บทที่ 96 โจรออกอาละวาด

บทที่ 96 โจรออกอาละวาด

ซูเถารีบวิ่งเข้าไปและเห็นหญิงชราที่นั่งกุมขมับร้องไห้ฟูมฟาย เธอไม่เคยเห็นหญิงชราที่ปกติมักจะมีแต่เสียงหัวเราะร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นจึงรีบเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้

“ไม่เป็นไรนะคะ ไม่เป็นไรนะ ผักยังพอมีอยู่ค่ะ เดี๋ยวหนูพาไปเก็บนะคะ หนูสัญญาว่าจะจับโจรให้ได้ ไม่ต้องโกรธนะคะ ถ้าล้มป่วยจะไม่คุ้มกันนะ”

คุณย่าเฉินเสียใจมาก แต่ก็สงบใจหลังจากได้รับคำปลอบโยนจากซูเถา

ถังชิงซูฝ่ายภรรยาของคู่แต่งงานทหารก็อยู่ตรงนั้นด้วย เธอจึงอธิบายเรื่องนี้กับซูเถาสั้น ๆ

“ตอนแรกคุณป้าเฉินวางผักไว้บนขอบหน้าต่างครัว เธอเปิดหน้าต่างเอาไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท แต่ใครจะรู้เมื่อเธอหันกลับไปอีกรอบ ผักก็หายไป โจรนี้มันเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนมันกล้าขโมยของแต่ในที่สาธารณะ แต่ตอนนี้กล้ามาขโมยถึงหน้าต่างแล้ว”

ผู้เช่ารายอื่นที่อยู่ใกล้เคียงก็ยืนยันเช่นกัน

มีคนแขวนเนื้อตากแห้งประมาณ 2 กิโลกรัมเอาไว้ที่ระเบียง ก็ถูกขโมยไปเช่นกัน ปัจจุบันราคาของเนื้อสัตว์นั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากบวกกับคะแนนสมทบอีก

เมื่อซูเถาฟังเธอก็รู้สึกใจสลายแทนผู้เช่า ใบหน้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น

ถังชิงซูกล่าวว่า “ทุกคน ฉันขอพูดอะไรหน่อย คนที่มันสามารถเข้ามาขโมย น่าจะเป็นคนในที่มีมือเท้าสกปรก เพราะว่าโดยทั่วไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนนอกเข้ามาที่นี่ได้ แต่นี่มันมีโอกาสหลายครั้งที่เข้ามาถึงอาคารที่พักของพวกเรา”

สิ่งที่เธอพูดก็มีเหตุผล และตรงไปตรงมาพอที่จะทำให้ทุกคนเงียบเสียง

ซูเถามีสีหน้าไม่สู้ดี “ทุกคนกลับไปได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ฉันจะไม่จับแพะหรือใส่ความใครแน่นอน”

ข้าวเย็นก็ยังต้องกินอยู่ ดังนั้นซูเถาจึงไปที่ห้องเรือนกระจกกับคุณย่าเฉินเพื่อเก็บผักอีกครั้ง เธอนำผักกาดแก้วที่ดูดีที่สุดกลับมาหนึ่งตะกร้า และนั่นทำให้คุณย่าเฉินรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงโกรธจนกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอจับมือของซูเถาและพูดว่า

“หนูเถา หนูต้องจับหัวขโมยนั่นให้ได้นะ ฉันจะใช้เขียงฟาดหัวมัน!”

