บทที่ 79 ถูกสาดด้วยกาแฟ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

สีหน้าของคุณผู้หญิงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก จะฟังไม่ออกได้ยังไงล่ะว่าวารุณีกำลังพูดทางอ้อมว่าเธอเป็นคนโบราณที่ใช้อินเทอร์เน็ตไม่เป็น และไม่เข้าใจความก้าวหน้าของยุคสมัย

เธอตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโห “พูดจาห้าวหาญมากจริงๆ แม้กระทั่งผู้อาวุโสก็ไม่เคารพ ไม่รู้จริงๆเลยว่าลูกชายของฉันไปชอบผู้หญิงอย่างเธอได้ยังไง”

“ห๊ะ?” วารุณีอึ้งไปเลย “ลูกชายของคุณชอบฉัน? คุณผู้หญิง ลูกชายของคุณคือใครหรอคะ”

คุณผู้หญิงเม้มริมฝีปากที่บางของเธอ “นิรุตติ์ ฉันคือแม่ของเขา คุณหญิงอัณณ์”

ได้ยินชื่อนี้แล้ว สีหน้าขอวารุณีแย่ลงทันที “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง สมแล้วที่พวกคุณเป็นแม่ลูกกัน”

ลูกชายเป็นคนที่ภายนอกดูเป็นคนดีแต่ภายในคิดไม่ดีเจ้าเล่ห์ ส่วนแม่นั้นคำพูดแต่ละคำล้วนมีหนามติดตัวดูถูกคนไปทั่ว

ไม่รู้ว่าพ่อกับสามีของพวกเขา จะเป็นคนแบบไหน?

“เธอหมายความว่าอะไร?” คุณหญิงอัณณ์ขมวดคิ้ว

วารุณียิ้มขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่ารอยยิ้มกลับไม่ได้จริงใจเป็นเหมือนรอยยิ้มที่เสแสร้ง “เปล่าค่ะ ฉันชมพวกคุณอยู่ค่ะ”

คุณหญิงอัณณ์หรี่ตามองเธอ มีความไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

วารุณียกน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำ “พอแล้วค่ะคุณหญิงอัณณ์ คุณยังไม่ได้พูดเลยว่า คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรกันแน่?”

คุณหญิงอัณณ์พิงไปยังข้างหลังอย่างขี้เกียจ “ฉันแค่มาดูว่า ผู้หญิงที่ทำให้ลูกชายฉันถูกต่อยจนเข้าโรงพยาบาล หน้าตายังไงกันแน่ พอวันนี้มาดูแล้ว เป็นเหมือนที่คิดไว้เลย……”

“เดี๋ยวค่ะ” วารุณียกมือขึ้นมาข้างหนึ่งตัดประโยคพูดของเธอ “คุณหญิงอัณณ์ คำพูดนี้ของคุณฉันไม่เห็นด้วยค่ะ อะไรคือทำให้ลูกชายคุณ เขาเข้าโรงพยาบาล เขารนหาเองไม่ใช่หรอคะ เขาอยากทำเรื่องไม่ดีกับฉันก่อน จากนั้นจึงได้ถูกประธานนัทธีต่อยค่ะ”

“เฮอะ!” คุณหญิงอัณณ์หัวเราะอย่างเย็นชา “ลูกชายฉันชอบเธอ คือบุญวาสนาของเธอ หากเธอเชื่อฟังทำตามเขาดีๆ นัทธีจะต่อยเขาหรอ?”

วารุณีรู้สึกตกใจตะลึงไปหมดเลย “คุณหญิงอัณณ์ ตามที่คุณพูดแล้ว ถ้าหากว่านิรุตติ์พูดออกมาว่าอยากให้ฉันคบกับเขา ไม่ว่าฉันชอบหรือไม่ชอบ ฉันก็ต้องตอบตกลงใช่ไหมคะ?”

“เธอไม่ดีพอสำหรับลูกชายฉันหรอกนะ” คุณหญิงอัณณ์เงยหน้าขึ้น มองเธอด้วยความดูถูก “ลูกชายฉันแค่เล่นกับเธอนั้นได้ แต่ถ้าหากจะคบกับเธอ ฉันจะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย ก่อนจะมาฉันได้รู้จักเธอคร่าวๆแล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบร้อย”

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ?” วารุณีลูบแก้วที่อยู่ในมือ มองไม่ออกว่าในแววตาของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

คุณหญิงอัณณ์กอดอก พูดอย่างประชดว่า “หนึ่งเดือนมานี้ที่เธอเข้าสู่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ได้ทำเรื่องข่าวฉาวมากี่ครั้งแล้ว ต่างก็เป็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกชายฉันและนัทธี จากตรงนี้สามารถเห็นได้ว่า มันชัดเจนมากแล้วว่าเป้าหมายของเธอคืออะไร เธออยากจะอ่อยคนใดคนหนึ่งในระหว่างพวกเขา แต่งเข้ามาในตระกูลไชยรัตน์ของเรา ฉันจะบอกให้นะ เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”

