“ห๊ะ!” วารุณีอึ้งไปเลย

นัทธีเห็นเธอไม่ขยับ ขมวดคิ้ว “ยังนิ่งอยู่ทำไม เดี๋ยวมีประชุม”

“ค่ะ” ได้ยินคำว่าประชุมคำนี้แล้ว วารุณีรีบตอบสนองขึ้นมาทันที ถือถุงแล้วเดินไปทางห้องพักผ่อน

หลังจากที่เข้ามาในห้องพักผ่อนแล้ว เธอดมกลิ่นหอมมิ้นท์ที่ลอยอยู่ตามอากาศ จู่ๆก็นึกได้ว่า ที่นี่ก็ถือว่าเป็นห้องของนัทธีนิ

คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะอาบน้ำในห้องของเขา!

วารุณีหันศีรษะกลับไปมองประตูของห้องพักผ่อน ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้น

แต่ว่าในไม่ช้า ความเหนียวเหนอะหนะบนตัวก็ทำให้เธอเงียบสงบลง หลังจากสูดหายใจลึกแล้วไม่คิดมากอีก ไปอาบน้ำแล้ว

ฟังเสียงน้ำซูซีซูซีที่ดังผ่านมาจากห้องพักผ่อน นัทธีที่กำลังจัดการกับเอกสาร จู่ๆก็วางปากกาในมือลง มองเข้าไปในห้องพักผ่อนด้วยแววตาซึมๆ

หลังจากที่มองไปสักพักแล้ว จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้น ดึงเนกไทด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจร้อน จากนั้นก็ดึงลิ้นชักออก หยิบบุหรี่ข้างในออกมาหนึ่งกล่องแล้วเดินไปทางระเบียง

รับรู้ได้ถึงลมเย็นที่ผัดมาจากนอกระเบียง นัทธีนวดที่ขมับ จึงจะสงบสติลงเยอะมาก

ผ่านไปไม่นาน วารุณีอาบน้ำเสร็จออกมาแล้ว เห็นว่าผู้ชายไม่อยู่ กำลังคิดอยู่ว่าเขาออกไปแล้วหรือเปล่า ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักออกกะทันหัน

มารุตเข้ามาจากข้างนอก บนมือถือเอกสารอยู่ฉบับหนึ่ง “ประธานนัทธี สำหรับเมื่อครึ่งปีก่อน……”

คำพูดยังพูดไม่จบ เขาก็เห็นวารุณีที่ยืนอยู่ข้างหน้าโซฟา กำลังถือผ้าขนหนูเช็ดผม ตกใจจนแว่นตาหลุดลงมา “คุณวารุณี ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ แล้วนี่คุณ……”

ผมที่เปียกชื้น รวมถึงไอน้ำที่ออกมาจากร่างกาย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพึ่งอาบน้ำออกมา

อาบน้ำในห้องทำงานของประธาน หรือว่าเธอกับประธาน……

อ๊าก!

มารุตตกใจมาก เขาตะลึงและอึ้งไปเลย

วารุณีมองไปทางเขาด้วยความสับสน “ผู้ช่วยมารุต คุณเป็นอะไรคะ?”

มารุตดึงสติกลับมา ท่าทีที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไปทันที เกรงใจขึ้นมาเยอะมาก “ผมไม่เป็นอะไรครับ คุณวารุณี ประธานล่ะครับ?”

วารุณีกำลังจะตอบว่าตัวเองไม่รู้ หน้าต่างแบบฝรั่งเศษที่ระเบียงก็ถูกเปิดออกแล้ว นัทธีเดินเข้ามาจากข้างนอก “มีเรื่องอะไร?”

ดมกลิ่นของบุหรี่ที่ลอยผ่านมาจากตัวเขา มารุตยิ่งมั่นใจในการเดาของตัวเองแล้ว

ผู้ชายดูดบุหรี่หลังทำเสร็จ ผู้หญิงอาบน้ำหลังทำเสร็จ

เป็นเหมือนที่คิดไว้เลยท่านประธานกับคุณวารุณีอันนั้นกันในห้องทำงานแล้ว!

