ตอนที่ 101 คลังสมองของประเทศ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 101 คลังสมองของประเทศ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลังจากมู่เถาเยารับประทานอาหารเช้าที่คฤหาสน์ตระกูลตี้แล้ว เธอก็บอกลาพ่อและพี่ชายของเธอก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทหาร1111 ตามนัด

โรงพยาบาลทหาร1111 เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับเขตเซิ่งซื่อฉางอันมากที่สุด

เมื่อเธอมาถึง หวังต้าฟาก็รอเธออยู่ที่ประตูแล้ว

“เสี่ยวมู่ เธอมาตามนัดจริงๆ !”

เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย ชายวัยห้าสิบปีหวังต้าฟาก็วิ่งเหยาะๆ เหมือนเด็กวิ่งไปหาแม่ของเขา

“ทำไมไม่เข้าไปนั่งรอข้างในล่ะคะ”

“ฉัน…กลัวน่ะ”

“คุณยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับครอบครัวของคุณใช่ไหม”

“ไม่ ฉันไม่กล้าพูด”

“งั้นอีกเดี๋ยวหลังจากที่ผลตรวจออกมาแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะดีหรือไม่ดี พวกเธอมีสิทธิ์ที่จะรู้”

หวังต้าฟาเงียบ

มู่เถาเยาไม่ได้พูดโน้มน้าวเขา แต่ปล่อยให้เขาคิดเอาเอง

“ไปกันเถอะค่ะ พวกเราเข้าไปข้างในกันก่อน รอผลออกมาค่อยว่ากัน”

“อื้ม”

เนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอได้โทรบอกอาจารย์อาเล็กไว้ล่วงหน้าแล้ว มู่เถาเยาจึงพาเขาไปที่ออฟฟิศหัวหน้าแผนกประสาทวิทยาโดยตรง

หยางหยางหัวหน้าแผนกเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อาเล็ก

มือเล็กยกเคาะประตู หลังจากได้รับการตอบกลับ มู่เถาเยาก็เปิดประตูเข้าไป

“ศิษย์พี่หยาง? มู่เถาเยาเองค่ะ”

“ศิษย์น้องหญิงมาแล้วเหรอ เอ่อ…”

หัวหน้าแผนกวัยสามสิบปีหยางหยาง ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มองไปยังทิศทางของประตู และตะลึงไปครู่หนึ่งหลังจากได้เห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของมู่เถาเยาอย่างชัดเจน

“ขออนุญาตค่ะ”

“เธอคือลูกศิษย์ตัวน้อยของหมอเทวดาหยวนอย่างนั้นเหรอ เอ่อ…แบบว่า…เด็กมาก…”

“ก็ใช่น่ะสิคะ”

หวังต้าฟาร้องอุทานลั่น “หมอเทวดาหยวน? หมอเทวดาหยวนแห่งสำนักแพทย์โบราณนั่นน่ะเหรอ”

“ใช่ค่ะ”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘หมอเทวดาหยวน’ ดวงตาลูกกวางกลมโตของมู่เถาเยาก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“นี่…ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสี่ยวมู่…หมอเทวดาน้อยเพียงมองฉันแวบเดียวก็วินิจฉัยโรคได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะรักษาให้หายได้ไหม”

มู่เถาเยาถาม “ลุงหวัง ก่อนหน้านี้ลุงไปตรวจโรคที่ไหนมาเหรอคะ”

“โรงพยาบาลประชาชนเมืองเซิ่งตูและโรงพยาบาลประชาชนเมืองเย่ว์ตูทั้งสองที่นี้ล้วนไปมาแล้ว ผลตรวจออกมาเหมือนกัน” อารมณ์ของหวังต้าฟาเริ่มดิ่งต่ำลง

มู่เถาเยาและหยางหยางหันไปสบตากันแวบหนึ่ง ดูท่าว่าจะเดาไม่ผิดแล้ว

“พวกเราลองตรวจดูก่อนเถอะ”

หวังต้าฟา “ตกลง”

หยางหยางพาพวกมู่เถาเยาไปยังห้องที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด

การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ การทดสอบแอนติบอดีเฉพาะในซีรัม การตรวจน้ำไขสันหลัง การเจาะเอว การทดสอบความเร็วการนำกระแสประสาท และชุดการทดสอบเสริมอื่นๆ

กลายเป็นว่า…เขาเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจริงๆ

ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบ

อาจเป็นเพราะความบกพร่องทางพันธุกรรมและกรรมพันธุ์ หรืออาจเป็นเพราะเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม เช่นพิษจากโลหะหนัก ซึ่งอาจทำให้เซลล์ประสาทสั่งการเสียหายได้เช่นกัน

