บทที่ 84 อาจารย์ใหญ่ (ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 84 อาจารย์ใหญ่ (ปลาย)

ในเวลาเดียวกัน เว่ยสั่ว ก็เริ่มพูดต่อ “อันดับที่ 4 คือ เจียงลั่วฝู อาจารย์ใหญ่ของเรา หากใครได้เข้าไปใกล้นางจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นนางพญาของนางแน่นอน นางไม่เพียงแต่งดงามเท่านั้น แต่นางยังเป็น

ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันของเราอีกด้วย”

“อาจารย์ใหญ่เป็นผู้หญิงงั้นเหรอ?” ซูอัน รู้สึกประหลาดใจ

“ใครบอกว่าอาจารย์ใหญ่ต้องเป็นผู้ชายกันเล่า?” เว่ยสั่ว มองไปที่ ซูอัน ราวกับว่าฝั่งตรงข้ามเป็นพวกบ้านนอกที่ตาบอดด้วยทัศนคติแบบเหมารวม “อันที่จริงอาจารย์ใหญ่เจียงก็น่าจะอยู่อันดับที่1ของสิบสุดยอดสาวงามเหมือนกัน แต่นางกลับอยู่ที่4เพราะนางไม่ค่อยจะออกมาปรากฏกาย

ให้เห็นสักเท่าไหร่”

“อะแฮ่ม ๆ! กล้านินทาอาจารย์ใหญ่ลับหลัง พวกเจ้าเบื่อชีวิตกันมากแล้วใช่ไหม?” เจ้าหน้าที่ของสถาบันผู้หนึ่งซึ่งเดินนำทางอยู่และคอยฟังเรื่องซุบซิบนี้อยู่ใกล้ ๆ มาตลอด หันกลับมาเตือน เว่ยสั่ว

เว่ยสั่ว ยิ้มพร้อมกับขอโทษทันทีและพูดว่า “เอาล่ะ งั้นเรามาพูดถึงอันดับต่อไปเลยดีกว่า”

เมื่อได้ยินนเช่นนี้อาจารย์ผู้นั้นก็หันกลับไป ทำเป็นไม่สนใจ

เว่ยสั่ว หันไปหา ซูอัน และพูดต่อไปว่า “อันดับที่ห้าคือลูกสาวของ

อ๋องหยางเฉวียน ซึ่งอยู่เมืองใกล้เคียงของเรานางชื่อ อู๋ฉิง เช่นเดียวกับ

คนอื่น ๆ นางเป็นที่รู้จักในด้านหน้าและรูปลักษณ์อันงดงามไร้ที่ติ แต่มีข่าวลือมากมายว่านางมีอารมณ์ที่รุนแรง”

“อันดับที่ 6 คือลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าเมืองของเรา เซี่ยเต๋าอวิ๋น นางเป็นพี่สาวของ เซี่ยซิว ซึ่งเจ้าพบเขาแล้วที่ทางเข้าสถาบันก่อนหน้านี้ นางเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถอย่างน่าเหลือเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีบุคลิกที่อ่อนโยนอีกด้วย ในความคิดของข้า เหตุผลเดียวที่ อู๋ฉิง ได้อันดับสูงกว่านางเป็นเพราะรัศมีของพ่อนาง”

“อันดับที่ 7 คือ จี้เสี่ยวซี ลูกสาวของหมอเทวะ จี้เติ้งถู นางมีรูปร่างบอบบางตามแบบของหญิงสาวยังไม่โตเต็มวัยซึ่งมันทำให้นางดูน่ารักจริง ๆ ในมุมมองของพวกที่คลั่งไคล้ในตัวนาง นางไม่แพ้ ฉู่ชูเหยียน หรือ

เพ่ยเหมียนหมาน เลย น่าเสียดายที่นางไม่ใช่แบบที่ข้าชอบสักเท่าไหร่”

ซูอัน พยักหน้าตอบ เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่เขาพบในหุบเขาจะเรียนที่ สถาบันจันทร์กระจ่างด้วย นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เอาไว้เดี๋ยวมีโอกาสเมื่อไหร่ข้าต้องผูกสัมพันธ์กับนางให้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะยังไงอนาคตความเป็นลูกผู้ชายของดเขาก็ต้องพึ่งให้พ่อของนางช่วย!

“อันดับที่ 8 คือคุณหนูของตระกูลเจิ้ง เจิ้งตาน ตระกูลเจิ้งคือตระกูล

ที่ร่ำรวยเป็นอันดับสองของเมืองจันทร์กระจ่าง รองจากตระกูลฉู่เพียงเท่านั้น ใครก็ตามที่แต่งงานกับนางชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องทำงานอะไรก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้ แต่แน่นอนว่าก็คงยังไม่อาจเทียบได้กับเจ้าที่แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่!”

