บทที่ 120 – ครั้งที่สาม…

 

หลังจากวันนั้นเวลาก็ไหลผ่านไปโดยไม่มีอะไรมากนัก เพราะนี่เป็นช่วงเวลาในอดีต มิวกับเรย์น่าไม่สามารถทำตัวเด่นมากเกินไปได้

แม้การรอเวลานับจากวันนี้อีกสิบวันนั้นจะรู้สึกเหมือนโดนมีดจ่อคออยู่ตลอดเวลา บางครั้งเรย์น่าถึงขั้นอยากรีบไปจัดการปีศาจจิตมรณะนั่นเลยทันที

แต่มิวห้ามเอาไว้ทุกครั้ง และในระหว่างที่รอเวลาไหลผ่านไปนี้ มิวก็ทำเควสที่หอคอยมอบให้เช่นกัน

นั่นคือสอนวิชาศักดิ์สิทธิ์ให้เรย์น่า ด้วยการให้เหตุผลว่ามิวได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว เลยทำให้มิวสามารถเริ่มสอนเรย์น่าได้

เอาเข้าจริงถึงจะบอกว่าสอนวิชาศักดิ์สิทธิ์มิวก็แค่นั่งสอนวิชาฟิสิกส์พื้นฐานให้กับเรย์น่าเท่านั้น สาเหตุที่คนตกจากที่สูงลงต่ำ

ไม่ใช่เพราะว่าอะไร แต่เพราะโลกนี้มีแรงดึงดูด หรือก็คือทุกคนถูกดูดลงอะไรทำนองนั้นนั่นแหละ มิวก็ไม่ได้ฉลาดมากอะไร

แต่เธอก็รู้ความรู้มากมายที่โลกนี้ยังพัฒนาไปไม่ถึง และนั่นก็มากพอที่จะทำให้เรย์น่าได้แข็งแกร่งขึ้นอยู่ดี

แน่นอนว่าเรย์น่าตอนอยู่ในหุบเหวสีดำนั้นแข็งแกร่งกว่า เพราะในหุบเหวนั่นมีขอบเขตสามัญสำนึกแค่มิว แต่ด้านนอกคือทุกคนทั่วโลกล้วนมีสามัญ

ทำให้บางอย่างที่แฟนตาซีในตอนอยู่ในหุบเหวไม่สามารถทำได้ในโลกนี้ และเอาเข้าจริงเรย์น่าก็ไม่ได้มีความทรงจำจากอดีตชาติเหมือนก่อนด้วย

ตอนเช้าทั้งสองจะตื่นขึ้นและแอบพากันออกไปนอกเมือง และไปฝึกกันอยู่นอกเมืองเงียบๆ ถึงเวลาพักก็พักหาซื้ออะไรมากิน

ฝึกจนตกเย็นทั้งคู่ก็จะกลับมาที่พักเพื่อพักผ่อน แต่ถึงจะบอกว่าพักผ่อน เรย์น่าก็แค่ทำสมาธิฝึกการควบคุมวิชาศักดิ์สิทธิ์

ถึงจะจำตอนอยู่ในหุบเหวไม่ได้ แต่ทางออกของพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้หายไปพร้อมกับความทรงจำ ดังนั้นเมื่อรวมกับคำสอนวิชาวิทยาศาสตร์จากมิวแล้ว

ทำให้เรย์น่าเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด ทางด้านมิวเองก็ไม่ได้นอนแต่อย่างใด เธอเพียงแค่นั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวเท่านั้น

เรย์น่าเองก็สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของมิวได้ชัดเจน มิวเหมือนคนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่มากกว่ากำลังทำอะไรบางอย่าง

แน่นอนว่าสาเหตุก็เพราะมิวนั้นเห็นทุกอย่างผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตไปหมดแล้ว มิวจึงแค่ดำเนินไปเหมือนเดิมอย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นการกระทำของเธอจึงไม่ใช่การกระทำแบบเจตจำนงเสรี.. แต่เป็นการทำตามบทบาทที่ถูกกำหนดมาไว้แล้ว

“… เหอะๆ เจตจำนงเสรี (Free will) งั้นเหรอ”

มิวนั่งอยู่คนเดียวในห้องเงียบๆ เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ นับตั้งแต่ออกมาจากหลุมก็ผ่านมาเกือบห้าวันแล้ว

เรย์น่าในตอนนี้ก็แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าปีศาจจิตมรณะได้ง่ายๆ อาจจะไม่ได้เก่งพอจะสู้กับปีศาจนั่น แต่ก็มากพอจะไม่ตายจากการโจมตีของมันแล้ว

ซึ่งในระหว่างที่มิวกำลังคิดถึงเรื่องสิ่งที่ตัวเองกำลังทำหรือต้องทำ มันก็ทำให้เธออดนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ตั้งแต่ที่เธอเลือกที่จะย้อนเวลากลับไป และกลายเป็นว่าตัวเองในอนาคตคือต้นเหตุให้ตัวเองในอดีตตาย