“ค่ะ ๆ หนูจะจับให้ได้นะ”

สุดท้ายทุกคนในโรงอาหารก็ได้กินผัดผักน้ำมันหอยของคุณย่าเฉินสมใจ

ผักรสชาติดี กรอบ มีกลิ่นหอม ทุกคนใช้ตะเกียบคีบกันไม่หยุดและหมดลงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว คุณภาพของผักได้ผ่านการทดสอบแล้ว ส่วนที่เหลือก็สามารถวางขายได้

ซูเถาขอให้เฉียนหลินช่วยนำผักที่สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วไปชั่งน้ำหนัก และแพ็กผักกาดเพื่อทำการขายในวันพรุ่งนี้

หลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จ เธอก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ซูเถารีบเปิดร้านค้าที่ซ่อนอยู่ทันที ซึ่งเป็นร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้าง ไม่เพียงมีกำแพงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีกระจกกันกระสุน ถังดับเพลิง แล้วก็สิ่งที่เธอต้องการที่สุดอย่างกล้องวงจรปิด

ราคาของกล้องวงจรปิดนั้นไม่แพง ราคาของมันอยู่ที่ตัวละ 600 เหลียนปัง

ซูเถาซื้อทั้งหมด 40 ตัวในคราวเดียว และติดตั้งชั้นละ 2 ตัวของอาคารทั้งสามหลัง โดยที่ไม่มีมุมอับ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งที่โรงอาหารอีกชั้นละ 2 ตัว อาคารสำนักงานอีก 4 ตัว ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือ ติดอยู่ตรงมุมของสวนสาธารณะ

หลังจากทำการติดตั้งเสร็จสิ้น ซูเถาก็เปิดระบบอีกครั้ง เข้าไปสู่การจัดการแม่บ้านอัจฉริยะ เธอเห็นหน้าจอตรวจสอบสี่สิบจอพร้อมกัน เต็มพื้นที่การมองเห็นของเธอ

มันสะดวกมากที่ไม่ต้องติดตั้งหน้าจอแสดงผลเพิ่มเติม แต่เธอก็ยังอยากที่จะเชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน เพื่อที่จะได้ดูภาพในจอคอมพิวเตอร์

ตอนนี้รอแค่ให้หัวขโมยถูกจับได้ ก่อนที่เขาจะไปก่ออาชญากรรมครั้งถัดไป เธอไม่อยากจะเชื่อเลย กล้องสี่สิบตัวนี้ที่ครอบคลุมพื้นที่สาธารณะทั้งหมด ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร

หลังจากคิด ๆ ดูแล้ว ซูเถาก็ซื้อกล้องเพิ่มอีก 10 ตัว เปลี่ยนสถานที่เป็นภูเขาผานหลิว และติดตั้งกล้องแต่ละด้านของภูเขาเป็นจำนวน 5 ตัว

หลังจากเปิดจอแสดงผลแม่บ้านอัจฉริยะและเลือกตำแหน่งที่ตั้งแล้ว ก็จะสามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมของภูเขาผานหลิวได้อย่างชัดเจน ความละเอียดของกล้องสูงมากจนสามารถมองเห็นหนอนที่คลานออกมาจากซากศพที่เน่าเปื่อยในโรงรถร้างได้อย่างชัดเจน

ซูเถามองไม่ลง

ต้องรีบหาคนมาสะสางตรงนี้ด่วน ไม่อย่างนั้นต้องทำใจทุกครั้งที่ดูกล้อง

และเพื่อป้องกันไม่ให้ซอมบี้พเนจรรอบภูเขาผานหลิวบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของเธอและสร้างความเสียหาย ซูเถาจึงสั่งกำแพงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าจากร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้างเพื่อปิดล้อมพื้นที่ทั้งหมดที่เชิงเขาผานหลิว โดยเสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด 80,000 เหลียนปัง

ใช้เงินเหมือนน้ำไหลหลาก…ซูเถาตรวจสอบยอดเงินของเธออย่างระมัดระวัง

มันน่าสลดใจจริง ๆ

จากเดิมมีเงินฝากถึง 610,000 ลดเหลือ 160,000 อย่างไม่ทันรู้ตัว

ซูเถาพยายามบอกตัวเองว่า เงินน่ะเมื่อหามาได้มันก็ต้องหมดไป เงินมีไว้ใช้จ่าย รู้จักใช้เงิน ถึงจะสามารถหาเงินได้…

