ตอนที่ 121 สิ้นสุดความทรงจำจากอนาคต

เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ!

บทที่ 121 – สิ้นสุดความทรงจำจากอนาคต

 

หลังจากที่มิวส่งตัวเองอีกคนย้อนกลับไปในอดีตแล้ว เธอก็หันหน้าไปเผชิญหน้ากับปีศาจจิตมรณะตัวใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือเมฆ

มันจ้องลงมามองที่มิวและเรย์น่า สายตาแสดงออกถึงความเกลียดชังที่ชัดเจน ราวกับว่ามันรู้ว่ามีเพียงเรย์น่าที่สามารถกำจัดมันได้

มันไม่มีทางนอนรอให้ตัวเองถูกฆ่าอย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าไม่สามารถจัดการมิวและเรย์น่าได้ในการโจมตีเมื่อกี้มันก็มีร่างกายที่พร่าเลือนลงไป

เพราะมันยังตื่นขึ้นมาในสภาพที่ไม่เต็มที่มากนัก ไม่งั้นมันคงไม่ลอยอยู่เหนือเมฆ แต่ลงมาถล่มแล้วมองคนให้กลายเป็นปีศาจจิตมรณะไปแล้ว

การที่มันไม่ลงมาก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ตัวมันเองก็ยังไม่พร้อมที่จะมาสู้กับเรย์น่าและมิวนั่นเอง

“เรย์น่า เธอไปช่วยคนที่อยู่ด้านล่างก่อน เดี๋ยวฉันจะเป็นคนต้านเจ้านั่นไว้ให้เอง”

“ไม่สิ คนที่ต้องไปช่วยคนด้านล่างต้องเป็นท่านมิว ส่วนเจ้าปีศาจนั่นข้าจะเป็นคนไปจัดการมันเอง”

เรย์น่าในตอนแรกเธอเหมือนจะเลือกช่วยคนก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว.. อาจจะเพราะตลอดหลายสิบวันที่ผ่านมานั้นเธอได้ทบทวนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

เหมือนมีหมอกหนาปกคลุมหน้าอกเธอตลอดเวลา รู้สึกอึดอัด.. ใช่ สาเหตุเป็นเพราะเจ้าหัวไม้นี่นั่นแหละ

เจ้านี่คือศัตรูที่พยายามพรากชีวิตทุกคน สำหรับเธอแล้ว เธอเป็นเพียงคนเดียวที่จัดการมันได้ ดังนั้นเธอจะต้องทำเท่านั้น

มิวก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่าเรย์น่าจะพูดอะไรแบบนี้เธอจึงพูดอธิบายว่า

“ฉันรู้ว่าเธอมีหน้าที่ต้องทำแบบนั้น แต่อย่าลืมนะว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในเมืองตอนนี้ก็กำลังตกที่นั่งลำบาก”

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะ”

มิวพูดแบบนั้น สิ่งที่มิวต้องการให้เรย์น่าทำก็คืออย่างน้อยก็ช่วยปัดเป่าจิตมรณะสักครั้งก่อน มิวต้องฆ่าพวกปีศาจจิตมรณะสักตัวก่อน

แต่ทว่าเรย์น่านั้นคิดว่ามิวไม่รู้ว่า.. คนที่กำจัดปีศาจนั่นได้มีแต่เรย์น่าเท่านั้น ซึ่งสาเหตุก็มาจากเพราะว่าเรย์น่าไม่ต้องการจะบอก

แต่เวลานี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ยิ่งพวกเธอคุยกันแบบนี้ ก็มีคนตายไปทีละคนสองคน .. เธอรู้ว่าต่อให้เธอช่วยคนจำนวนหนึ่งได้

ก็ไม่ได้ช่วยให้คนตายน้อยลงมากไปกว่าเดิม ทางเดียวที่จะหยุดได้ก็คือฆ่าเจ้าตัวบงการที่อยู่ด้านบนนั่นเท่านั้น

“ท่านมิว ข้าต้องเป็นคนจัดการมันเท่านั้น มันต้องเป็นแบบนั้นเท่านั้น”

