจเขา รวมทั้งการจัดการของเหลียงหมัวมัวที่เตรียมหมอตำแยมีประสบการณ์มาสองนางให้เข้ามาอยู่ในเรือนบ่าวแล้ว กลัวว่านางจะคลอดก่อนกำหนด
นับประสาอันใดกับการที่นางเองก็หวังให้คลอดออกมาอย่างราบรื่น หากไม่ต้องลำบากหมอหลวงที่ท่านพ่อท่านแม่นางเชิญมาจากเมืองหลวงก็ย่อมดีที่สุด
อย่างไรเมืองฝานลั่วไม่ใหญ่ มีร้านหมอแค่สองร้าน หมอก็มีจำกัด หากวันคลอดเกิดหมอมาไม่ทัน เกิดเหตุอันใดขึ้นจริง ไม่ใช่ว่าแย่หรอกหรือ
หากเชิญหมอหลวงมาไม่ได้ นางเองก็ไม่คิดว่าการคลอดของนางจำเป็นต้องมีหมออยู่ด้วยจริงๆ
……
“คุณหนู ลมแรงแล้ว ระวังเป็นหวัด” ชุนหลันเอาเสื้อคลุมออกมาคลุมไหล่ให้ซูสุ่ยเลี่ยน ปากก็ยังบ่นไม่หยุด ระยะนี้ในใจทุกคนต่างเป็นกังวลว่านางจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
“อืม อย่างนั้นกลับห้องกัน อาเย่าก็คงจะกลับมาแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ไม่โต้แย้งเจตนาดีของสาวใช้อีก
ตอนนี้ปลายยามเว่ยแล้ว คิดถึงหนึ่งชั่วยามก่อนที่อาเย่าถูกซือชงมาลากไปหอกว่างชื่อโหลวในเมืองฝานลั่วหารือลับกัน ตอนนี้ก็คงใกล้กลับมาแล้ว ก่อนเขาออกไปบอกว่าไม่เกินหนึ่งชั่วยามก็จะกลับมา เช่นนั้นเขาก็จะกลับมาตามคำสัญญาแน่นอน
ชุนหลันกำลังจะกล่าวอันใดต่อก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากหน้าประตู พวกองครักษ์เซียวเหิงที่แต่ไรมาอยู่ในความเงียบสงบ ยามนี้ถึงกับสีหน้าตกใจส่งเสียงเอะอะดังกรูกันเข้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาซูสุ่ยเลี่ยนแปลกใจ
“คุณหนูสี่ ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่ามาถึงเมืองฝานลั่วแล้ว ตอนนี้กำลังมาที่นี่”
ตูม สวรรค์! ซูสุ่ยเลี่ยนตกใจมองตาค้างปริบๆ ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าป่วยลุกไม่ขึ้นหรือ ทำไมอากาศหนาวๆ อย่างนี้ก็รอนแรมพันลี้มาถึงเมืองฝานฮัวที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดของแผ่นดินต้าหุ้ยนี้ได้
ขณะกำลังจะถามให้ละเอียดก็เริ่มรู้สึกเจ็บท้อง ก่อนจะเจ็บมากเหมือนจะระเบิดออกมา
“ชุน…ชุนหลัน…” ซูสุ่ยเลี่ยนคว้ามือสาวใช้ข้างกาย
“คุณหนู! ท่านเป็นอะไรไปหรือ” ชุนหลันถูกนางคว้าไว้ก็ได้สติจากข่าวที่ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าจะมาที่นี่ มองเห็นสีหน้าซีดขาวของซูสุ่ยเลี่ยนก็ตกใจลนลาน
“คุณหนู…คงไม่ใช่ว่าจะคลอดแล้ว?” เซียวเหิงคาดเดาไม่หยุด จากนั้นวิ่งเข้าไปในห้องครัว ไปแจ้งเหลียงหมัวมัวที่ใหญ่ที่สุด “ชุนหลัน รีบประคองคุณหนูเข้าไปในห้อง ข้าไปแจ้งเหลียงหมัวมัวแล้วก็จะไปตามหมอตำแย” วิ่งไปก็ตกใจตะโกนใส่ชุนหลันที่มือไม้ลนลานไปพร้อมกัน
“อ้อ…อ้อ…” ชุนหลันจึงได้สติ ประคองซูสุ่ยเลี่ยน “คุณหนู ท่านยังเดินไหวไหม”