ราวกับทุกอย่างถูกกำหนดมาไว้แต่แรกแล้ว.. ใช่ ในตอนนั้นเธอพยายามจะแก้ไขสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ทำไม่สำเร็จ

พอมาตอนนี้เธอกลับไม่อยากที่จะแก้ไขสิ่งที่กำลังจะเกิด เธอต้องทำตามเท่านั้น หากพระเจ้ามีอยู่จริง ดำรงอยู่จริง

เจ้านั่นมันคงกำลังจะนั่งหัวเราะและบงการการกระทำของมิวอยู่แน่ๆ เพราะจากประสบการณ์เดินทางที่ไม่ได้ยาวนานขนาดนั้นของมิว

ทำให้มิวรู้สึกว่าตัวเองแค่กำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกกำหนดมาไว้แต่แรกแล้ว ต่อให้รู้อนาคตก็ใช่ว่าจะอยากเปลี่ยนสิ่งที่ถูกกำหนดไว้

มาลองคิดดู หากมิวรู้แต่แรกว่าตัวเองต้องไปฆ่าตัวเอง เธอจะสามารถเลือกที่จะไม่ย้อนกลับไปได้หรือเปล่า หรือสุดท้ายแล้วต่อให้เธอรู้

เธอก็คงต้องทำมันแบบที่ควรจะเป็นเหมือนกับตอนนี้

เมื่อคิดเรื่องเหล่านี้เธอก็รู้สึกว่ากาลเวลามันน่าพิศวง มันเหมือนสิ่งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับห่างไกลออกไปแบบไม่มีจุดจบ

เธอเคยดูหนังหรืออนิเมะเกี่ยวกับการข้ามเวลามาเยอะ และตัวเธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยข้ามเวลา ตั้งแต่เข้ามาในหอคอยนี้

เธอข้ามเวลามาแล้วสามครั้ง ครั้งแรกคือไปฆ่าตัวเอง ครั้งที่สองคือห้ามตัวเองไม่ให้ลงไปในหลุมดำ ครั้งที่สาม….

มิวส่ายหน้า..

“ต่อให้จะเดินทางข้ามเวลาได้แล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนมีอิสระจากเวลาอยู่ดี”

“เจตจำนงเสรีงั้นสินะ..”

มิวเคยอ่านมาก่อนแนวคิดของเจตจำนงเสรี ที่ทุกๆ คนล้วนแล้วแต่มีเจตจำนงที่เป็นของใครของมัน ไม่มีคนมากำหนดไว้

ทุกครั้งที่เลือกจะเกิดการแบ่งแยกไทม์ไลน์ขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเวลาขึ้น แต่ในความจริงแล้ว.. ที่มิวพบมามันไม่ใช่แบบนั้นเลย

ยิ่งเธอถลำลึกลงไปในกาลเวลา เธอยิ่งรู้สึกว่า.. ตัวเองก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในกลไกของสิ่งที่เรียกว่ากาลเวลา

ไม่สามารถหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงมันได้

ราวกับพระเจ้ากำลังบงการทุกอย่างอยู่จริงๆ

เจตจำนงเสรีนั้นไม่มีอยู่จริง..

แต่ถึงแบบนั้นมิวก็เลือกที่จะไม่เชื่อ เธอเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองรู้สึก สิ่งที่ตัวเองเข้าใจในตอนนี้นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ใครสักคนกำหนด

เธอคิดเอง เข้าใจด้วยตัวเอง.. เธอมีเจตจำนงเสรีอยู่ มิวสามารถเลือกที่จะไม่ทำตามแบบในอนาคตที่เธอเห็นก็ได้

เพียงแต่เธอแค่ไม่อยากทำ ไม่ต้องการทำเท่านั้น นั่นแหละคือเจตจำนงเสรีของมิว ที่มิวทำตามอนาคตที่ตัวเองเห็นเพราะเธอต้องการทำ

ไม่ใช่ทำเพราะต้องทำ.. แค่นี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าแนวคิดของเรื่องเจตจำนงเสรีนั้นมีอยู่จริงแล้ว

“เอาเถอะ.. ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีเจตจำนงเสรีส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ ‘กาลเวลา’ แหละนะ”

เดิมทีแล้วมนุษย์หรือมิวก่อนที่จะได้ย้อนเวลานั้น ก็รู้ว่ากาลเวลามันสามารถพรากผู้คนไปได้อย่างง่ายดาย

ในตอนนี้มิวที่ย้อนเวลาได้ หมายถึง เคยย้อนเวลามาแล้วเลยรู้สึกขึ้นมาว่าการที่เธอข้ามเวลาได้ ไม่ได้แปลว่าเธอเข้าใกล้การพิชิตเวลาแต่อย่างใด