เธอไม่สามารถพูดความจริงที่ว่าเธอเป็นคนเดียวที่ฆ่ามันได้ เธอกลัวว่ามิวจะจับสังเกตได้ว่า วิธีฆ่าคือการสังเวยตัวเอง

เธอไม่คิดว่ามิวจะเศร้ากับการตายของเธอ แต่ชีวิตองเธอ คือชีวิตที่มิวเคยช่วยเอาไว้ เป็นชีวิตที่ถูกช่วยเอาไว้

การเอาชีวิตที่เคยถูกช่วยเอาไว้ไปทิ้ง เธอไม่สามารถบอกคนคนนั้นได้.. เธอมองเข้าไปในดวงตาของมิวแล้วก็พูดเหมือนอยากจะร้องไห้

“ได้โปรด.. เชื่อใจข้าเถอะ”

“…….”

มิวไม่ได้ตอบออกมา แต่การไม่ตอบของมิวนั้นมันก็เหมือนกับไม่สามารถหาข้อโต้แย้งอะไรมาแย้งได้ โดยไม่รอให้มิวคิดอะไรอีก

ร่างของเรย์น่าก็พุ่งดิ่งขึ้นไปบนฟ้า เรย์น่าเธอเป็นคนฉลาด เธอฉลาดยิ่งกว่ามิวหรือแม้แต่เรนะในอดีตชาติของเธอด้วยซ้ำ

จากการสอนเรื่องฟิสิกส์ เรื่องเคมี ที่มิวก็ไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่เรย์น่านั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้เยอะ.. เยอะยิ่งกว่าตอนเป็นเรนะเสียด้วยซ้ำ

อาจจะเป็นเพราะตอนจำอดีตชาติได้ เรย์น่าใช้ความคิดพื้นฐานเป็นเรนะ ดังนั้นตัวตนในฐานะเรย์น่าจึงเป็นเหมือนแค่ภาพความทรงจำให้กับเรนะ

ส่งผลให้ไม่อาจเห็นถึงการประยุกต์ใช้ในแบบของเรย์น่า เพราะหลังจากที่เรียนรู้หลายๆ อย่างจากมิวทั้งๆ ที่ควรจะเป็นแค่ความรู้ที่ไม่ละเอียดและลึกมาก

แต่เธอกลับกลายเป็นผู้สร้างอาวุธระเบิดสงครามได้เกือบทุกชนิดแล้ว หากจะขาดไปก็คงขาดแค่ระเบิดนิวเคลียร์นี่แหละ

มิวมองเรย์น่าพุ่งขึ้นไปต่อสู้กับปีศาจไม้ อาจจะเพราะปีศาจไม้อ่อนแอลงมากแล้ว เลยทำให้มันต้องโฟกัสแค่การโจมตีเรย์น่าเลยไม่สนใจสิ่งอื่น

หัวของมันกลายเป็นดาบไม้ขนาดเล็กหลายสิบ หลายร้อยเล่มพุ่งฟันใส่เรย์น่าอย่างรวดเร็ว หากโดนไปสักครั้งจิตวิญญาณคงโดนกลืนกินทันที

แต่ว่าเรย์น่าไม่มีจิตให้โดน ดังนั้นต่อให้ดาบไม้ฟันโดนเธอ เธอก็ไม่เป็นอะไรหรอก .. มิวไม่ได้พูดอะไรแค่มอง

ราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่มิวคิด ในตอนนั้นเองจู่ๆ ดัสก์ก็ลอยมาจากไหนไม่รู้พร้อมสีหน้าแตกตื่น

“ท่านมิว ท่านมิว แย่แล้ว.. ข้าไปเจอเอกสารของไอ้พวกศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์มา.. มัน…”

“เรย์น่าจะสังเวยตัวเองให้เพื่อฆ่าเจ้านั่นใช่ไหมล่ะ”

“เอ้ะ.. ใช่ครับ ท่านมิวรู้ได้ยังไง..”