จากนั้นจึงเริ่มสร้างชั้นที่สามของโรงแรมผานหลิวซาน

รูปแบบคล้ายกับชั้นสอง มีห้องเดี่ยว 6 ห้อง ห้องคู่ 3 ห้อง เดิมทีอยากจะสร้างชั้นที่ 4 ต่อ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว

ซูเถาไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดความคิดไว้แค่นี้ แล้วค่อยมาทำการก่อสร้างอีกทีในคืนวันพรุ่งนี้ เธอควรทำทีละขั้นตอน ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป อย่าเพิ่งทำตัวหน้าใหญ่ใจโต

แต่เธออยากเป็นคนหน้าใหญ่ใจโตจริง ๆ หลังจากที่โรงแรมในภูเขาผานหลิวสร้างเสร็จ เธอจะเริ่มเปิดให้บริการ เมื่อมีผู้เข้ารับบริการหรือผู้เช่าจำนวนหนึ่งแล้ว ไม่เพียงจะมีโอกาสปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการอัปเกรดเลเวล 5 ที่ว่าต้องมีผู้เช่า 200 คนเท่านั้น แต่มันยังสามารถทำให้เธอมีรายได้มากขึ้นอีกด้วย

ซูเถาหลับตาลงและเริ่มหลับพักผ่อน แต่ในความฝันของเธอ เธอกำลังสร้างชั้นที่ 4 ของโรงแรม ในความฝัน เธอเห็นว่ามันกำลังสร้าง และเสียงของเครื่องมือสื่อสารก็ปลุกเธอให้ตื่นขึ้น

“ฮัลโหลค่ะ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและตกใจของจวงหว่านก็ดังขึ้น

“เถ้าแก่! พวกเรากำลังจะจับไอ้หัวขโมยได้แล้ว แต่จู่ ๆ เขาก็หายไป!”

ซูเถาตื่นขึ้นทันที เมื่อดูเวลาก็พบว่าบ่ายโมงกว่าแล้ว เธอผุดลุกขึ้นนั่งและถามอย่างร้อนรน

“หายไปได้ยังไง?”

“ก่อนจะทำอาหารเที่ยงวันนี้ คุณย่าเฉินจงใจวางซี่โครงหมูไว้ตรงที่ทำผักหายเมื่อวาน แกล้งทำเป็นหันหลังออกไป แล้วก็เห็นตะขอยื่นออกมาจากหน้าต่างเกี่ยวเข้าที่ซี่โครงพอดี”

“แต่เมื่อพวกเราเข้าไปจับเข้าที่ตะขอที่มันเกี่ยวไว้ แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย!”

“หรือว่าจะเป็นผี!”

ซูเถารีบแต่งตัวเรียบร้อย ให้อาหารลูกแมวทั้งสองอย่างรวดเร็ว และบอกหลินฟางจือให้รอเธอที่ห้องนั่งเล่นอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็รีบลงไปข้างล่างเพื่อหาจวงหว่านและคนอื่น ๆ

หัวใจของคุณย่าเฉินบอบช้ำเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้แม้จะด่าก็ด่าไม่ออกด้วยซ้ำ เธอเอาแต่จมอยู่กับความโกรธ

ซูเถาเปิดหน้าจอแสดงผลของแม่บ้านอัจฉริยะแล้วเรียกใช้งานระบบตรวจสอบ เธอมองไปที่ตำแหน่งของระเบียงห้องของคุณย่าเฉิน

เธอถามจวงหว่าน “ถูกขโมยไปประมาณกี่โมงคะ?”