มิวหลับตาลง.. เธอเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับที่อนาคตได้กำหนดมาไว้ทุกอย่าง.. แม้แต่ความคิดหรือการครุ่นคิดเกี่ยวกับเจตจำนงเสรีเมื่อกี้

ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตทั้งสิ้น เวลานั้นไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันที่สิบเริ่มขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คน

ตามมาด้วยเหนือท้องฟ้ามีสัตว์ประหลาดหัวไม้ลอยอยู่กลางอากาศน่าหวาดหวั่น มิวเดินไปหาเรย์น่า

“ถึงเวลาแล้ว”

เรย์น่าก็พยักหน้าตอบทันที.. เรย์น่าในตอนนี้แข็งแกร่งพอที่จะเข้าใกล้เจ้าสัตว์ประหลาดที่เป็นคนควบคุมปีศาจจิตมรณะคนอื่นได้แล้วแน่ๆ

แน่นอนว่าเรย์น่าเองก็มีแผนของตัวเองเช่นเดียวกัน.. แม้ในตอนแรกจะคิดท่าพิเศษไว้เผื่อกรณีที่มิวไม่ได้ความทรงจำคืน

แต่ถ้าได้คืน แล้วมิวมาสอนให้เรย์น่าแบบตอนนี้ก็แค่ทำตามแผนเดิมที่ทางศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์มอบก็แค่นั้น

ซึ่งมิวที่มองเรย์น่าก็เหมือนเข้าใจถึงความคิดของเรย์น่าดีกว่าใคร.. ดียิ่งกว่าตัวของเรย์น่าเองด้วยซ้ำ

ร่างของทั้งสองหายวับไปจากที่พัก.. ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้น มีมิวกับเรย์น่าลอยอยู่กลางอากาศจ้องมองสัตว์ประหลาดที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

และในตอนนั้นเองเงาร่างสีดำปริศนาก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของมิวและเรย์น่า พร้อมกับพูดบางอย่าง

..แน่นอนว่าทุกอย่างที่เล่านี้กำลังเกิดขึ้นซ้ำเหมือนกับตอนแรกเลย เพียงแต่ว่าในวินาทีที่หุบเหวสีดำนั้นจะดูดมิวและเรย์น่า

ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นว่า

“ไม่คิดบ้างเหรอว่ามุกนี้เก็บไว้ใช้ตอนช่วงอื่นของเรื่องจะดีกว่าน่ะ”

แต่รอบนี้เสียงนั้นกลับไม่ได้ชัดเจนเหมือนตอนแรก มันดูเป็นเหมือนเสียงสะท้อนเสียมากกว่า ตามมาด้วยเสียงปรบมือหนึ่งครั้ง

และในชั่วพริบตานั่นเอง เงาร่างสีดำก็ถูกหายออกไปเหลือเพียงหลุมสีดำที่วางไว้ตรงนั้น และตามมาด้วยมือสีดำที่พุ่งมาจับร่างมิวและเรย์น่าเอาไว้

“ตอนนี้แหละ”

มิวเองก็ไม่ได้คิดจะรอให้ตัวเองโดนจับลากลงไปในหลุมสีดำแสนอันตรายนั่น

ทว่ากลับตามมาด้วยเสียงนุ่มลึกอันคุ้นเคยด้านหลังของมิวว่า

“โทษทีนะ แต่เธอต้องเข้าไปในนั้นเพื่อให้ฉันได้อยู่ต่อน่ะ”

มิวถูกผลักลงไปในหลุมสีดำพร้อมตะโกนออกมาว่า

“แบบนี้อีกแล้วเหรอ!!”

ใช่แล้ว.. คนที่ผลักมิวก็คือตัวมิวเองนั่นแหละ

มิวมองตัวเองที่ถูกผลักลงไปในหลุมสีดำพร้อมกับพูดขึ้น

“เพราะในโลกนี้จะมีพวกเราอยู่พร้อมกันสองคนไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นเธอต้องกลับไปในอดีตเพื่อให้ฉันเป็นตัวจริงในปัจจุบันน่ะ”

มิวจำได้ดี จังหวะที่เธอตะโกนว่า “แบบนี้อีกแล้วเหรอ!!” นั้น.. เธอรู้สึกเดจาวูกับรอบก่อนที่ตัวเองในอนาคตมาห้ามไม่ให้เข้าไปในหลุมดำเลย

เพียงแค่รอบนี้.. ตัวเองในอนาคตมาผลักตัวเองให้ไปอยู่ในอดีต

ใช่แล้ว.. นี่คือครั้งที่สามที่มิวย้อนเวลา

ครั้งที่มิวส่งตัวเองย้อนเวลากลับไปในอดีต

 

……..

[Fact]

เผื่อลืมกัน ย้อนกลับไปอ่านตอน 103 กันใหม่ได้ ซีนเดียวกัน