บทที่ 119 – มิวกับเรย์น่า

 

อันที่จริงสาเหตุที่ต้องให้มิวมาช่วยสอนวิชาต่างๆ ของวิชาศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทำให้เรย์น่าเข้าใกล้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้มันเมื่อถึงระยะหนึ่งแล้วจะถูกช่วงชิง เจตนารมณ์ จิตสำนึกและความคิดไปและกลายเป็นปีศาจจิตมรณะในที่สุด

แต่เรย์น่าไม่ถูกทำให้กลายเป็นแบบนั้นเพราะเธอเป็นคนที่มีกายาไร้จิตนั่นแหละ ทว่าถึงจะไม่กลายเป็นปีศาจจิตมรณะ

ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะปล่อยให้เข้าไปใกล้ได้เฉยๆ ดังนั้นสิ่งที่พวกมันต้องการจึงให้เรย์น่าได้พลังสูงสุดของวิชาในการต่อต้านกับเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์นั่น

เพื่อที่จะให้ได้เข้าไปกลืนกินศูนย์รวมจิตสำนึกของมัน และให้เรย์น่าถูกฆ่าโดยใครสักคน แค่นี้ทุกอย่างก็จบแล้วนั่นเอง

แต่มิวไม่สนเรื่องแบบนั้น.. เธอจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเธอจะเป็นคนจัดการมันด้วยตัวเอง

มิวเปิดหน้าต่างเควสขึ้นมา ซึ่งตอนนี้มีหน้าต่างเควสที่มิวต้องสอนวิชาศักดิ์สิทธิ์ให้กับเรย์น่า

อันที่จริงมิวก็คิดออกมาตั้งแต่ตอนนู้นแล้วแหละ แต่แค่ถูกปีศาจบุกและขัดขวางไว้ก่อนที่จะได้คิดต่อ วิชาศักดิ์สิทธิ์คือวิชาที่จะทำให้สิ่งที่เหนือสามัญปรากฏขึ้นมา

นั่นหมายความว่าแค่มิวสอนสามัญสำนึกจากโลกอื่นให้เรย์น่าก็พอแล้ว ใช่มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

มิวเปิดหน้าต่างเควสที่หอคอยมอบให้ตั้งแต่ตอนนั้นขึ้นมาพร้อมกับอ่านเนื้อหาของเควสอีกครั้ง

[เควส]

ในฐานะที่คุณเป็นผู้ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก คุณต้องเป็นอาจารย์สอนวิชาศักดิ์สิทธิ์ให้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือร่าง ‘ธิดาเทพ’ ผู้เกิดมาพร้อมกับกายาไร้จิต เพื่อทำให้เธอปัดเป่าความชั่วร้ายที่เรียกว่า ‘จิตมรณะ’ ได้

[ของรางวัล]

ไม่ระบุ

……

หลังจากมิวอ่านเนื้อหาในเควสก็ทำให้มิวมั่นใจมากขึ้น เควสไม่ได้บอกว่าให้เรย์น่ากำจัดสัตว์ประหลาดยักษ์นั่น

แค่ต้องปัดเป่าความชั่วร้ายที่ชื่อว่า ‘จิตมรณะ’ เท่านั้น.. ซึ่งจิตมรณะอาจจะหมายถึงปีศาจตัวใหญ่เลย หรืออาจจะเป็นตัวเล็กก็ได้นั่นเอง

กล่าวคือมิวไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยให้เรย์น่าตาย เควสสระบุไว้แค่ว่าให้สอน และให้เรย์น่ากำจัดปีศาจจิตมรณะแค่นั้นเอง

อันที่จริงต่อให้เควสบอกว่าต้องให้เรย์น่าสังเวย มิวก็คงเลือกที่จะไม่ทำตามเควสอยู่ดี เพราะตลอดเวลาที่ทำตามเควสนี้มาแม้เควสจะผิดพลาดก็ยังมีเควสต่อไป

นั่นหมายความว่า.. บางทีนี่คงเป็นเควสยาวที่มิวได้รับมาช่วงเริ่มต้น โดยผ่านเงื่อนไขหลายๆ อย่างต่อให้ล้มเหลวก็ยังมีเควสต่อมาอยู่ดี

แต่ถ้าเนื้อหาเควสไม่ได้ขัดกับสิ่งที่มิวจะทำ มิวก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำเควสให้สำเร็จแต่อย่างใด เพราะเดิมทีแล้วมิวก็แค่อยากจะขึ้นไปให้ถึงชั้นที่ร้อยได้เท่านั้น

“อะ..อืม..”

