ตอนที่ 118 – ความเชื่องมงายของบุรุษ

ฉินเฉิงกับพวกมองเงียบ ๆ เด็กหนุ่มในขณะนี้กับคนที่พวกเขาพบเมื่อแรกพบเป็นคนละคนกันเลย

ตอนแรกพบอีกฝ่ายสงบนิ่งคล้ายกับก้อนหินน่าเบื่อหนึ่งก้อน ขณะนี้กลับคล้ายดาบอันคมกริบ

จางถงต้านเป็นชาวป่าที่มีชื่อเสียงในบริเวณนี้ ขบวนสินค้าไม่น้อยล้วนจ่ายค่าผ่านทางให้เขา

แต่วันนี้ขณะนี้กลับตายในมือเด็กหนุ่มที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง

“นี่มันเหมือนคนในเมืองตรงไหนเนี่ย เหมือนกับคนในป่าเรามากกว่า” ฉินอี่อี่ใช้ชีวิตในป่ามาหลายปี ถือว่าตนเองกลายเป็นชาวป่าแต่แรก แล้วก็ชอบป่ายิ่งกว่า เธอฉีกยิ้มตบฝุ่นบนตัว จากนั้นถามข้ามกองไฟไปว่า “คุณได้รับบาดเจ็บไหม”

“เปล่า” ชิ่งเฉินส่ายหน้า เขากระชากปืนพกออกมาจากในมือจางถงต้าน จากนั้นมองไปทางหลี่ซูถง “ครูครับ อันนี้ผมเก็บนะ”

“อืม” หลี่ซูถงพยักหน้า “ทีหลังจะได้ใช้ บนตัวเขาน่าจะยังไม่ลูกกระสุน อย่าลืมล่ะ”

ฉินเฉิงคิดแล้วกล่าวว่า “กล่องที่ให้จางถงต้านก่อนหน้านี้น่าจะอยู่ใกล้ ๆ ผมจะไปหาดู”

ว่าแล้วชายชราก็นำลูกชายมุดเข้าป่าไม้

ฉินถงนำชายชรามานั่งยอง ๆ ข้างศพศพหนึ่งเงียบ ๆ “พ่อ พ่อดูศพนี้ ประหลาดมาก”

ฉินเฉิงตรวจสอบเงียบ ๆ “พิลึก สรุปว่าเป็นวิชาฝีมือยังไงถึงสามารถตีจนคนกลายเป็นอย่างนี้นะ แถมลงมือหนักขนาดนี้ เมื่อกี้ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเลยสักนิด”

เขาลุกขึ้นยืน ใช้ฝ่ามือจักรกลหยาบ ๆ ขึ้นสนิมของตัวเองถูลำต้นของต้นไม้ “เปลือกไม้ที่แข็งขนาดนี้ยังเขย่าจนแตก”

ตอนนี้ ในสมองของคุณปู่คนนี้มีเพียงคำถามเดียว : สรุปว่านี่ทำได้อย่างไร

“อย่าเพิ่งไปแคร์เรื่องพวกนี้” ฉินเฉิงถอนหายใจเอ่ยว่า “ฉันรู้สึกว่าพวกเรายังดูเบาอีกฝ่ายไป ชายกลางคนนั่นมีแรงก์ B แน่ ๆ ครั้งที่แล้วที่ฉันเห็นแรงก์ B ลงมือเป็นครึ่งปีก่อน คนคนเดียวก็ฆ่าคนทั้งแคมป์จนเหี้ยน น่ากลัวโคตร”

“พ่อ” ฉินถงดวงตาสว่างวูบวาบ “ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเด็กหนุ่มนั่นเป็นไปได้มากว่าเป็นลูกศิษย์ของชายกลางคนคนนี้ อี่อี่ชอบเด็กหนุ่มนั่นขนาดนั้น ชายกลางคนคนนั้นก็เหมือนกับว่าชอบอี่อี่มาก……”

ก่อนหน้านี้ชิ่งเฉินกับหลี่ซูถงล้วนพูดกันด้วยเสียงกระซิบ ดังนั้นถึงแม้พวกเขามั่นใจว่าชิ่งเฉินไม่ใช่ข้ารับใช้ แต่ยังไม่เข้าใจอย่างแน่ชัดว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ตอนที่ฉินถงพูด……