“ไหว…” ซูสุ่ยเลี่ยนทนความเจ็บปวด กล่าวได้แค่คำเดียวก็รู้สึกด้านล่างของร่างกายมีน้ำเหนียวไหลรดกางเกง “ชุน…หลัน…ข้า ข้าเหมือนจะคลอดแล้ว…”
“สุ่ยเลี่ยน…” เสียงเร่งร้อนมาพร้อมกับเงาร่างทะยานรวดเร็วมาถึงข้างกายซูสุ่ยเลี่ยน คว้าเอวนางอุ้มขึ้นทันที “ชุนหลัน ไปเตรียมน้ำร้อน”
ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นหลินซือเย่ากลับมาแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก นางพิงเขาไว้ปล่อยให้เขาอุ้มนางกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
ในและนอกห้องมีแต่เสียงคนเอะอะดังไปหมด
โชคดีที่ก่อนหน้านี้เตรียมนัดหมอที่ร้านหมอฮุ่ยชุนถังไว้แล้ว ขอเพียงส่งคนไปตามในเมืองก็จะรับหมอมาได้ทันที
ดังนั้นองครักษ์คนหนึ่งจึงไปพร้อมกับเซียวเหิง สองคนนำรถม้าที่ไม่ได้ใช้นานออกไปอย่างเร่งด่วน มุ่งตรงไปยังตัวเมือง
ยามนี้ถึงกับลืมรายงานเหลียงหมัวมัวกับหลินซือเย่าว่า ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่ากำลังจะมาถึงเมืองฝานฮัว
แต่พอนึกเรื่องนี้ได้ รถม้าก็เร่งทะยานอยู่บนถนนหลักเมืองฝานลั่วแล้ว
เซียวเหิงขมวดคิ้ว ในใจขอให้ชุนหลันรู้ว่าควรรายงาน อย่างไรเรื่องใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าเดินทางรอนแรมกันมาทำไม อย่างไรก็คงไม่ใช่แค่มาเยี่ยมเยือนคุณหนูสี่กระมัง
เซียวเหิงส่ายหน้าสลัดการคาดเดาในใจที่เป็นไปไม่ได้ทิ้งไป
คุณหนูสี่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ พระชายาเฒ่า ท่านอ๋องผู้เฒ่าแต่ไรมาก็นิสัยเอาแต่ใจและเย็นชา ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินทางมายังที่ห่างไกลเพื่อลูกสาวที่ยังแปลกหน้าผู้นี้
ผู้ใดล้วนรู้ จวนอ๋องจิ้งใหญ่เพียงใด ไม่ขาดที่สุดก็คือคุณหนู
ว่ากันว่าท่านอ๋องผู้เฒ่ามีภรรยาน้อยถึงเจ็ดคน ยังไม่รวมบรรดาสาวใช้อุ่นเตียงอีกมากมายนับไม่ถ้วน นับไปนับมาก็มีคุณชายสามคนกับคุณหนูเก้าคนให้ท่านอ๋องผู้เฒ่าแล้ว นอกจากคุณชายใหญ่ที่สืบทอดตำแหน่งต่อแล้ว คุณชายน้อยที่เหลืออีกสองคนก็ตายตั้งแต่อายุยังน้อย คุณหนูเก้าคนกลับแข็งแรงดี ในจำนวนนี้มีคุณหนูที่เรียงตามอายุแล้วอยู่ลำดับสี่ที่ตอนนี้เขาดูแลอารักขาอยู่ สองปีก่อนท่านอ๋องผู้เฒ่านำกลับจวนอ๋องมาประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเป็นคุณหนูสี่แทรกลำดับขึ้นมา
แม้ว่าเป็นเลือดเนื้อที่สูญหายไป หลายปีไม่ได้ความรักเมตตา แต่หลังคุณหนูสี่เกิดเรื่อง ท่านอ๋องผู้เฒ่าก็ยอมรับมารดาแท้ๆ คุณหนูเข้าไปตั้งในศาลบรรพชนจวนอ๋อง การได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เพียงพอจะทำให้นางเหนือกว่าคุณหนูคนอื่น ไม่เช่นนั้นจะยอมเดินทางรอนแรมนับพันลี้มาเยี่ยมนางหรือ?!
