บทที่ 74 ตัดขาดกัน

เธอไม่ได้เห็นใจคนบ้านหวัง และไอ้หมาหวังนั้นเป็นคนที่เธอไม่ชอบมาก ๆ คนหนึ่ง

แต่เพราะไอ้หมาหวังถูกจับ คนตระกูลคังเลยวิพากษ์วิจารณ์เธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง แถมยังบอกอีกว่าบ้านซูไร้ศีลธรรมที่จะตัดขาดกับพวกลูกหลาน

คุณย่าซูหลับตา ไม่อยากฟังคำพูดไร้เหตุผลของลูกสาวอีกต่อไป

พอไม่ได้ยินแม่พูด ซูหม่านเซียงก็ถอดรองเท้าปีนขึ้นไปบนเตียงเตาแล้วขยับเข้าใกล้แล้วพูดกับคุณย่าซูเสียงเบา

“คุณแม่ ไม่อย่างนั้นก็ไปบอกคุณพ่อสิ ให้เขาไปชุมชนใหญ่ บอกว่าพวกเราไม่เอาเรื่องแล้ว พวกเขาจะได้ปล่อยตัวคนออกมา!”

คุณย่าซูทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาเบิกกว้างแล้วฟาดมือลงบนใบหน้าของซูหม่านเซียงทันใด

“คุณแม่ คุณแม่ตบฉันหรือ?” ซูหม่านเซียงที่โดนตบตะโกนด้วยความประหลาดใจ

ตั้งแต่เด็กจนโตมีแค่พ่อที่เคยตบเธอ แต่แม่ไม่เคยลงมือสักครั้ง

แต่คราวนี้ผู้เป็นแม่กลับทำเพื่อพี่สาว

ซูหม่านซิ่วเป็นพวกทวงบุญคุณ ต่อให้ตายก็ตายไม่สงบ

คนแบบนี้สมควรตายไปตั้งนานแล้ว อยู่ไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำ

“ฉันตบแกเอง แล้วก็น่าจะตบไปตั้งนานแล้ว ต่อให้ตบแกตอนนี้ก็สายเกินไปด้วยซ้ำ!” คุณย่าซูพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“คุณแม่ คุณแม่ทำแบบนี้ได้อย่างไรคะ? ตั้งแต่เด็กจนโต แม่ไม่เคยตบฉันเลยนะ กับอีกแค่เพื่อคนตายคนเดียวเนี่ยนะ!” ซูหม่านเซียงกล่าวอย่างไม่พอใจ

“พี่สาวแกตายแล้ว เสียใจสักนิดก็ไม่มี แล้วยังถ่อมาถึงนี่เพื่อบอกให้ฉันปล่อยตัวคนแบบนั้นอีก! จิตใจแกมันต่ำตมไปถึงขั้นไหนแล้ว?” คุณย่าซูใช้ตะเบ็งเสียงจนน้ำเสียงแหบแห้ง

“คุณแม่ ซูหม่านซิ่วมันก็ตายไปแล้ว ทำไมยังนึกถึงมันอีก? ผู้หญิงที่ไม่มีลูกได้ตายไปแล้วก็คือตายไปแล้ว!” ซูหม่านเซียงกล่าวอย่างขุ่นเคือง ฝ่ามือกุมแก้มเอาไว้

ดวงตาของซูเสี่ยวเถียนแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอยืนจังก้าต่อหน้าซูหม่านเซียง

“อาเล็กออกไปเดี๋ยวนี้นะ บ้านของเราไม่ต้อนรับคุณ!”

เธอคิดว่าตัวเองจำผิดหรือเปล่านะ ชาติที่แล้วคุณปู่ไม่ได้ตายด้วยความโศกเศร้า แต่โกรธอาเล็กจนตายใช่ไหม?

“นังเด็กล้างผลาญ กล้าดีอย่างไรมาด่าฉัน? ไร้มารยาท พ่อแม่ไม่คิดสั่งสอนสินะ งั้นฉันจะช่วยสั่งสอนให้เอง!” ซูหม่านเซียงว่าแล้วก็เหวี่ยงมือตบเด็กน้อย

เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะนังเด็กล้างผลาญคนเดียว ผีทวงบุญคุณที่เกิดออกมา!

