ตอนที่ 117 – เขาคิดหนี หนีไม่พ้น
ขณะนี้ จังหวะการโจมตีแคมป์ของชาวป่าถูกตีรวนแล้ว
ชาวป่ากลุ่มนี้เดิมทีวางแผนไว้ว่างจะลอบคลำทางไปตามเต้นท์ทั้งหมด ควบคุมตัวครอบครัวเหล่าฉินทุกคนแล้วลงมือฆ่าหลี่ซูถงและชิ่งเฉิน
แต่ความเปลี่ยนแปลงในชั่วขณะทำลายแผนการของจางถงต้าน
นักล่าเฒ่าฉินเฉิงคนนี้ค้นพบความเคลื่อนไหวของพวกเขาล่วงหน้า แถมภายใต้รูปลักษณ์สัตย์ซื่อนั่นก็ไม่ได้เป็นแพะแกะที่ยอมให้คนเชือดเฉือนเลย
ห่ากระสุนบินว่อนในป่าไม้ ถึงกับระดมยิงใส่เต้นท์ที่หลี่ซูถงอยู่โดยพร้อมเพรียงทั้งหมด ถล่มเต้นท์จนแหลกเละ!
จางถงต้านก้มตัวไปตีล้อมเสมือนกับสุนัขป่ากินซากที่จับจ้องเหยื่อ
เขาเอ่ยเสียงโหดเหี้ยมในเงามืดของป่าไม้ว่า “คนของครอบครัวเหล่าฉินอยู่ในเต้นท์อย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ ให้กู ไม่งั้นอย่าโทษที่พ่อมึงไม่เกรงใจ แม่มันเถอะ รอเดี๋ยวค่อยคิดบัญชีกับพวกมึง!”
ว่าแล้ว เขาค่อย ๆ เข้าไปใกล้เต้นท์ของหลี่ซูถง ส่งสัญญาณทางสายตาให้ลูกน้อง
แต่ทว่าพริบตาที่ลูกน้องเลิกประตูเต้นท์กลับค้นพบว่าข้างในว่างเปล่าโล่งโจ้ง “หัวหน้า ไม่มีคน!”
“เชี่ย ถูกหลอกแล้ว!” จางถงต้านทะลึ่งตัวลุกขึ้นมา สายตาเสาะหาไปทั่วแต่ไม่พบเงาร่างที่อยากเสาะหา “คนล่ะ”
ชาวป่าสิบกว่าคนในป่าไม้ก็รีบเสาะหาไปทั่ว แต่ไม่พบอะไรทั้งนั้น
“หาฉันอยู่เหรอ”
เบื้องหลังชาวป่าคนหนึ่งมีเสียงดังขึ้น
กองไฟในแคมป์ลุกโชติช่วงขึ้นมาทันใด ส่องป่าไม้ในราตรีนี้จนเหมือนกับภาพสีน้ำมันสีสดใสเข้มข้น
ชาวป่าหมุนตัว กลับเห็นหลี่ซูถงยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้วอย่างยิ้มแย้ม จิ้มลงบนหน้าอกของตนเอง
ชายกลางคนที่สวมชุดแจ็กเก็ตผู้นี้เห็น ๆ อยู่ว่าความเคลื่อนไหวเหมือนจะช้ามาก แต่ไม่รู้ทำไมตนเองกลับรู้สึกว่าหลบไม่พ้น
พริบตาที่นิ้วสัมผัสถูกกระดูกสันอกของชาวป่า
ท่ามกลางความไร้เสียง กลับเห็นชาวป่าคนนั้นยังไม่ทันมีปฏิกิริยา คนทั้งคนก็ถูกดีดใส่ต้นไม้ข้างหลังเหมือนลูกกระสุนแล้ว
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ พริบตาที่ร่างกายของคนคนนี้กับต้นไม้ปะทะกันไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลย
ชาวป่านั้นค้างอยู่กลางอากาศแล้วค่อย ๆ ไหลลงมาจากต้นไม้ เป็นการไหลอย่างเชื่องช้าเหมือนฝืนกฎฟิสิกส์