เซียวเหิงคิดเช่นนี้ไป แต่มือก็ยังคงเคลื่อนไหว กระชากบังเหียนม้าเร่งรถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว เร่งทะยานสู่เมืองฝานฮัว
หากเพราะความล่าช้าตนทำให้คุณหนูสี่เกิดอะไรขึ้นมา ท่านอ๋องผู้เฒ่าไม่ไว้ชีวิตเขาแน่ เขาเองก็ไม่อาจให้อภัยตนเองเช่นกัน
รถม้าวิ่งฝุ่นตลบ มาถึงหน้าร้านหมอก็โดดลงไปคว้าตัวหมอขึ้นรถกำลังเร่งเดินทางกลับ พลันเห็นรถเทียมม้าหรูหราด้วยม้าถึงแปดตัวหยุดอยู่ตรงหน้า
“องครักษ์เซียว? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” คนที่เลิกม่านคุยกับเซียวเหิงก็คือสาวใช้ใหญ่ตงเหมยประจำตัวพระชายาเฒ่าจวนอ๋องจิ้ง
“แม่นางตงเหมย” เซียวเหิงสบตากับองครักษ์อีกคน จากนั้นโดดลงจากรถม้า มายังหน้ารถม้าหรูหราคุกเข่าคำนับคนในรถม้า
“ที่สาธารณะ ไม่ต้องมากพิธี” เสียงผู้ชายเหนื่อยอ่อนดังมาจากในรถ หยุดการคำนับของพวกเซียวเหิงสองคนเอาไว้
“ไม่อยู่อารักขาข้างกายคุณหนู วิ่งมาทำอะไรที่นี่กัน”
“เรียนท่านอ๋อง คุณหนูจะคลอดแล้ว สั่งให้พวกเรามารับหมอ”
“ยังไม่รีบไปอีก ชักช้าอะไรอีก!” เสียงดังตะโกนออกมาจากในรถม้า จากนั้นเสียงเร่งร้อนใจสั่งการว่า “เร็ว รีบไปเมืองฝานฮัว ไม่ใช่บอกว่ายังอีกสองเดือนคลอดหรือ”
พอพวกเซียวเหิงสองคนกำลังออกจากร้านหมอ รถม้าหรูก็เร่งทะยานตรงไปยังเมืองฝานฮัวแล้ว
ในรถม้ามีสตรีท่าทางอ่อนโยนนุ่มนวลอยู่นางหนึ่งส่งเสียงกล่าวดังขึ้น ขัดข่าวเคร่งเครียดที่เซียวเหิงนำมา
“ไม่ต้องร้อนใจ หมอโอวหยางไม่ใช่เดินทางล่วงหน้าไปกับศิษย์เขาแล้วหรือ”
“โอวหยาง? เขานับเป็นหมอหลวง ก็แค่หมอสามัญ จะเข้าห้องคลอดลูกสาวเราได้หรือ”
“โอวหยางยังมีศิษย์หญิงทำคลอดให้บรรดาสนมนางในในวังไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งนะ”
“ชิชะ เด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! เจ้าฟังคำโอวหยางแล้วเชื่อสิผีหลอก!”
”เหลียงเสวียนจิ้ง ทำไมเจ้าต้องคอยขัดกับข้าเรื่อย เอินซวี่ก็ลูกสาวข้า ตอนแรกหากไม่ใช่ภรรยาน้อยควรตายของเจ้า เราแม่ลูกต้องจากกันสิบห้าปีหรือ”
“หยุด เจ้าต้องมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้?”
“ถูกต้อง! หากเอินซวี่มีอะไรขึ้นมา ข้าก็จะไปกับนางแล้ว ฮือ ฮือ ฮือ…เจ้าทำอะไร!”
“อย่าพูดจาเหลวไหล! แม้ว่าท้องแฝดแล้วอย่างไร หรือข้าไม่ควรเชื่อฝีมือการรักษาของหมอโอวหยาง”
“…อย่างนั้นที่เจ้าพูดจาวุ่นวายเมื่อครู่มันเพราะอะไรล่ะ”
“ข้า…ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือ ผู้ใดให้เจ้าเอาแต่ชื่นชมเจ้าหมอนั่น แม้เขาร้ายกาจเพียงใด เจ้าก็คือพระชายาข้า ในใจมีได้แต่ข้า”
“โอ๊ะ! อายุปูนนี้แล้ว ยังมาพูดเรื่องพวกนี้อีก”
“ก่อนหน้าไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดหรือ! เจ้าโทษข้าทำลูกสาวตาย ข้าโทษเจ้าที่ใส่ร้ายข้า ตอนนี้ก็ปมคลี่คลายแล้ว มีอะไรให้เจ้าหาเรื่องอีก!”
“ใช่สิ ก็ไม่รู้ผู้ใดมีภรรยาน้อยคนแล้วคนเล่า รับภรรยามากมายนับไม่ถ้วน! เชอะ!”
“ไฉ่อวิ้น ข้าไม่ใช่ว่าเคยอธิบายกับเจ้าแล้วหรือ นั่นไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้เจ้าหรือ!”
“ใช่สิ เป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้ข้าจนสิบเจ็ดปีมานี้ไม่มีสักคน! หากไม่ใช่เอินซวี่ยังอยู่ ชีวิตนี้ข้าก็คงน่าสงสารต้องอยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยวแล้ว!”
“ไม่ใช่ว่ายังมีข้า…”
“ขออภัย มีเมียน้อยตั้งเจ็ดคนจับจ้องท่านอยู่ ข้าไม่คิดหาเรื่องใส่ตัวหรอก!”
“เฟิงไฉ่อวิ้น! อย่าเกินไปนะ ข้ายอมเจ้าไม่ได้หมายความว่าข้ากลัวเจ้านะ”
“เชอะ ผู้ใดกลัวผู้ใด! ตอนนี้หาลูกสาวเจอแล้ว อย่างมากข้าก็ตามมาอยู่กับนาง! ผู้ใดเสียดายกรงขังนั่นกัน!”
“เจ้า…”
“ข้าทำไม”
“…”
————-
[1] จีนแบ่งปีหนึ่งเป็นสี่ฤดู แต่ละฤดูแบ่งอีกหกฤดูกาล ตงจื้อคือหนึ่งในฤดูกาลหน้าหนาว