ตั้งแต่ที่มันตกน้ำ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม

“ถ้าแกกล้าตบหลานสาวฉันก็ลองดู”

ซูหม่านเซียงไม่คิดว่าคุณย่าซูจะปกป้องซูเสี่ยวเถียน จึงฟาดมือลงไปบนแขนผู้เป็นมารดาพอดี

เธอใช้แรงมหาศาล ต่อให้เป็นคุณย่าซูที่เป็นฝ่ายรับ ซูเสี่ยวเถียนก็อดสะดุ้งไม่ได้

ซูหม่านเซียงเอาชนะคุณย่าซูโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย และยังตะโกนโวยวายใส่หน้า “คุณแม่ยังปกป้องยัยเด็กคนนี้อีกหรือ?”

“ฉันไม่มีลูกสาวแบบแก ซูหม่านเซียง จากนี้ไปบ้านฉันกับแกตัดขาดกัน” คุณย่าซูกัดฟันกรอด

คนที่ไม่รู้สึกเสียใจกับการตายของพี่สาว คนที่สามารถตบหลานสาวได้เต็มแรง และคนที่ตบหญิงชราได้โดยไม่รู้สึกผิด คุณย่าซูอับจนหนทางแล้วล่ะ

มีลูกสาวแบบนี้ อย่ามีเลยดีกว่า

“แม่ แม่รู้ไหมว่าพูดอะไรอยู่?”

ตัดขาดกัน?

ก่อนหน้านี้ อย่างมากที่สุดพ่อก็พูดแค่ว่าถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่ต้องมาหา แต่ไม่คิดว่าจะพูดว่าตัดขาดกันออกมา

แล้วคำพูดนี้ออกมาจากผู้เป็นแม่ที่เธอรักมากที่สุด

“ฉันจะไปคุยกับพ่อแก” คุณย่าซูมองไปที่ซูหม่านเซียงด้วยสายตากล่าวหาอย่างไม่ลดละ

ซูหม่านเซียงตะคอกลั่น “ฉันเป็นลูกสาวแม่นะ!”

“ฉันไม่มีลูกสาวแบบแก ถ้ารู้ว่าโตมาจะเป็นคนแบบนี้ น่าจะเบ่งแกลงส้วมให้จมน้ำตายไปเลย ไม่ขอคลอดลูกแบบแกเลยดีกว่า!”

หัวใจของคุณย่าซูรู้สึกว่างเปล่า

ตอนแรกคิดว่าลูกสาวคนเล็กจะแค่อ่อนแอและป่วยง่าย แต่ไม่คิดเลยว่าจะเลี้ยงมาให้มีนิสัยแบบนี้!

โชคดีที่ตาเฒ่าบอกว่าเบื่ออยู่บ้านจะออกไปเดินเล่นบนเขาสักหน่อย ไม่อย่างนั้นคงอกแตกตายทันทีแน่ ๆ!

แล้วซูหม่านเซียงจะยอมจากไปด้วยความเต็มใจได้อย่างไร?

ถึงเธอจะไม่ชอบที่ตระกูลผู้เฒ่าซูเป็นพวกขาจุ่มโคลน แต่ไม่เหมือนกับฝั่งบ้านสามีที่สามารถกินสินค้าโภคภัณฑ์ได้*[1]

แล้วก็รู้ด้วยว่าที่ปีนี้ตัวเองมีชีวิตดีในตระกูลคังได้เพราะมีครอบครัวพ่อแม่คอยหนุนหลัง

ถ้าไม่มีเงินจากพวกเขา ชีวิตในตระกูลคังคงลำบากแน่นอน

เธอดีดดิ้นไปมา ทำเอาคุณย่าซูปวดหัว

คนข้างนอกที่ได้ยินเสียงจากบ้านซูก็รีบไปทุ่งเพื่อตามพี่น้องบ้านซูกลับไป

พอพวกเขารู้ว่ามีคนสร้างปัญหาที่บ้านจึงรีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

ทีแรกคิดว่าเป็นคนบ้านหวังมาสร้างปัญหา แต่พอเข้าประตูไปก็เห็นน้องสาวอย่างซูหม่านเซียงกำลังโต้เถียงกับหญิงชรา

หลังจากได้ยินสิ่งที่น้องเล็กพูด การแสดงออกของพี่ชายทั้งสามก็เปลี่ยนไปทันที

ไม่กี่วันมานี้ พวกเขายังคิดจะไปหาซูหม่านเซียงเพื่อขอให้เธอมาอยู่คุยเล่นกับพ่อแม่ พวกท่านจะได้สบายใจขึ้น

ใครจะไปรู้เล่าว่าเธอมาหาแล้ว และสิ่งที่พูดออกมาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนเขาพูดกัน เป็นศัตรูที่มาพูดจาทิ่มแทง!