“เมื่อสิบนาทีที่แล้ว”

หลังจากพูดจบจวงหว่านก็ลดเสียงของเธอลง “เถ้าแก่…ฉันสงสัยว่าน่าจะเป็นเพื่อนบ้านชั้นบน หรือเพื่อนบ้านห้องซ้ายมือหรือขวามือของคุณย่าเฉิน เขายื่นตะขอมาจากระเบียงห้องตัวเองเพื่อขโมยของ พวกเขาจึงหายตัวไปได้อย่างรวดเร็ว”

“ผู้อาวุโสเหม่ยและเสี่ยวพ่านอยู่ห้องด้านบนของคุณป้าเฉิน ไม่มีอะไรน่าสงสัย ห้องทางขวาคือถังชิงซูและสามี ห้องเธอก็มีของหายไปแล้วไม่น้อย สามีของเสี่ยวถังก็เป็นถึงกัปตันยศร้อยเอกทำงานอยู่ที่หน่วยรักษาความสงบโดยรอบ เราไม่สามารถสงสัยวีรบุรุษของประชาชนได้”

“เหลือแต่ผู้เช่าทางด้านซ้ายมือ…เถ้าแก่ อย่างที่คุณทราบ พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาจากหน่วยงานการเกษตร ฝ่ายหญิงคือหมาอิ่ง ฝ่ายชายคือเว่ยเหวยเม่า”

ซูเถามองไปที่ผู้เช่ารายอื่น ๆ จากการแสดงออกถึงความเกลียดชัง ทุกคนต่างก็สงสัยว่าจะเป็นหมาอิ่งและสามี

สองคนนี้ไม่น่าคบหาตั้งแต่ย้ายเข้ามา หนึ่งคือพวกเขาไม่รักษาความสะอาด ดีหน่อยที่ภายหลังมีแม่บ้าน ก็เลยไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก

ประการที่สอง คือพวกเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เช่ารายอื่น เหมือนกับว่าทำงานที่หน่วยงานการเกษตรแล้วแยกตัวจากคนอื่น มีสถานะสูงส่งอย่างนั้น

ในขณะที่ซูเถากำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิด คุณย่าเฉินก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปที่ชั้นบนด้วยความโกรธ และทุบประตูห้องของหมาอิ่งและสามีอย่างแรง

ทุกคนโห่ร้องแล้ววิ่งตามไป ซูเถาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ทุบประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ตอนนี้การคาดเดาในใจของทุกคนก็ได้รับการยืนยันแล้ว

ผู้เช่าหลายคนที่เคยถูกขโมยของ ก็เริ่มมีความโกรธและมีความเกรี้ยวกราดทันที ทุกคนช่วยกันทุบประตู

“พวกเรารู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน! เลิกแสดงได้แล้ว! รีบออกมาซะ! รองเท้าฉันใส่ไปไม่กี่ครั้ง แต่ก็ถูกพวกคุณขโมยไป มันน่าโกรธไหม!”

“ไหนจะร่มของฉันอีก ฉันผึ่งไว้ข้างนอกรอให้มันแห้ง แต่แล้วมันก็หายไป!”

“ข้าวกล่องที่ฉันเพิ่งซื้อในโรงอาหาร เมื่อหันกลับมามันก็หายไปเช่นกัน ทำงานในหน่วยงานการเกษตร แต่ก็ยังมาขโมยอาหารคนอื่น คืนเงินมาซะ!”

“คืนเงินมา!”

……

ในขณะนี้ประตูก็ถูกเปิดออก

หมาอิ่งเปิดประตูออกมาพร้อมกับหัวที่ยุ่งเหยิง ดวงตาที่หลับใหลของเธอมีแต่ความงัวเงีย เธอมองไปยังทุกคนที่อยู่หน้าประตูด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ซูเถารู้ว่ามันจบลงแล้ว โจรอาจจะไม่ใช่คู่รักคู่นี้ นี่เป็นการเข้าใจผิดครั้งใหญ่

เธอรีบสลายฝูงชน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง เมื่อย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ก็พบว่าเป็นคนงานที่หมาอิ่งจ้างมาชั่วคราว

เธอหลบอยู่ที่ระเบียงไม่กล้าออกมา!

ซูเถาเชื่อเลยจริง ๆ สามีภรรยาคู่นี้อยู่กันอย่างไร พวกเขาหาคนทำความสะอาดมาได้ไม่พอ และยังสามารถหาขโมยเข้าบ้านได้อีกด้วย