ตีคนดุจแขวนภาพ ฝนโปรยไร้สำเนียง*
ชี้นิ้วง่ายเหมือนหักกิ่งไม้แห้ง แต่ในการต่อสู้กลับมีเพียงเสียงใบไม้ร่วงหล่น นี่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว
ทุกคนได้ยินเสียงซู่ซ่าของใบไม้ที่พากันร่วงหล่น มองดูตำแหน่งที่ชาวป่าคนนั้นอยู่แต่เดิมอีกรอบ ที่นั่นกลับมีเพียงใบไม้ร่วงที่ถูกเขย่าลงมาจากบนฟ้า ไม่มีเงาร่างของหลี่ซูถงแล้ว
ในราตรีมืด จางถงต้านไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่กลับสามารถมองเห็นลูกน้องของตนเองแขวนอยู่บนต้นไม้ค่อย ๆ ตายไปทีละคน
ทุก ๆ ครั้ง เขาได้ยินเสียงใบไม้ร่วง ตอนที่หันหน้าไปเห็นสถานการณ์ของลูกน้องอีกทีก็เห็นเพียงแต่ใบไม้ร่วงที่ถูกลูกน้องลอยไปเขย่าลงมา
ป่าไม้รอบ ๆ แคมป์นี้คล้ายกับเกิดฝนโหมกระหน่ำในทันใด
คนที่หาไม่เจอ เสียงที่ฟังไม่ได้ยิน ใบไม้ที่ร่วงไม่จบไม่สิ้น
ยังมีกองไฟที่สั่นไหวไม่หยุดยั้ง
ประหลาด
เร้นลับ
กล้าแกร่ง
จางถงต้านหวาดกลัวแล้ว เขาฉวยจังหวะพริบตาที่มีลูกน้องตายอยู่อีกด้าน หมุนตัววิ่งเข้าป่า
ในแคมป์ ฉินเฉิงพาฉินถงกับพวกไปหยิบอาวุธแล้ว พากันใช้รถปิคอัพเป็นกำบัง สังเกตการณ์รอบด้านอย่างระแวดระวัง
เดิมทีตอนที่ได้ยินเสียงปืนหนึ่งชุด พวกเขาก็รู้สึกว่าจะต้องจบเห่แล้ว
ไม่มีเสียงต่อสู้ ไม่มีเสียงร้องโหยหวน ฉินเฉิงเชื่อว่าหลี่ซูถงตายอยู่ในการระดมยิงรอบนั้นไปแล้ว
ชายกลางคนกับเด็กหนุ่มนั่นเกรงว่าเสร็จแผนชั่วไปแล้ว
สิ่งที่พวกเขาต้องคำนึงไม่ใช่การช่วยชีวิตเคนแล้ว ทว่าจะเผชิญหน้ากับการล้อมฆ่าในลำดับถัดไปของจางถงต้านอย่างไร
แต่ทว่าความเป็นจริงกับสิ่งที่พวกเขาจินตนาการไม่เหมือนกันอยู่บ้าง ถึงแม้ไม่ได้ยินเสียงต่อสู้ แต่ปัญหาคือคนที่จางถงต้านพามากลับไม่ได้มาโจมตีพวกเขา
แต่กลับเหมือนจะหายสาบสูญไปเลย
“พ่อ สถานการณ์เป็นยังไงเนี่ย” ฉินถงลดเสียงลงถาม
ฉินเฉิงกดเสียงลงกล่าวว่า “จางถงต้านโลภจนหน้ามืดฝ่าฝืนกฏ เก็บค่าผ่านทางแล้วถึงกับยังกล้าจะลงมือใส่พวกเรา พวกเขาพุ่งมาที่เจ้านายสองคนนั่น แต่ก็จะต้องไม่ปล่อยให้พวกเรารอดชีวิตจากไป ไม่งั้นให้บอสเขารู้เข้า เขาก็ตายแล้ว”
“งั้นตอนนี้พวกเราทำยังไง” ฉินถงถาม
“แกกับน้องชายพวกนี้ของแกเฝ้ารถสองคันนี้ดี ๆ ฉันจะไปดู” ฉินเฉิงกล่าว วางแผนว่าจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายลอบย่องไป แต่เวลานี้จู่ ๆ เขาถามว่า “น้องสาวแกล่ะ อี่อี่ล่ะ”