พอนึกถึงจุดนี้ ในใจของมารุตเหมือนมีคลื่นโหมซัดสาด นานมากที่ไม่สามารถเงียบสงบได้ แต่ว่าบนใบหน้ากลับรักษาความเงียบสงบไว้ ดันแว่นแล้วตอบกลับ “คืออย่างนี้ครับ เมื่อกี้ผมพึ่งกลับมาจากฝ่ายแผนกข้อมูล เห็นว่าข้อมูลการขายครึ่งปีก่อนไม่ค่อยถูกครับ ก็เลยมารายงานกับคุณเป็นพิเศษ”

“รู้แล้ว วางไว้เถอะ เดี๋ยวฉันดู” นัทธีพยักหน้า

มารุตนำเอกสารวางไว้บนโต๊ะทำงาน “งั้นประธาน ผมไปก่อนนะครับ”

พูดจบ ยังไม่รอให้นัทธีเห็นด้วย มารุตก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว

วารุณีมองดูทิศทางที่เขาออกไป รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าผู้ช่วยมารุตค่อนข้างผิดปกติคะเนี่ย”

นัทธีรู้สึกเฉยๆ เดินตรงไปทางโต๊ะทำงาน

วารุณีวางผ้าขนหนูลง เสยผมที่เปียก

ผมของเธอยาวเกินไป เยอะด้วย หลังจากที่เปียกแล้วก็แนบติดอยู่ที่หลังทั้งหมดเลย หนักๆ ไว้ ลำบากมาก

นัทธีเปิดเอกสารที่มารุตเอามาวางเมื่อกี้ หางตาเห็นท่าทางของเธอที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผมของตัวเอง ยิ้มที่มุมปาอ่อนๆ “ตรงหัวเตียงในห้องพักผ่อนมีไดร์เป่าผม”

“ดีจังเลยค่ะ!” ดวงตาของวารุณีเปล่งประกายขึ้น หันหลังแล้วเดินไปทางห้องพักผ่อนของเขา เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไปเป่าผมแล้ว

ในไม่ช้า วารุณีก็หยิบไดร์เป่าผมสีดำออกมา ขยับหัวปลั๊กไปมา “ประธานนัทธี เสียบที่ไหนคะ?’

ฟังประโยคนี้ของเธอแล้ว นัทธีอดทนไหวยักคิ้วไป จากนั้นก็ก้มหน้าลงไอไปหนึ่งที ชี้มาทางใต้โต๊ะทำงานของตัวเอง

วารุณีไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองผิดปกติตรงไหน วิ่งไปด้วยความดีใจ เสียบปลั๊กไดร์เป่าผมแล้วเริ่มเป่าผม

นัทธีนั่งอยู่ข้างหน้าเธอจากที่ไม่ไกล ในตอนที่เธอเสยผม มีหลายครั้งที่ปลายผมได้ผ่านหูของเขาไป แอบคันเล็กน้อย ทำให้หลังของเขาตึงแน่นขึ้นมา

ไม่เพียงแต่เท่านี้ กลิ่นหอมแชมพูที่ลอยผ่านมาจากตัวของเธอ ก็เข้าไปในจมูกของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ความหอมนี้เขาไม่ได้รู้สึกแปลก คือความหอมของมิ้นท์ที่เขาใช้มาโดยตลอด

จากตรงนี้สามารถเห็นได้เลยว่า ตอนที่เธออาบน้ำ ได้ใช้แชมพูของตัวเอง

แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อยที่เธอยุ่งของของเขา กลับรู้สึกพอใจมากอีกด้วย

ระหว่างที่คิด วารุณีเป่าผมเสร็จแล้ว ปิดไดร์เป่าผมลง ในตอนที่กำลังจะก้มตัวลงไปดึงปลั๊กออก เตรียมตัวเก็บปลั๊กเข้าไปที่เดิม

จู่ๆ นัทธีก็เตะขาออก ทั้งคนและเก้าอี้ขยับเลื่อนออกไปประมาณสองเมตร

วารุณีตกใจเล็กน้อย “ประธานนัทธี คุณเป็นอะไรคะ?”

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขากำลังหลบเธออยู่ล่ะ?

นัทธีนั่งไขว่ห้าง ดึงสูทลงข้างล่าง หลังจากที่ปกปิดส่วนที่มีความเปลี่ยนแปลงแล้ว จึงจะตอบกลับด้วยเสียงที่ต่ำว่า “ไม่เป็นอะไร คุณวางไดร์เป่าผมลงเถอะ เดี๋ยวผมเก็บกลับไปเอง”

“ค่ะ” วารุณีไม่ได้เห็นความผิดปกติของเขา พยักหน้าเบาๆ วางไดร์เป่าผมลง “ประธานนัทธี ขอบคุณนะคะที่พาฉันมาจัดทำความเรียบร้อยให้กับตัวเอง ไม่นั้นตอนนี้ฉันยังคงสกปรกอยู่เลยค่ะ”

นัทธีก้มหน้าลง “ไม่เป็นไร เรื่องที่คุณไปพบกับคุณป้าของผม ผมรู้แล้ว เธอสาดใส่คุณ ผมมีเหตุผลที่จะจัดการเรื่องที่เธอทำไว้”

“รู้แล้ว?” วารุณีอึ้งไปเลย จากนั้นก็มองเขาด้วยความเขินอาย “ประธานนัทธี งั้นคำพูดพวกนั้นที่ฉันพูดกับคุณหญิงอัณณ์ คุณก็รู้แล้ว?”