ซูอัน ถอนหายใจ คนอื่นคิดว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลและอุดมสมบูรณ์ในตระกูลฉู่ ในขณะที่ความเป็นจริงนั้นชีวิตของเขาไม่ได้สุขสบายเลยแม้แต่น้อย ทุกย่างก้าวของเขามันมีแต่อันตรายหากพลาดเพียงครั้งเดียวมันหมายถึงชีวิตน้อยๆของเขาคงต้องดับดิ้นไปเหมือนหมาข้างถนน และอีกอย่างไม่มีใครในตระกูลฉู่สักคนที่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะลูกเขยของตระกูลฉู่

แต่แน่นอนว่าในฐานะลูกผู้ชายที่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง เขาจึงไม่สามารถบอกกับคนภายนอกได้ว่าชีวิตจริงๆของเขามันบัดซบสักแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทีราวกับว่าเขายอมรับการยกยอโดยคำพูดของ เว่ยสั่ว

“อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่าตระกูลเจิ้ง ตั้งใจจะให้ เจิ้งตาน แต่งงาน

กับลูกชายของผู้ตรวจการมณฑลหลินชวนคนใหม่ ซึ่งข้าก็สงสัยอยู่ว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่” เว่ยสั่ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยเมื่อพูดถึงจุดนี้ “นี่มันเป็นเรื่องที่แย่จริง ๆ โลกภายนอกมีหมาป่าอยู่มากมายเต็มไปหมด แต่เนื้อกลับมีจำนวนเพียงหยิบมือเท่านั้น แล้วนี่ยังมีอีกคนหนึ่งที่ถูกพาตัวไป”

ซูอัน ตบไหล่ของ เว่ยสั่ว และกล่าวว่า “ใจเย็น ๆ ยังมีหญิงสาวไร้คู่

อยู่อีกมาก ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะสามารถหาภรรยาที่ดี

ได้อย่างแน่นอนในอนาคต!”

“แน่นอน!” เว่ยสั่ว พยักหน้าด้วยสีหน้ามีความหวัง อย่างไรก็ตาม

เมื่อเขาจำได้ว่าคนที่เขาสนใจมากที่สุดคืออาจารย์ใหญ่เจียง เขาก็รู้สึกว่ากำลังใจของเขาค่อยๆหลุดลอยไปราวกับขนนกที่ถูกลมพัด “เอาล่ะมาต่อกันที่อันดับที่ 9 ซึ่งก็คือน้องภรรยาของเจ้านั่นแหละ ฉู่ฮวนเจา ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะยังไม่โตเท่าไหร่แต่แค่ดูจากรูปลักษณ์ของนางในตอนนี้มันก็เดาได้ไม่ยากว่านางจะต้องมีความงามที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพี่สาวของนางในอนาคตแน่นอน แต่น่าเสียดายที่นางชอบทำตัวเหมือนอันธพาลดังนั้นอันดับของนางจึงหล่นมาอยู่ที่9”

“ส่วนอันดับที่ 10 เอ่อ…ข้าจำชื่อนางไม่ได้แล้วแฮะ นางมีลักษณะนิสัยพิเศษที่ไม่เหมือนใครซึ่งมันทำให้คนอื่นลืมนางไปโดยไม่รู้ตัว…

“แต่ก็ช่างเถอะ ๆ ไม่ว่าในกรณีใด ผู้ที่สามารถติดหนึ่งในสิบสุดยอดสาวงามได้ก็คือผู้ที่มีความงามโดดเด่นที่สุด ในความคิดของข้า ทั้งใบหน้าและรูปลักษณ์ของพวกนางทุกคนคือที่สุดของความงดงามซึ่งใกล้เคียงพอ ๆกัน

แต่สิ่งที่ส่งผลต่ออันดับของพวกนางจริง ๆ คือบุคลิกและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ”

เมื่อได้ยินการวิเคราะห์เชิงตรรกะของ เว่ยสั่ว แล้ว ซูอัน ก็รู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มีความคิดที่ลึกซึ้งเกินวัยในเรื่องของการวิเคราะห์ผู้หญิง “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีความคิดเกี่ยวกับผู้หญิงที่ลึกซึ้งขนาดนี้ราวกับว่าเจ้าโชกโชนเรื่องผู้หญิงมาก่อน!”

เว่ยสั่ว รีบโบกมืออย่างนอบน้อม “เจ้าก็ชมข้าเกินไป ข้าวิเคราะห์ทุกอย่างจากทฤษฎีเท่านั้น ข้าไม่มีทางเทียบเจ้าผู้ที่ได้ครอบครองสาวงาม

อันดับหนึ่งอย่างแท้จริง… อา ทำไมจู่ ๆ ข้าถึงรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาล่ะ?”