สายตาฉินเฉิงสอดส่องไปทุกทิศ กลับเห็นฉินอี่อี่กำลังคลานอยู่บนพื้น ในปากคาบปืนพกหนึ่งกระบอกคลานไปที่เต้นท์ของชิ่งเฉิน
“เวรกรรม!” ฉินเฉิงกล่าวอย่างแค้นใจปวดหัว
คำพูดเพิ่งหลุดจากปาก ชายชราก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะในป่าไม้มีเสียงฝีเท้าเดี่ยว ๆ ดังขึ้นมา
เขายกสายตาขึ้นดู เห็นหลี่ซูถงที่เสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาจากในร่มเงาของป่าไม้ จากในความมืดหย่อมนั้น เดินเข้าสู่แสงเงาของกองไฟใหม่อีกครั้ง
หลี่ซูถงยิ้มกล่าวว่า “จัดการแล้ว คนที่มามากกว่าที่จินตนาการเอาไว้สักหน่อย ดังนั้นจัดการช้าหน่อย”
ฉินเฉิง, ฉินถงและพวกมองดูชายกลางคนผู้นี้อย่างอึ้ง ๆ มองหน้ากันตาปริบ ๆ
จัดการแล้ว?
นี่จัดการแล้วเหรอ
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นหลี่ซูถงไม่เต็มใจจะพบหน้ากับขบวนรถล่าฤดูใบไม้ร่วง นึกว่าอีกฝ่ายเป็นแค่บุคคลสันโดษแรงก์ C ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเงิน ตอนนี้ดูไปแล้ว อีกฝ่ายมีความเป็นไปได้มากว่าจะมีความแข็งแกร่งของแรงก์ B
ฉินเฉิงมองไปนอกแคมป์ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากแสงเงาของกองไฟมองเห็นศพชาวป่าที่นั่งพิงต้นไม้จำนวนหนึ่ง
ชายชราฉินเฉิงส่งสัญญาณทางสายตาให้ฉินถง
กลับเห็นฉินถงอ้างว่าจะตรวจสอบบริเวณโดยรอยแล้วไปสำรวจบาดแผลข้าง ๆ ศพ
“ประหลาด” ฉินถงค้นพบว่าบนร่างคนเหล่านี้ไม่มีบาดแผลเลย เหมือนกับหลับไปเฉย ๆ ทวารทั้งเจ็ดไม่มีเลือดไหล ดูท่าทางไม่ได้รับบาดเจ็บภายในอะไร อวัยวะภายในไม่ฉีกขาด
ฉินถงถึงขนาดรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่ได้ตาย แค่นอนหลับไป
แต่ว่า ตอนที่เขาเอื้อมมือไปแตะหลอดเลือดแดงคาโรติด** บนศพ อยากดูว่าอีกฝ่ายสรุปแล้วตายหรือไม่ตาย กลับค้นพบว่าพอตนเองสัมผัส คนเบื้องหน้าก็ทลายลงไปเหมือนโคลนเหลวหนึ่งกอง
ฉินถงบีบแขนของอีกฝ่าย กระดูกข้างในแหลกละเอียดแล้ว
เขาหันควับไปมองหลี่ซูถงที่อยู่ข้างกองไฟ นี่มันทำได้อย่างไรกัน?!
ในระหว่างที่พูด ฉินอี่อี่วิ่งไปถึงหน้าเต้นท์ของชิ่งเฉินแล้ว เธอเลิกประตูเต้นท์ กลับค้นพบว่าข้างในก็ว่างเปล่า เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน!