นัทธีเงยหน้าขึ้น “อืม”

วารุณีทุบไปที่ศีรษะอย่างเครียด รีบอธิบาย “ประธานนัทธี คุณอย่าเชื่อคุณหญิงอัณณ์เด็ดขาดเลยนะคะ คำพูดพวกนั้นที่ฉันพูดไม่ใช่ความจริงค่ะ ฉันเองก็ไม่เคยคิดเลย หลักๆคือฉันอยากจะทำให้คุณหญิงอัณณ์โมโหค่ะ”

นัทธีเม้มปาก

ถึงแม้ว่าตอนที่ได้รับโทรศัพท์ เขารู้อยู่แล้วว่าคำพูดพวกนั้นเป็นเรื่องปลอม

แต่ว่าได้ยินเธอปฏิเสธจากหูตัวเองแล้ว ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ในส่วนที่ว่าไม่สบายใจอะไร เขาไม่ได้คิดต่อไป

“พอแล้ว ผมรู้แล้ว ครั้งนี้ที่คุณป้าผมมาหาเรื่องคุณเป็นเพราะนิรุตติ์เข้าโรงพยาบาล แต่ว่าต่อจากนี้เรื่องแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว ผมได้คุยกับคุณลุงของผมอย่างชัดเจนแล้ว เขาจะดูเธอไว้ให้ดี” นัทธีซุกมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้น

วารุณีถอนหายใจเบาๆ “งั้นก็ดีแล้วค่ะ”

“ไปเถอะ ประชุม!” นัทธียกเท้าขึ้น เดินไปทางประตู

วารุณีจัดผมเผ้า แล้วรีบตามเขาไป

ระหว่างทางที่ไปห้องประชุม วารุณีรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย มักจะรู้สึกตลอดว่าเหมือนตัวเองลืมอะไร

แต่ว่าพอจับไปที่กระเป๋า ก็ไม่มีอะไรขาดหายไป

คิดไปเองหรอ?

คิดยังไงก็คิดไม่ออก วารุณีก็ไม่ได้คิดมาก ส่ายหัว จัดการอารมณ์ให้ดีแล้วเดินเข้าห้องประชุม

หลังจากประชุมเรียบร้อยแล้ว เป็นเวลาตอนเย็นแล้ว

วารุณีกลับไปช่วยงานที่แผนกออกแบบอีกสองชั่วโมง ก็เลิกงานแล้ว

ครั้งนี้ เธอรับเด็กๆทั้งสองแล้วไม่ได้กลับไปที่อพาร์ทเมนท์โดยตรง แต่ว่าไปที่สตูดิโอ

ปาจรีย์ได้ยินผู้ช่วยบอกว่าเธอมาแล้ว รีบออกมาทักทายต้อนรับ “วารุณี เธอมาได้ยังไง?”

วารุณีปล่อยมือของเด็กทั้งสองออก หลังจากปล่อยให้พวกเขาไปเล่นกันเองแล้ว ก็ควงแขนของปาจรีย์ เดินไปด้วยพูดกับเธอไปด้วยว่า “มาเยี่ยมคุณ และมาถามเรื่องที่เธอฟ้องร้องด้วย”

“ทางศาลยอมรับแล้ว หมายเรียกตัวก็ส่งไปแล้ว แต่ว่า……” สีหน้าของปาจรีย์แย่ลง

สีหน้าของวารุณีก็จริงจังขึ้นมา “แต่ว่าอะไร?”

ปาจรีย์เม้มปากด้วยความโมโห “ทางสตูดิโอมูลไลท์ไม่รับ ส่งหมายเรียกตัวกลับไปแล้ว”

“อะไรนะ?” วารุณีขมวดคิ้ว “พิชญากล้าขนาดนี้เลย แม้กระทั่งหมายเรียกตัวของศาลก็กล้าส่งกลับ?”

“ก็แหงล่ะ” ปาจรีย์เติมน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว “ตอนที่เธอส่งหมายเรียกตัวกลับ มีเหตุผลด้วยนะ”

“เหตุผลอะไร??” วารุณีรับแก้วน้ำมา