เสียงเพี๊ยะ

ฉินเฉิงใช้ฝ่ามือจักรกลตบกระโหลกฉินถง ตบลูกชายตัวเองจนสมองหมุนตาลาย

ชายชราตำหนิเสียงต่ำ ๆ ว่า “ครอบครัวเหล่าฉินพึ่งฟ้าพึ่งดินเลี้ยงตัว พวกเราออกมาจากในเมืองเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อไม่ให้รองรับอารมณ์ของคนเหรอ อี่อี่ถึงจะไม่แต่งออกไปชั่วชีวิตก็สามารถมีชีวิตดี ๆ ได้ ครอบครัวเหล่าฉินฉันยังไม่ต้องขายลูกสาวเรียกทรัพย์สมบัติ”

ฉินถงเอ่ยอย่างคับข้องใจว่า “ปีนั้นตอนที่ผมแต่งเมียพ่อไม่เห็นพูดอย่างนี้ พ่อพูดว่าแต่งกับเหวินเหวิน ปฏิบัติการในป่าของพวกเราจะสะดวกขึ้นมาก”

เหวินเหวินเป็นลูกสาวคนโตของเผ่าเผ่าหนึ่งในป่า หลังฉินถงแต่งภรรยา ชีวิตของพวกเขาก็กลายเป็นดีขึ้นมาจริง ๆ

แถมขบวนสินค้าจ่ายค่าผ่านทางล้วนต้องจ่ายยาฆ่าเชื้อสี่ขวด มีครอบครัวเหล่าฉินครอบครัวเดียวที่ต้องจ่ายแค่หนึ่งขวด

เพียงแต่ว่า เหวินเหวินไม่มีทะเบียนประชากรถูกกฎหมายในเมือง ดังนั้นตอนที่ทั้งครอบครัวเข้าเมือง ภรรยาของฉินถงได้แต่รออยู่ในป่าด้านนอก

ฉินเฉิงรอฉินถงพูดเสร็จแล้วกล่าวว่า “แกเป็นลูกชายคนโตในครอบครัว แกไม่เสียสละแล้วใครจะเสียสละ อีกอย่างตัวเหวินเหวินไม่ดีตรงไหน ตอนที่แกได้รับบาดเจ็บปีที่แล้ว คนเขาเฝ้าอยู่ในรถดูแลแกตั้งสามเดือน!”

“ผมไม่ได้บอกว่าเธอไม่ดีนะ ผมกับเหวินเหวินรักใคร่กันมาก พ่ออย่าสร้างความแตกแยกสิ” ฉินถงก็เบิกตาขึ้นมาแล้ว

“ได้ รีบไปหากล่องกลับมาก่อน”

……

ในแคมป์

ฉินอี่อี่หยิบผ้าขนหนูของตัวเองแล้วเทน้ำร้อนใส่นิดหน่อยช่วยชิ่งเฉินเช็ดคราบเลือดบนเสื้อผ้าให้สะอาด

แจ็กเก็ตเป็นเนื้อผ้ากันน้ำ ผ้าขนหนูเช็ดทีเดียวก็สะอาดแล้ว

จนกระทั่งตอนที่ฉินอี่อี่อยากจะช่วยชิ่งเฉินเช็ดหน้า ชิ่งเฉินรีบดึงผ้าขนหนูหลบเลี่ยง……

เวลานี้ หลี่ซูถงล้วงกล่องสีดำใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าบนหน้าอกของจางถงต้าน

หลังเปิดออก เทพสายฟ้าหกแท่งยังนอนอยู่ข้างในเงียบ ๆ

ตั้งแต่เริ่มแรก ครูคนนี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายยังจะเอาเทพสายฟ้ากลับมาใส่มือของเขา

ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถงลดเสียงลงกล่าวว่า “ครูจงใจโยนเทพสายฟ้าให้พวกเขาก็เพื่อให้พวกเขาเห็นแล้วเกิดโลภขึ้นมาเหรอครับ”

หลี่ซูถงพยักหน้ายิ้ม ๆ ในสีหน้าแฝงความเย็นยะเยือกบางเบา “ครูอยากให้บทเรียนกับนักเรียนก็ต้องมีสื่อการสอนด้วยสิ พวกเราออกมาแพคของเบา ๆ ย่อมไม่อาจแบกสื่อการสอนเดินทาง ได้แต่ให้สื่อการสอนส่งตัวเองมาถึงหน้าบ้าน บทเรียนนี้ก็คือการสอนเธอว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อย่าเปิดเผยทรัพย์สิน”