“เสี่ยวถู่ล่ะคะ” ฉินอี่อี่มองไปทางหลี่ซูถง
“อ้อ ฉันเหลือไว้คนหนึ่งให้เขาซ้อมมือ เขาน่าจะไปสกัดทางหนีเอาตัวรอดของอีกฝ่ายแล้วล่ะ” หลี่ซูถงกล่าวยังไม่เห็นว่าสลักสำคัญ คล้ายกับไม่กังวลถึงความปลอดภัยของชิ่งเฉินเลยสักนิด
นอกป่าไม้ มีเสียงปืนดังอย่างกะทันหันในที่ไกล ๆ จากนั้นมีเสียงลากของค่อย ๆ เข้ามาใกล้
คล้ายกับว่ามีวัตถุหนัก ๆ อะไรถูกคนลากไปตามพื้น
สายตาของทุกคนมองออกไป ถึงกับเป็นชิ่งเฉินดึงคอเสื้อของจางถงต้าน ลากอีกฝ่ายกลับมา
บนใบหน้าเด็กหนุ่มมีเลือด แดงกล่ำอยู่บ้างภายใต้ฉากหลังของกองไฟ ช่วงเอวของแจ็กเก็ตมีรูกระสุน แต่เพียงแค่เฉียดผ่านเด็กหนุ่ม ไม่ได้ยิงถูกร่างกายของเด็กหนุ่มเลย
ส่วนจางถงต้านหัวตกห้อย ตรงลำคอยังมีเลือดไหลนองออกมา ดูท่าจะตายแล้ว
“เขาคิดหนี หนีไม่พ้น” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างรวบรัดครอบคลุม
…………………………………………………
*ตีคนดุจแขวนภาพ (打人如挂画) มันเป็นท่ามวยจีนค่ะ แบบว่าผลักไปแล้วอีกฝ่ายจะลอยนิด ๆ
ฝนโปรยไร้สำเนียง (润雨细无声) น่าจะมาจากบทกวีจีนของตู้ฝู่ราชวงศ์ถัง ชื่อคืนวสันต์ฝนเบิกบาน (春夜喜雨) แต่ผู้เขียนจงใจดัดแปลงนิด ๆ หรือไม่ก็จำผิดเอง เพราะบทกวีมันเขียนว่า 润物细无声 (นี่เป็นวรรคทองของกวีบทนี้ค่ะ)
好雨知时节,当春乃发生。ฝนดีรู้ฤดูกาล ยามวสันต์จึงมา
随风潜入夜,润物细无声。ล่องลมซ่อนในราตรี ชุ่มวัตถุอย่างไร้เสียง
野径云俱黑,江船火独明。ทางป่าเมฆดำมืด เรือล่องแม่น้ำไฟสว่างเดี่ยวดาย
晓看红湿处,花重锦官城。อรุณเห็นที่ชุ่มแดง ดอกหนักเมืองแห่งผ้าปัก
แปล (ตามความเข้าใจของเรา)
ฝนที่ดีจะตกต้องตามฤดูกาล คือฤดูใบไม้ผลิ
ลมพัดฝนมาตอนกลางคืน ทำให้สิ่งของเปียกชุ่มอย่างเงียบ ๆ
เส้นทางในป่าโดนเมฆฝนบังจนมืดสนิท เห็นแต่ไฟในเรือกลางแม่น้ำสว่างอยู่จุดเดียว
ตอนรุ่งอรุณเห็นดอกไม้เปียกฝนสีแดง กลีบลู่เพราะหนักน้ำฝน ณ เมืองแห่งผ้าปัก (เป็นฉายาของเมืองเฉิงตู)
**หลอดเลือดแดงคาโรติด อยู่ที่ข้างลำคอ ที่เห็นคนเอานิ้วไปจิ้มในละครบ่อย ๆ น่ะค่ะ