“พอ ๆ พวกเจ้าสองคนหยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว เว่ยสั่ว เจ้าควรไปที่

ชั้นเรียนของเจ้า” เจ้าหน้าที่ของสถาบันชี้ไปที่ห้องเรียนไม่ไกลนัก

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ผู้นั้นก็หันกลับมาพูดกับ ซูอัน “มากับข้า

อาจารย์ใหญ่ต้องการพบเจ้า”

เว่ยสั่ว ประท้วงอย่างขุ่นเคืองทันที “พวกเราทุกคนเป็นนักศึกษาใหม่! ทำไมอาจารย์ใหญ่ถึงต้องการพบเขาแค่เพียงคนเดียว!”

เจ้าหน้าที่สถาบันกลอกตาไปที่ เว่ยสั่ว “เจ้าเข้าสถาบันมาได้โดยการสอบคัดเลือกแต่เขาเข้ามาได้โดยการใช้สิทธิพิเศษ ดังนั้นเจ้าจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับเขาได้ยังไง?”

ซูอัน รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ้ เฮ้ เฮ้

เรื่องแบบนี้เจ้าควรจะพูดเมื่อข้าไม่ได้อยู่แถวนี้ไม่ใช่รึไง? อย่างน้อย ๆ

ก็รักษาหน้าข้าบ้างสักหน่อยสิโว๊ย!

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเจ้าหน้าที่แล้ว เว่ยสั่ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจำนนต่อชะตากรรมของเขา เขาเดินคอตกไปที่ห้องเรียนด้วยสีหน้าหดหู่ แต่หลังจากก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หันกลับมาและพูดว่า “ตรวจดูอาจารย์ใหญ่ให้ดี ข้าต้องการให้เจ้าบอกข้าว่าถุงน่องของนางวันนี้

เป็นสีอะไรเมื่อเจ้ากลับมา!”

“หะ…!?”ซูอันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

สีหน้าของเจ้าหน้าที่มืดลง และดูราวกับว่าเขากำลังจะพุ่งเข้าไปขย้ำ เว่ยสั่ว ให้ตายคามือ

เมื่อเห็นท่าไม่ดี เว่ยสั่ว ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องเรียนเพื่อหาที่หลบภัยทันที

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็หันกลับมาที่ ซูอัน และเตือนขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อย่าไปทำตามคำพูดไร้สาระของสหายเจ้าคนนั้นเด็ดขาด หากเจ้าพลาดทำให้อาจารย์ใหญ่ไม่พอใจแล้วล่ะก็แม้แต่อ๋องฉู่ ก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้!”

ซูอัน พยักหน้าตอบกลับ “อืม”

เจ้าหน้าที่พาเขาไปที่อาคารสูงที่อยู่ด้านข้างซึ่งดูแตกต่างจากอาคารเรียน บันไดในอาคารสูงหลังนี้ปูด้วยพรมแดงประดับด้วยงานปักอันวิจิตรงดงาม

ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องมีราคาแพงหูฉี่แน่นอน

“ฟุ่มเฟือยจริง ๆ ” ซูอัน อดไม่ได้ที่จะคิดว่าผู้ที่มีอำนาจนั้นแตกต่างจากคนระดับล่างเสมอไม่ว่าจะอยู่ในโลกใด ดูได้จากอาคารที่หรูหราใหญ่โตที่สุดในสถาบันก็คืออาคารของคณะผู้บริหารเสมอ

เจ้าหน้าที่หันไปหา ซูอัน และเตือนเขาว่า “สำนักงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าอาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแวะมาที่นี่ แต่เจ้าเองหากไม่มีธุระจริง ๆ ก็ไม่ควรมาที่นี่เช่นกัน”

ซูอัน พยักหน้ารับรู้อย่างเรียบเฉยเหมือนเดิม พร้อมกับมองไปรอบ ๆ หวังว่าจะเจอโต๊ะของ ซางหลิวอวี้ แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าขึ้นมาทันที

มันจะมีผู้หญิงคนไหนกันที่ทิ้งชุดชั้นในของตัวเองเอาไว้ในโต๊ะทำงาน!?

จากนั้นเมื่อทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นบนสุด หลังจากเดินผ่านทางเดินยาว ในที่สุดพวกเขาก็ยืนอยู่หน้าประตูอันโอ่อ่า เจ้าหน้าที่เคาะประตูและพูดว่า “ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าพาซูอันมาแล้ว”

“ให้เขาเข้ามา” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังประตู

คำพูดที่เอ่ยขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นทางการสักแค่ไหนมันก็ไม่สามารถกลบน้ำเสียงที่ไพเราะของผู้พูดที่สามารถกระชากใจชายหนุ่มได้คนแน่นอน

**ชุดชั้นในที่ จี้เติ้งถูอยากได้คือ ตู่โต้ว(Dudou) : เป็นชุดชั้นในลักษณะคล้ายกับคอร์เซ็ทเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่**