“ใครอยากจะสู้อีก?”

เสียงของเย่เทียนดูใจเย็นแต่เหมือนกับมีความองอาจและอำนาจที่อยู่เหนือกว่าสิ่งใดในโลกจะเทียมอยู่.

ความสง่างามของเขานั้นได้เหนือกว่าความภาคภูมิของนักรบสปาตั้นไปแล้ว.

เพราะความแข็งแกร่งของเขาที่บดขยี้ทั้งพวกนักรบและความกล้าหาญที่พวกเขาภาคภูมิใจที่สุด ด้วยท่าทางดุดันนั่น เย่เทียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นไม่สามารถต่อกรด้วยได้เลย.

ทาสสปาตั้นที่เหลือ9คนปิดปากเงียบ เพราะพลังต่อสู้และความสามารถเมื่อเทียบกับทาสที่แพ้นั่นแล้ว ถือว่าเท่าเทียมกันเลย. เพราะเย่เทียนขยี้หนึ่งในพวกเขาไปแล้ว เขาก็คงจะขยี้คนอื่นได้ง่ายๆเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าขายหน้าตัวเองด้วยการต่อสู้กับเย่เทียนอีกต่อไป.

“จะว่าไป, พวกเจ้าอยากจะสู้ต่อหรือไม่? บนสนามรบน่ะ!”

เพราะไม่มีใครกล้าเปิดปากพูด เย่เทียนรู้แล้วว่าก้าวแรกของเขานั้นสำเร็จไปด้วยดี!

“ในฐานะกลาดิเอเตอร์หรือขอรับ?”

หนึ่งในพวกนั้นถามด้วยความด้อยค่าของตัวเองในดวงตา และเสี้ยวหนึ่งของความเศร้าจากก้นบึ้ง. ความภาคภูมิใจในการต่อสู้ของพวกเขาได้กลับกลายมาเป็นเครื่องมือรับใช้เหล่าโรมันซะอย่างงั้น.

“ไม่ใช่กลาดิเอเตอร์ แต่เป็นนักรบ! ทาสนักรบ! ทาสนักรบของข้า!”

เย่เทียนส่ายหัวและพูดเบาๆ.

“นักรบหรือ?”

มีประกายแสงแห่งเกียรติยศแว่บขึ้นมาในดวงตาของทาสทหารสปาตั้นผู้นั้น.

แทนที่จะเป็นทาสทำงานในฟามหรือไม่ก็คอยเอ็นเตอเทนพวกชั้นสูงในกรงยักษ์ พวกเขายอมอยู่ในสนามรบดีกว่า ต่อให้พวกเขาเป็นแค่ทาส แต่พวกเขาก็อยากใช้ชีวิตให้มีเกียรติกว่านี้.

“ใช่ ในฐานะทหาร ไม่ใช่ในฐานะตัวตายในสนามรบ. พวกเจ้าจะสู้เพื่อข้าเพียงคนเดียว ไม่ใช่เพื่อโรม!”

เย่เทียนพูดอย่างใจเย็น ทำให้ประกายในดวงตาของพวกทาสสปาตั้นสว่างขึ้นมาอีกครั้ง.

“ภักดีต่อข้า แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นแค่ทาส แต่ข้าก็จะไม่ขายพวกเจ้า! แล้วก็ หากพวกเจ้าเข้าร่วมในสงครามและรอดกลับมาได้ ข้าสามารถคืนนามสกุลให้ เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ใช้ชื่อที่แท้จริงและสกุลของเจ้า!”

เย่เทียนอธิบายต่อ หลังจากกลายเป็นทาสแล้ว ชื่อและตัวตนของพวกเขาถูกริดรอนไป ด้วยกฏเพียงข้อเดียว.

“จริงรึ!!?”

ทาสทั้ง10คนตื่นเต้นมาก. ในตาของเย่เทียน ค่าความภักดีของพวกเขาได้เปลี่ยนจากติดลบเป็นบวกแล้ว และพวกเขาก็ไม่ต่อต้านเย่เทียนอีกต่อไป.