“ลุงหวัง ช่วงนี้ลุงมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนแรง และกล้ามเนื้อกระตุกบ้างไหมคะ”

“ใช่” หวังต้าฟาบอกมู่เถาเยาและหยางหยางอย่างละเอียดว่าเขามีอาการอย่างไรและรู้สึกไม่สบายอย่างไร

ทั้งมู่เถาเยาและหยางหยางต่างพยักหน้า

“ลุงคะ ลุงเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจริงๆ”

“หมอเทวดาน้อยมู่ หัวหน้าแผนกหยาง ฉันยังมีทางรอดหรือเปล่า”

“ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ค่ะ แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังทำการวิจัยเชิงทดลองเกี่ยวกับการบำบัดด้วยยีน โดยพยายามใช้นิวโรโทรฟิน…เพื่อทำการรักษาเชิงป้องกัน…เพียงแต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากทางการแพทย์จริงๆ …”

“หมอเทวดาน้อยมู่ พูดอีกอย่างคือเธอเองก็ไม่มีหนทางแล้วใช่ไหม”

“ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตก็จะไม่มีเหมือนกัน แพทย์โบราณยังสืบทอดต่อกันมานานนับหมื่นปี นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่เราเริ่มคิดค้นและวิจัยกันแล้ว จะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน…ในอนาคตอันใกล้ ตราบใดที่คุณยังไม่ยอมแพ้ต่อชีวิตของคุณง่ายๆ …”

มู่เถาเยาให้ความหวังแก่ผู้ป่วยอย่างอดทน

เธอให้ความสนใจต่อห้าโรคร้ายที่ยังไม่มีหนทางรักษาในโลกนี้อย่างมาก และงานวิจัยของเธอก็กำลังจะผลิดอกออกผล

“ลุงหวังคะ หัวหน้าหยางจะสั่งยาให้นะคะ ลุงไปรับยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์…ลุงต้องออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและพยายามทำให้อารมณ์คงที่…และกลับมาตรวจร่างกายอีกครั้งในอีกสามเดือน…ฉันจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ลุง ถ้าลุงมีคำถามอะไร สามารถโทรหาฉันได้โดยตรงเลย”

“…ตกลง” หวังต้าฟาอยู่ในอารมณ์หดหู่ถึงขีดสุด

“ลุงครับ เร็วๆ นี้จะต้องมีวิธีรักษาอย่างแน่นอน”

หยางหยางบอกใบ้ให้เขา “คุณลุง ศิษย์น้องหญิงของผมเธอมีความสามารถมาก ถ้าเธอบอกว่ามีทาง เธอจะหาหนทางได้อย่างแน่นอน และในอนาคตโรคเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”

“ได้ ฉันเชื่อใจพวกคุณ”

หยางหยางจ่ายยาให้กับหวังต้าฟาและมู่เถาเยาก็ออกไปพร้อมกับเขา

พวกเธอพบกู้ซืออี้ที่หน้าประตู

“เสี่ยวมู่ ลุงหวัง ตรวจเสร็จแล้วเหรอครับ”

หวังต้าฟา “ใช่ ฉันจะไปรับยา”

กู้ซืออี้ถามเขาด้วยเสียงต่ำ “เป็นยังไงบ้างครับ”

หวังต้าฟาส่ายหัว

มู่เถาเยา “ลุงหวังคะ คุณต้องฮึดสู้ สิ่งต่างๆ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด วันนี้ไม่มีหนทางรักษา พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวดีก็ได้”

กู้ซืออี้ “ใช่ครับ ไม่ว่ายังไงคุณก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆ นะครับ”

หวังต้าฟาพยักหน้าแล้วถามว่า “เธอไปเยี่ยมเพื่อนร่วมงานของเธอมาแล้วเหรอ เขาเป็นยังไงบ้าง สามารถรักษาได้หรือเปล่า”

“เขาได้รับบาดเจ็บครับ” บาดแผลจากกระสุนปืน

“อืม บาดแผลภายนอก รักษาไม่นานก็หาย”

กู้ซืออี้เงียบไปพักหนึ่ง

หวังต้าฟาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของกู้ซืออี้อย่างชัดเจน

“เสี่ยวกู้ เกิดอะไรขึ้น หรือไม่ให้หมอเทวดาน้อยมู่ไปดูเพื่อนร่วมงานของเธอสักหน่อยไหม”

“หมอเทวดาน้อยมู่? เสี่ยวมู่น่ะเหรอครับ” กู้ซืออี้มองไปที่มู่เถาเยาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ใช่ เธอคือลูกศิษย์ตัวน้อยของหมอเทวดาหยวน”