เพื่อบทเรียนนี้ เขาใช้ชีวิตคนสิบกว่าชีวิต

แต่ว่าผู้นำอัศวินรุ่นปัจจุบันคล้ายจะไม่แยแสเลย

ก็อย่างผู้นำตระกูลตระกูลชิ่งทุก ๆ รุ่น ถึงจะรู้ถึงความโหดร้ายของสังเวียนแห่งเงา แต่ทุก ๆ รุ่นไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย

ทุกคนล้วนเรียนรู้ที่จะใช้ทัศนคติอันโหดเหี้ยมเผชิญหน้ากับโลกใบนี้

“แต่ถ้าเขาถือเทพสายฟ้าแล้วไปเลยล่ะครับ” ชิ่งเฉินถาม

“ไปเลยก็ไปเลยสิ เทพสายฟ้ากล่องเดียวเอง ฉันไม่ปวดใจหรอก” หลี่ซูถงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

ประโยคนี้หลัก ๆ แล้วสื่อได้ห้าคำ มีเงิน เอาแต่ใจ

“งั้นแผนของครู่จะไม่ล้มเหลวเหรอครับ” ชิ่นเฉินจี้ถาม

“เออ ดังนั้นตอนแรกฉันเลยไม่ได้บอกแผนนี้กับเธอไง ถ้าล้มเหลวฉันก็จะถือซะว่าตัวเองไม่ได้มีแผนนี้” หลี่ซูถงกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ชิ่งเฉิน “!”

ขณะนี้ ฉินเฉิงกับฉินถงสองคนถือกล่องสี่ใบกลับแคมป์ คนที่เหลือของครอบครัวฉินล้วนวิ่งไปในป่าไม้ ขุดคุ้ยสิ่งของที่สามารถใช้ได้ทุกอย่างบนศพอย่างสุดความสามารถ

รองเท้าขนาดพอดี, เสื้อผ้าที่ผู้ชายสามารถสวมใส่, อาวุธปืน, กระสุนปืน

ยังมีของเล่นแปลกประหลาดในป่าจำนวนหนึ่ง

ไม่ใช่ว่าครอบครัวเหล่าฉินขาดเงินจนถึงขั้นนี้ ต้องสวมใส่เสื้อผ้าของคนตาย

ทว่าภายหลังเมื่อพวกเขาพบเจอกับคนในป่าสามารถหยิบมาแลกหนังสัตว์กับวัตถุดิบยา

วัตถุดิบยาที่เรียกกันก็คือสิ่งของจำพวกโสมภูเขา, ถั่งเช่า, เขากวาง, ลู่เปียน* ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของโลกภายในจะข่มโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง แต่่ความเชื่องมงายของเหล่าบุรุษต่อสินค้าเพื่อสุขภาพยังคงไม่ได้ขาดหายไป

หลี่ซูถงคิดแล้วกล่าวกับฉินเฉิงว่า “ครั้งนี้ทำร้ายจนพวกคุณแตกหักกับชาวป่าที่ร่วมมือกันซะแล้ว คิดว่าภายหลังยังจะมีผลกระทบที่ไม่ดีบางอย่าง อย่างนี้เถอะ หลังพวกคุณกลับถึงเมืองหมายเลข 18 ไปที่เขตที่เก้า ถนนชุนเหลย บ้านเลขที่ 13 หาคนที่ชื่อซูสิงจื่อ เขาจะช่วยคุณจัดการกับเรื่องทุกอย่างนี้ให้เรียบร้อย แล้วยังจะช่วยคุณจัดแจงคู่ค้าคนใหม่”

“ขอบคุณครับ” ฉินเฉิงอย่างอย่างเคร่งขรึม

ชิ่งเฉินลดเสียงลงถามว่า “ครูครับ คุณดีกับพวกเขาขนาดนี้ ไม่ได้แค่รู้สึกขออภัยปะครับ ผมรู้สึกว่าตัวคุณเองรู้จักพวกเขา”

หลี่ซูถงพยักหน้า “ฉินเฉิงเป็นพี่ชายของเพื่อนเก่าคนหนึ่ง เพื่อนเก่าคนนั้นถูกขังเพราะฉัน”

……………………………………….

*ลู่เปียนคืออวัยวะเพศกวางตัวผู้ค่ะ

ตอนที่ 119 – บทเรียนที่สาม