มิวไม่ได้ตอบดัสก์เพียงแต่มองลงไปยังเมืองด้านล่าง ก่อนจะหันไปมองยังทิศที่อยู่ห่างออกไปไกล ความทรงจำจากอนาคตเธอใกล้หมดลงแล้ว

หรือก็คืออีกไม่นานเธอก็จะไม่รู้ว่าอนาคตจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเธอมั่นใจว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด เธอรับรู้มันหมดแล้ว

“ฝากให้นายกับคนของนายช่วยเหลือคนในเมืองที ส่วนเรื่องของเรย์น่านั้น นายไม่ต้องห่วงเรื่องเธอหรอก ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตายเด็ดขาด”

“ส่วนเรื่องของพวกศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์จบเรื่องแล้วค่อยมาจัดการ”

มิวพูดแบบนั้นพร้อมกับหันหลังให้ดัสก์

“ฉันไปจัดการเจ้าตัวบงการนั่นอีกสักรอบก่อน”

มิวพูดแบบนั้นร่างกายก็พุ่งกลายเป็นลำแสงยาวออกจากเมืองไปแทบจะทันที สาเหตุที่เธอไม่ใช้ท่าอัญเชิญอัตลักษณ์ออกมาก็เพราะว่า

อัตลักษณ์ที่เธออัญเชิญออกมามันแข็งแกร่งเกินไป หากฆ่าพวกปีศาจจิตมรณะนั่นไวเกินไป เจ้าบงการมันจะตื่นตัวและอาจจะหนีไปได้

แม้มิวจะไม่ใช่คนประเภทเสียสละคนอื่นได้ง่ายๆ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น.. นอกจากต้องทำแบบนี้.. ใช่แล้ว ที่เรย์น่าสู้อยู่มันคือร่างฉายภาพของเจ้าตัวบงการ

เจ้าตัวบงการตัวจริงมันอยู่อีกที่หนึ่ง และมันกำลังพักฟื้นตัวเองอย่างสบายใจเฉิบในขณะล่อหลอกพวกเธอให้สู้กับเงาและลูกหาบมัน

พอทุกคนเหนื่อยล้ามันก็คงจะไปโจมตีทีเผลอละมั้ง ความทรงจำในอนาคตของมิวนั้นเดินไปไม่ถึงหลังจากนั้น

เธอรู้แค่ที่อยู่ของมัน และนั่นแหละคือทั้งหมดที่ความททรงจำอนาคตของมิวมี.. อย่างแรกมิวหลอกให้เรย์น่าคิดว่านั่นคือตัวจริงก่อน

เธอจะได้ไปจัดการกับมันโดยโฟกัสอยู่ที่มัน เพราะหากมิวไม่ได้สู้กับมันแต่ดูคนอื่นสู้ มิวคงสังเกตเห็นทันทีว่านี่มันตัวปลอม

แต่ถ้ามิวเป็นคนไปสู้ เธอจะไม่มีเวลาไปโฟกัสเรื่องตัวจริงตัวปลอม เธอจะโฟกัสแค่เรื่องที่ต้องฆ่ามัน

แลละมิวยังทำให้เธอตระหนักถึงความจริงที่ว่าต้องฆ่ามันก่อน ไม่งั้นคนในเมืองจะตายมากขึ้นโดยใช้คำพูดเชิงว่า มิวไปช่วยคนก่อน

ถ้ามิวเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้ภาระบนไหล่ของเรย์น่าต้องเป็นการฆ่าเจ้านั่นแน่ๆ และอีกทั้งเพราะมันเป็นตัวปลอม มิวก็ไม่สามารถเข้าไปกลืนกินจิตมันและฆ่าตัวตายได้ เพราะแรกเริ่มเดิมทีมันก็เป็นแค่ภาพฉายนั่นเอง

แต่มิวเองก็ไม่ได้ประหลาด.. หลังเธอจากเมืองมาสักพักเธอก็ลงไปในป่าเพื่อหลบสายตาคนก่อนจะใช้อัญเชิญอัตลักษณ์ออกมา