“ซูหม่านเซียง เธอพูดอีกครั้งสิ วันนี้มาทำอะไรนะ?” ซูเหล่าซานจ้องมองน้องสาวด้วยแววตาแดงก่ำ

“ฉันแค่อยากให้พวกพี่ไปพูดที่ชุมชนใหญ่ว่าให้ปล่อยตัวไอ้หมาหวัง”

“ไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่ามันทำอะไรไว้บ้าง?”

“มันก็แค่อยากได้ลูกชาย แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ? ใครใช้ให้ซูหม่านซิ่วมันมีลูกไม่ได้? ถ้ามันมีลูกได้จะเป็นเรื่องขนาดนี้ไหม?”

ซูหม่านเซียงดูถูกพี่สาวที่ไม่มีลูก แล้วถ้าซูหม่านซิ่วเหมือนกันกับตัวเธอที่ให้กำเนิดเด็กน้อยตัวอ้วนสองคน ชีวิตจะไม่ดีเชียวหรือ?

“ซูหม่านซิ่วโดดน้ำฆ่าตัวตายเองต่างหาก ต้องขอบคุณมันนะที่ยังมีความละอายใจอยู่บ้างที่รู้ตัวว่าต้องทำอะไร ไม่งั้นถ้าได้เจอกันคงบอกว่ามันไร้ยางอายนัก!”

ซูหม่านเซียงไม่ได้ตระหนักถึงความผิดของตัวเองจนถึงตอนนี้เลย แต่คิดว่าที่ตัวเองพูดน่าเชื่อถือ ทั้งยังคิดว่าพวกพี่ชายคงจะคิดแบบเดียวกับเธอ

“พี่สามลองคิดดูนะ พวกเด็ก ๆ ในบ้านก็โตกันหมดแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ควรคุยเรื่องหาคู่ได้แล้ว แต่ดันมีอาคนหนึ่งหย่าร้างกับครอบครัวสามีคอยถ่วงพวกเขาเอาไว้น่ะ?”

แค่ซูหม่านซิ่วคนเดียวที่คอยถ่วงแข้งถ่วงขาคนทั้งครอบครัวเอาไว้ใช่ไหม?

ชีวิตแบบนี้เธอไม่ชอบมามากพอแล้ว

ลองคิดดูสิ บ้านตระกูลหลักซูก็ถูกคนในชุมชนการผลิตหงซินพูดจาลับหลังไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ?

ซูหม่านเซียงโดนพี่ชายทั้งสามขับไล่ออกไป

ก่อนหน้านั้นยังทิ้งคำข่มขู่ไว้อีกด้วย ถ้าคราวหน้าเห็นเธออีกจะหักขาแน่ จะได้ไม่ต้องมาให้เห็นอีกตลอดชีวิต

ซูหม่านเซียงที่มุ่งไปทางชุมชนใหญ่พลางสบถไปตลอดทาง หัวใจพลันรู้สึกโกรธเคือง

เมื่อไม่นานมานี้ เธอกลับมาหาแม่สองสามครั้ง ไม่ได้รับอะไรดี ๆ มาเลย ไม่ใช่แค่ไม่ให้อาหาร แต่ยังทำเธอโกรธด้วย

“โอ้โห นี่ใช่หม่านเซียงหรือเปล่า? มาหาแม่แกหรือไง” น้ำเสียงปรีดาของหลิวซิ่วอิงดังขึ้น

ซูหม่านเซียงเหลือบมองและไม่คิดจะสนใจ

เธอรู้ดีว่าครอบครัวเราไม่ถูกกันเรื่องนี้

“หม่านเซียงเอ๋ย แม่รองจะบอกเธอสักหน่อยนะ สิ่งที่พ่อแม่เธอทำเนี่ยมันผิดจริง ๆ จะกลั่นแกล้งคนอื่นเกินไปแล้ว” เห็นเรื่องตลกของครอบครัวซูชวนในทุกวันนี้ทีไรมันทำให้เธอมีความสุขจริง ๆ และจะสุขยิ่งกว่านี้ถ้าทำให้ซูหม่านเซียงคนโง่สร้างปัญหาได้มากกว่านี้

*[1] สินค้าที่ไม่ว่าจะซื้อที่ไหน ประเทศใด ก็จะได้ลักษณะเดียวกัน เช่น ซื้อข้าวโพดก็จะได้ข้าวโพด ซื้อทองก็ได้ทอง