ในตอนที่มิวจับมือเรย์น่าและใช้ความคิดอยู่ข้างเตียงนั่นเอง เรย์น่าก็เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ พร้อมเสียงงัวเงียตื่นนอน

มิวที่ใช้ความคิดอยู่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าเรย์น่าตื่นแล้ว เธอยังจับมือเรย์น่าอยู่ เรย์น่าที่สะลึมสะลือก็หันซ้ายหันขวาแบบงงๆ

ก่อนที่เธอจะตื่นเต็มตาเพราะหันไปเห็นมือตัวเองกำลังถูกมิวจับเอาไว้อยู่ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ความงัวเงียสลึมสลือหายเป็นปลิดทิ้ง

“ทะ…ทะ.. ท่านมิวคะ?! อะ.. เอ้ะ สถานการณ์นี้มันอะไรกันคะ”

เพราะเสียงสั่นประหม่าแบบแปลกๆ ของเรย์น่าดังขึ้นถึงทำให้สติที่กระเจิงของมิวกลับคืนมาแทบจะทันที

“ฟื้นแล้วเหรอ?”

“ค.. ค่ะ.. แต่ว่าสถานการณ์ที่ท่านมิวกุมมือของฉันอยู่นี่มันคืออะไรเหรอคะ หรือนี่เป็นฝัน เป็นสรวงสวรรค์ของฉันใช่ไหมคะ”

“ใช่ที่ไหนล่ะ”

มิวพูดออกไปด้วยน้ำเสียงติดตลก กับท่าทางของเรย์น่า พร้อมกับคิดในใจว่า อย่างที่คิด เรย์น่าลืมทุกอย่างไปจริงๆ

แต่เพื่อความแน่ใจมิวเลยถามขึ้นว่า

“เธอจำอะไรก่อนหน้านี้ได้ไหม?”

“เอ้ะ.. อืม..อ้ะ ใช่ เจ้าสัตว์ประหลาดปีศาจจิตมรณะนั่นบุกเมืองนี่น่า หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ นี่ข้าหลับไปนานขนาดไหน?”

มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว เรย์น่าจำเรื่องระหว่างที่ตกลงไปในหุบเหวสีดำทมิฬนั่นไม่ได้ แถมยังมีแค่ช่วงนั้นที่ลืมไปด้วย

มิวก็ไม่ค่อยเข้าใจหลักการของหอคอยเหมือนกันว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น แต่ข้อมูลยังน้อยเกินไปไม่สามารถสรุปอะไรในตอนนี้ได้

แถมเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเรย์น่าแล้ว มิวก็รีบอธิบายว่า..

“คืออันที่จริงแล้ว…”

มิวเล่าทุกอย่างตามจริงไปว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างในหุบเหวสีดำทมิฬ และมิวก็เสียความทรงจำไป ส่วนเรย์น่าก็อวดดีกับมิวเหลือเกินในนั้น

แต่ถึงจะอวดดีแต่ก็ยังห่วงมิวที่ชัดเจนอยู่ดี ทั้งสองคนช่วยเหลือกันและกันตลอดสิบกว่าวันก่อนที่ทุกอย่างจะพังถล่มลง

และออกมาได้ แต่ที่ทั้งสองคนอยู่ในตอนนี้ก็คืออดีต ก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดปีศาจจิตมรณะนั่นจะบุกมาประมาณเกือบสิบวันนั่นเอง

มิวไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้น จึงอธิบายไปทุกอย่าง แน่นอนว่าเรื่องที่ว่ามิวเป็นคนที่มาโลกนี้ผ่านหอคอย และมีเควสอะไรทำนองนั้นมิวไม่ได้พูดออกไป เธอคิดว่าแบบนั้นมันดีกว่า

บางทีรู้ไปมันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเรย์น่านอกจากทำให้เธอรู้สึกสับสนเท่านั้น

“บะ..แบบนี้เองสินะคะ สาเหตุที่พวกเราไปเจอท่านมิวในเหตุการณ์ดินถล่มเป็นเพราะท่านมิวถูกตัวเองในอนาคตที่ถูกส่งย้อนกลับมาทำให้หลับสินะ”

“อืม … จะว่าแบบนั้นก็ได้”

“เอ้ะ แล้วถ้างั้นท่านมิวเสียความทรงจำได้ไงอะคะ ไม่ได้สู้กันกับปีศาจจิตมรณะจนเสียความทรงจำสักหน่อย?”