เพราะตอนนี้ผู้กล้าเอริเนียไม่อยู่

คนที่เหมาะกับการต่อสู้และปกป้องคนอื่นมิวก็ไม่รู้จักนอกจากผู้กล้าเอริเนีย เลยใช้แค่ความคิดเรียกเอาคนที่มีคุณสมบัติปกป้องคนอื่นและต่อสู้ได้ออกมา

ปกติมิวจะอัญเชิญโดยมีความต้องการบางอย่าง เช่นอยากได้คนปกป้อง อยากได้คนต่อสู้ การอัญเชิญก็จะอัญเชิญสิ่งที่เหมาะสมที่สุดออกมาให้

เพราะมิวไม่รู้ว่าตัวเองมีอัญเชิญอัตลักษณ์กี่ประเภท.. บางทีก็แทบจะใช้สัญชาตญาณอัญเชิญด้วยซ้ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่มิวระบุชัดเจนว่าคนที่มีคุณสมบัติปกป้องและสู้ได้ ที่ไม่ใช่ผู้กล้าเอริเนีย.. ก็แน่ล่ะ ถ้าเรียกผู้กล้าเอริเนียกลับมาตอนนี้

คงไม่มีใครดูแลคนที่อยู่ด้านนอก..

แสงสว่างจ้าขึ้นตรงหน้ามิวก่อนจะค่อยๆ จางหายไปและเผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าให้มิว..

ใช่ถ้าคุกเข่าได้แบบนี้ก็มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ อันที่จริงตอนมิวเห็นอนาคตนี้มิวก็ถึงกับประหลาดใจว่าเธออัญเชิญมนุษย์ออกมาได้อีกคนด้วย

ใช่คนตรงหน้าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กพอสมควร สูงราวๆ 146 เซนติเมตรเองด้วยซ้ำมั้ง

เธอมีผมสีขาวทรงทวินเทล สวมชุดโกธิคที่ค่อนข้างแปลกประหลาดอยู่พอสมควร เธอก้มหัวให้กับมิว

“ยินดีรับใช้เจ้าค่ะ นายท่าน”

น้ำเสียงสดใสของเธอดังขึ้นพร้อมกับเงยหน้ามองมิว ดวงตาประกายแวววับของเธอจ้องมองมิวด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

ดวงตาข้างซ้ายเธอเป็นสีขาว ส่วนตาข้างขวาเป็นสีดำดูแปลกตา

“นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านเรียกข้าเลย ข้าในตอนนี้นั้น… รู้สึกกกก~~ ดีสุดๆ เลยเจ้าค่า เพราะว่า..!!! เพราะว่า ในที่สุดนายท่านก็ตระหนักถึงข้าสักทีนะเจ้าคะ ถึงจะน่าเสียดายที่นายท่านไม่ได้เรียกท่านพี่ออกมาก็เถอะน้า~ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนายท่านข้าจะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบที่สุดเลยค่ะ”

“ไว้ครั้งหน้าฉันจะเรียกพี่เธอออกมาให้.. แต่ก่อนอื่นช่วยไปดูแลเรย์น่าแบบลับๆ ที ไม่ต้องช่วยเธอสู้ เธอแค่ดูเอาไว้หากมีอะไรไม่คาดฝันก็ช่วยเธอเอาไว้แบบไม่ให้รู้ตัว”

มิวพูดเสร็จโดยไม่รอช้าร่างเธอก็พุ่งจากไปอย่างรุนแรงทิ้งให้สาวน้อยหัวขาวนั่งอยู่ตรงนั้น หลังจากมิวจากไปสาวน้อยก็ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ

ดวงตามองไปที่เมืองก่อนจะยิ้มขึ้น…

“ปกป้องคนเหรอ … งานแบบนี้ท่านพี่น่าจะเหมาะกว่าข้าน้า~”

“แต่ช่างเถอะ ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงต้องช่วยมนุษย์ด้วย แต่ช่วยแค่คนที่ชื่อเรย์น่าก็พองั้นสินะ”

“ลิลลี่จะตอบรับความปรารถนาของนายท่านเองค่ะ!”