“เสี่ยวมู่…หมอเทวดาน้อยมู่ เธอช่วยไปดูเพื่อนร่วมงานของฉันให้หน่อยได้ไหม ขาของเขาได้รับบาดเจ็บ สูญเสียความรู้สึก และอาจไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกตลอดชีวิต…” สำหรับทหารกองกำลังพิเศษ สำหรับชายหนุ่มคนหนึ่ง ความจริงนี้มันโหดร้ายเกินไป

“ได้ค่ะ ฉันจะไปดูให้”

หวังต้าฟา “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็รีบไปเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรับยาเอง อีกสักพักก็จะกลับไปที่เมืองเซิ่งตูเลย เมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้กลับบ้าน ภรรยาของฉันคงเป็นห่วงมากแล้ว”

มู่เถาเยาเตือนเขา “ลุงหวังคะ โทรหาฉันนะคะถ้าคุณมีปัญหาอะไร”

“ได้สิ”

กู้ซืออี้พามู่เถาเยาไปที่วอร์ดที่เพื่อนร่วมงานของเขาพักรักษาตัวอยู่

“เสี่ยวเฟย ฉันพาหมอเทวดามาหานายแล้ว”

“หมอเทวดา? หมอเทวดาหยวนงั้นเหรอ” คนบนเตียงเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาถามอย่างกระวนกระวายก่อนจะพยายามหันศีรษะและมองออกไป

“เป็นหมอเทวดาน้อยมู่ เธอคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาหยวน”

“ลูกพี่ พี่บอกว่าสาวน้อยคนนี้เธอเป็นใครนะ หมอเทวดาเหรอ” เสี่ยวเฟยดูผิดหวังเมื่อเห็นมู่เถาเยาที่ยังเด็กมาก

มู่เถาเยาชินกับการถูกคนอื่นไม่ไว้วางใจแล้ว

“เสี่ยวเฟย อย่าได้ดูถูกใคร ลองนึกถึงอายุเฉลี่ยของเยาวชนในคลังสมองของประเทศเหยียนหวงดูสิ”

“…ผมไม่ได้ดูถูกสักหน่อย” เขายังคงปากแข็ง

“งั้นก็ให้หมอเทวดาน้อยมู่ตรวจให้นายซะ”

“…ก็ได้” น้ำเสียงและท่าทีดูไม่เชื่อใจอย่างเห็นได้ชัด

มู่เถาเยายิ้ม ดูดมถามจับทำวนอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็ถามถึงที่มาอย่างละเอียดของอาการบาดเจ็บ

ปากเล็กๆ สีเชอรี่กล่าวคำสั้นๆ ออกมาว่า “รักษาได้ค่ะ”

“จริงเหรอ!”

กู้ซืออี้และเสี่ยวเฟยทั้งตกใจและก็ดีใจในเวลาเดียวกัน

“จริงค่ะ”

“รักษายังไง ใช้วิธีไหนรักษา ขอแค่รักษามันให้หายได้ ฉันไม่กลัวความเจ็บปวด!”

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะกลับไปปรุงยาก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาฝังเข็มให้คุณในตอนเที่ยง”

“ได้ แล้วพวกเราต้องเตรียมอะไรบ้างไหม”

“เตรียมใจให้พร้อมก็พอค่ะ เพราะมันจะเจ็บมาก!”

เสี่ยวเฟยพูดเสียงดังลั่น “ฉันไม่กลัว!”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาใหม่”

“หมอเทวดาน้อยมู่ เดี๋ยวผมไปส่งคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคนป่วยเถอะ”

“…ได้ครับ”

มู่เถาเยาเดินออกจากวอร์ดพร้อมกับกล่องยาขนาดเล็กของเธอ ไปที่ประตูและขึ้นแท็กซี่มุ่งไปที่โรงพยาบาลผิงคัง

หลังจากพบจินเฉิงเจียงนักพฤกษศาสตร์ที่เธอ ‘เก็บ’ ได้บนภูเขาเซิ่งเย่ว์ เธอก็ไปหาเด็กหญิงหวังซูเหยาวัยสิบขวบที่เพิ่งปลูกถ่ายไตเสร็จ

สาวน้อยฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี

เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้เจอพ่อของเธอมานานแล้ว จึงอารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย

แม่หวังปิดบังลูกสาวของเธอและบอกว่าพ่อของเธอไปทำงานในที่ไกลแสนไกลเพื่อหาเงินมารักษาอาการป่วยของเธอ และคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าเขาจะกลับมาได้

มู่เถาเยาคุยกับสองแม่ลูกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหรือก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของเธอ และจากนั้นทั้งสองก็ไปที่ห้องปรุงยาด้วยกัน