พูดจบ เธอก็เปิดกระเป๋าแบรนด์เนมแพงของตัวเอง หยิบเช็คจากในกระเป๋าออกมาหนึ่งใบ แล้ววางลงตรงหน้าของวารุณี

วารุณีก้มหน้ามองลงไป “คุณหญิงอัณณ์ นี่คุณ……”

“เก็บมันไว้ แล้วออกจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ออกจากนัทธีและลูกชายของฉัน” คุณหญิงอัณณ์พูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก

วารุณียิ้มแล้ว “แค่สองล้าน คุณหญิงอัณณ์ จำนวนนี้กับฐานะของคุณ ไม่ค่อยเหมาะสมนะคะ”

ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ คุณที่เป็นคุณหญิงของตระกูลมหาเศรษฐี ทำไมถึงเอาเงินออกมาได้แค่นี้ล่ะ?

คุณหญิงอัณณ์สีหน้าแย่ลงทันที “งั้นเธออยากได้เท่าไหร่?”

วารุณีกระดิกนิ้ว “เท่าไหร่ก็ไม่เอาค่ะ คุณหญิงอัณณ์คุณยังไม่รู้สินะคะ ฉันวาดแบบหนึ่งชุด ขายลิขสิทธิ์ออกไป อย่างน้อยๆก็ล้านอัพ แล้วก็……”

“แล้วก็อะไร?” สีหน้าของคุณหญิงอัณณ์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่

เธอไม่เข้าใจ ก็แค่วาดเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเองไม่ใช่หรอ ทำไมถึงมีค่าขนาดนี้?

แล้วก็ยัยพิชญายัยตัวแสบนั่นก็เหมือนกัน ก่อนที่จะมาก็ไม่พูดเรื่องพวกนี้กับเธอ ทำเอาเธอเสียหน้าเลย

วารุณีเล่นช้อนกาแฟอย่างเหม่อลอย “แล้วก็เมื่อกี้คุณก็พูดแล้ว ฉันเข้าใกล้ประธานนัทธีและนิรุตติ์เพราะว่าอยากจะแต่งเข้าตระกูลไชยรัตน์ ดังนั้นไม่ว่าฉันจะแต่งกับใครระหว่างสองพี่น้องนี้ ฉันก็สามารถเป็นมหาเศรษฐีได้ งั้นทำไมฉันต้องสละอนาคตที่ดีกว่า เพื่อเงินไม่กี่ล้านของคุณล่ะคะ”

“แก……” คุณหญิงอัณณ์สำลักในคำพูดประโยคนี้ของเธอ แต่กลับไม่สามารถไม่ยอมรับได้เลยว่า ที่เธอพูดก็มีเหตุผล เป็นทางเลือกที่คนฉลาดจะเลือก

แต่ว่าการเลือกแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าตระกูลไชยรัตน์จะยอมรับ

ขณะที่คิดอยู่ คุณหญิงอัณณ์ก็ตบโต๊ะขึ้นมา “ยัยไม่เอาหน้าไร้ยางอาย แกคิดว่าตระกูลไชยรัตน์คือสถานที่ที่แกอยากจะแต่งเข้ามาก็สามารถแต่งเข้ามาได้หรอ? แกตอแยพวกเขาสองพี่น้องในเวลาเดียวกัน ก็แค่จุดนี้ ฉันและพ่อของนิรุตติ์ต่างก็ไม่มีทางยอมรับแก”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีนิรุตติ์แล้ว ยังมีประธานนัทธีอีกค่ะ ประธานนัทธีรวยกว่าค่ะ” วารุณีหรี่ตาแล้วยิ้ม

คุณหญิงอัณณ์โมโหไม่น้อยเลย “ทางนัทธีแกก็อย่างหวังไปเลย เขาหมั้นแล้ว”

“หมั้นแล้ว ก็สามารถยกเลิกได้นิคะ” สีหน้าของวารุณีไม่เปลี่ยน ยังคงรักษารอยยิ้มไว้เหมือนเดิม

เธอตั้งใจยั่วโมโหคุณหญิงอัณณ์อยู่แล้ว

ยัยคุณหญิงอัณณ์มาวันนี้เพราะตั้งใจมาดูถูกเธอชัดๆ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องสวนกลับสิ

คุณหญิงอัณณ์ไม่รู้ความคิดในใจของวารุณี พูดด้วยความดูถูกว่า “ยกเลิก? เธอคิดว่าง่ายขนาดนี้เลยหรอ?”