“อ้อ ฉันเป็นคนทำเองแหละ”

แน่นอนว่ามิวไม่ได้ทำหรอก แต่ก็นะ ตอนแรกโกหกไปแบบนั้นนี่น่า พอเรย์น่าได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

ก่อนที่เรย์น่าจะเปลี่ยนเรื่อง

“ว่าแต่ข้าตอนที่อยู่ในหุบเหวนี่มันยังไงกันแน่เนี่ย ทำไมถึงเรียกท่านมิวแบบไม่เคารพเลยสักอย่าง แถมทำท่านมิวเหมือนเป็นภาระอีก”

“ข้าอยากย้อนเวลากลับไปต่อยตัวเองสักหมัดเตือนสติว่าคนที่ช่วยหล่อนเอาไว้ก็คือท่านมิวไม่ใช่หรือไง จริงๆ เลยค่ะ”

มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้า

“ในหุบเหวนั่นเราไม่รู้ว่าหลักการทำงานของมันคืออะไร มันอาจจะสามารถบิดเบือนลักษณะนิสัยได้เลย เพราะงั้นอย่าไปคิดมากเลย”

“อีกอย่างก็เป็นเพราะเธอฉันถึงรอด.. ไม่สิ พวกเราถึงรอดออกมาได้ ไม่มีอะไรต้องคิดมากหรอก”

มิวพูดแบบนั้น ดวงตาของเรย์น่าเบิกกว้างเหมือนคนแปลกใจ

“หือ.. ทำไมมองฉันแบบนั้น?”

มิวที่เห็นท่าทางแปลกๆ ของเรย์น่าก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย เรย์น่าส่ายหน้าปฏิเสธว่า

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ.. แค่คิดว่าท่านมิว ต่างจากก่อนหน้านี้น่ะค่ะ”

“ต่าง?”

มิวเอียงคอด้วยความสงสัย เรย์น่าเองก็ส่ายหน้าพูด

“ไม่รู้สิคะ.. ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือเปล่าท่านมิวเหมือนกำลังไม่ได้คุยกับข้าอยู่เลย เหมือนท่านมิวกำลังรอข้าพูดอยู่มากกว่า อย่างที่คิดมีอะไรเกิดขึ้นตอนอยู่ในหลุมนั่นที่ท่านมิวไม่ได้บอกข้าอยู่ด้วยใช่ไหมคะ”

“อ้ะ.. เอ่อ ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะซักไซ้หรือบังคับให้ท่านมิวบอกหรอกนะ ข้าแค่สงสัยเฉยๆ”

เรย์น่าพูดขึ้นเหมือนกับเข้าใจมิวดี แต่พอพูดเสร็จเธอก็เหมือนพึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองล่วงเกินมิวไป ใช้คำพูดซักไซ้เหมือนอยากรู้อยากเห็น

มิวก็เบิกตากว้างขึ้น.. ดวงตาของเธอวาวขึ้นอย่างน่าประหลาดเหมือนกับน้ำตาจะไหลออกมา..

อีกแล้ว อีกครั้งที่เธอเห็นหน้าเรนะจากหน้าของเรย์น่า มิวไม่เคยปิดบังอะไรจากเรนะได้เลยสักครั้ง ทุกครั้งเรนะมักจะมองออกเสมอ

แต่เธอก็เชื่อใจมิวตลอด ถ้ามิวไม่อยากพูดเธอก็จะไม่ซักไซร้..

ทว่าในวินาทีนั้นเองมิวก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองดังเปรี้ยง

“เอ้ะ.. เอ้ะ? ท่านมิวคะ เอ้ะ?”

“ไม่เป็นไร.. ฉันแค่ตบเตือนสติตัวเองเฉยๆ”

ใช่.. เรย์น่าไม่ใช่เรนะ เรย์น่าก็คือเรย์น่า มิวเธอจะมองเรย์น่าเป็นตัวแทนของเรนะเพื่อเยียวยาจิตใจของตัวเองไม่ได้เด็ดขาด

เรย์น่าคือคนที่ช่วยเธอ เรย์น่าคือคนที่เธอสนิทด้วย.. สิ่งที่มิวต้องทำในตอนนี้ไม่ใช่การนึกว่าเรย์น่านั้นเหมือนเรนะ

แต่เป็น..เรื่องของเรย์น่าเอง!

เรย์น่าแสดงสีหน้าสับสนออกมากับการกระทำของมิว มิวก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น

“ส่วนเรื่องที่ฉันปิดบังไว้.. ขอโทษฉันบอกไม่ได้จริงๆ”

ใช่.. เพราะถ้าบอกขึ้นมา บอกเรื่องที่มิวเห็นอนาคตขึ้นมา

บางทีตัวแปรอาจจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อนาคตอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

มิวบอกไม่ได้เด็ดขาด เพราะอนาคตที่กำลังจะเกิดจากนี้

มันคือการช่วยไม่ให้เรย์น่าสังเวยตัวเอง