“หรือว่ายุ่งยากหรอคะ?” วารุณีแบบมือขึ้น “ตระกูลศรีสุขคำก็แค่ตระกูลชั้นต่ำในจังหวัดจันทร์ ประธานนัทธีจะยกเลิกงานแต่ง แค่พูดบนอินเทอร์เน็ตประโยคเดียวก็ได้แล้วค่ะ ถึงขั้นไม่ต้องปรึกษากับตระกูลศรีสุขคำเลย ถึงแม้ว่าตระกูลศรีสุขคำจะไม่พอใจก็ทำได้แต่น้อมรับไว้ดีๆ แม้กระทั่งแก้แค้นก็ไม่กล้า เหตุผลที่ชัดเจนขนาดนี้ฉันยังรู้ แต่คุณหญิงอัณณ์กลับ……”

คำพูดด้านหลัง วารุณีไม่ได้พูดแล้ว

แต่ว่าความหมายชัดเจนมากแล้ว ก็คือกำลังพูดว่าคุณหญิงอัณณ์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ภายใต้ความโมโหของคุณหญิงอัณณ์ ลุกขึ้นมาสาดกาแฟไปทางวารุณีเลย

วารุณีคิดไม่ถึงว่าเธอจะทำแบบนี้ ก็ไม่ได้หลบ ดังนั้นจึงถูกราดใส่เต็มๆ ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยกาแฟ ผมและเสื้อผ้าก็เสียทรงหมดแล้ว

มองดูท่าทีที่ทรุดโทรมของวารุณี ในที่สุดคุณหญิงอัณณ์ก็ถือว่าได้เอาคืนแล้ว ซะใจมาก

วารุณีดึงกระดาษมาหลายใบมาก เช็ดกาแฟบนใบหน้าด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “คุณหญิงอัณณ์ เพราะว่าคุณคือผู้อาวุโส ฉันไม่ทำกลับแน่นอนค่ะ แต่ว่ากาแฟแก้วนี้ฉันจำไว้แล้วค่ะ”

“เธอจะทำอะไรฉันได้?” คุณหญิงอัณณ์พูดอย่างไม่เห็นด้วย

วารุณีนำกระดาษที่เช็ดใช้แล้วทิ้งลงบนโต๊ะ “ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรคุณได้จริงๆค่ะ แต่ว่าหลังจากนี้ก็ไม่แน่แล้ว ไม่แน่วันไหนฉันอาจจะแต่งงานกับประธานนัทธีจริงๆ กลายเป็นคุณหญิงของตระกูลไชยรัตน์ แล้วแอบลอบกัดพวกคุณอยู่ที่ลับ ให้บ้านลูกชายคนโตของพวกคุณไม่มีจุดยืนในบ้านของตระกูลไชยรัตน์ ฉันก็สามารถทำได้อยู่นะคะ”

“แก!” สีหน้าของคุณหญิงอัณณ์เปลี่ยนไป ชี้ไปทางเธอด้วยความโมโห “ฉันจะบอกนัทธี ให้นัทธีรู้ตัวตนที่แท้จริงของแก!”

“เชิญตามสบายค่ะ!” วารุณีพูดด้วยความเย็นชา จากนั้นก็ถือกระเป๋าแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ จัดการกับกาแฟที่อยู่บนเผ้าผมและเสื้อผ้า

หลังจากที่เธอไปแล้ว คุณหญิงอัณณ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจริงๆด้วย โทรหานัทธี นำเรื่องทั้งหมดในเมื่อกี้บอกเขา

นัทธีฟังจบแล้ว นัยน์ตาส่วนลึกปรากฏท่าทีที่เดาไม่ออก วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์

ประมาณสิบนาทีต่อมา วารุณีกลับมายังตึกแผนกออกแบบ พึ่งออกจากลิฟต์ ก็เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่นอกประตูลิฟต์

“ประธานนัทธี?” วารุณีอึ้งไปเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่

แววตาของนัทธีกวาดสายตามองดูเผ้าผมที่เหนียวติดอยู่ด้วยกันของเธอ และเสื้อผ้าที่เลอะเทอะของเธอ เม้มปากแล้วพูด “มากับฉัน”

วารุณีคิดว่าเขามีงานอะไรจะมอบหมายให้เธอ กัดริมฝีปากด้วยความลำบากใจ “ขออภัยค่ะประธานนัทธี ฉันยังไม่สามารถไปกับคุณได้ รอฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อนได้ไหมคะ?”

นัทธีไม่ได้ตอบกลับ เดินตรงเข้าไปในลิฟต์เลย

วารุณีเห็นเขาไม่ตอบตกลง นวดใบหน้าด้วยความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้

สุดท้าย เธอก็ไปกับเขา

มาถึงออฟฟิศของประธาน ยังไม่รอให้วารุณีถามนัทธี ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ นัทธีก็หยิบถุงๆ หนึ่งจากโต๊ะทำงานให้กับเธอ แล้วชี้ไปทางของห้องพักผ่อน “ไปอาบน้ำ”