“จริงหรือไม่ พวกเจ้าจะมั่นใจได้เองเมื่อพวกเจ้าเหยียบเข้าไปในสนามรบและรอดมาได้ในกาลหน้า เพราะข้าไม่สามารถพิสูจน์สิ่งที่ข้าพูดไปตะกี้ได้ ใช่หรือไม่? แต่พวกเจ้าควรจะรู้ว่าตอนนี้ควรทำเช่นไร?”

เย่เทียนยิ้ม และพูดช้าๆโดยไม่ต้องอธิบายมาก.

“ข้าเจอนายของข้าแล้ว!”

“ข้าเจอนายของข้าแล้ว!”

………….

ทาสสปาตั้นทุกคนมองหน้ากันแล้วตัดสินใจ, จากนั้นรีบพากันเคารพเย่เทียน ค่าความภักดีของพวกเขาพุ่งขึ้นมา50ทันที.

“เฉพาะหลังจากที่พวกเจ้ารอดมาได้ พวกเจ้าจะได้สิทธิ์ที่จะใช้ชื่อและตัวตนจริงๆของเจ้า, เพื่อที่จะได้สร้างคุณงามความดี! โรมไม่สามารถจดจำคุณงามความดีของเจ้าได้ แต่ข้าจำได้!”
(ผมขออภัยนะครับ คุณสมบัติที่แปลในตอนที่5นั้น ผมแปลผิด จริงๆแล้วเป็นคุณงามความดีต่างหาก ผมจะแก้ตอนที่5ในวันพรุ่งนี้นะครับ)

“หากเจ้าได้รับคุณความดี, ในก้าวแรกนั้นข้าสามารถปลดโซ่ที่คล้องคอพวกเจ้าออกให้ได้. แน่นอนว่าหากพวกเจ้ายังภักดีเสมอต้นเสมอปลายล่ะนะ ในก้าวที่สอง ข้าสามารถอณุญาตให้พวกเจ้าแต่งเมียได้ ส่วนก้าวที่สามนั้น ให้รักษาคุณความดีไว้แล้วจะเปลี่ยนนามสกุลของพวกหล่อนเจ้าก็ทำได้

ก้าวที่สี่นั้นคือสามารถปลดโซ่ที่คล้องคอเมียของพวกเจ้าเพื่อความภักดีและคุณความดีได้.”

“หลังจากสำเร็จทั้งสี่ก้าวแรกแล้วนั้น พวกเจ้าก็จะมีคุณสมบัติพอที่จะมีลูกของตัวเองได้. แต่ทว่า ก่อนลูกๆของพวกเจ้าจะเข้า10ขวบ พวกเจ้าต้องสร้างคุณความดีและภักดีต่อข้าให้มากขึ้น เพื่อที่ข้าจะได้ไม่สวมปลอกคอหรือตีตราทาสใส่พวกลูกชายของเจ้า!”

“มีคำกล่าวว่าแม้เจ้าจะไม่สามารถปลดตัวเองจากการเป็นทาสได้ แต่ตราบใดที่เจ้าภักดีต่อข้าและกล้าสู้ กล้าฆ่าศัตรูเพื่อความสำเร็จแล้วล่ะก็ ลูกชายรุ่นที่สองของเจ้าอาจได้กลายเป็นพลเรือนธรรมดา, ทายาศรุ่นที่สามอาจได้กลายเป็นชาวเมือง, ส่วนรุ่นที่4นั้นอาจได้กลายเป็นชนชั้นสูง. ทั้งหมดนี้เพียงแค่เจ้าสู้สุดใจ เพื่อที่ครอบครัวของเจ้าจะได้มีโอกาสทำให้โลกทั้งใบส่องประกาย …”

เสียงของเย่เทียนเบานัก แต่เขาก็ได้วาดฝันที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้ทาสสปาตั้นทั้ง10คน เปิดทางสว่างแด่โลกที่มืดมัวของพวกเขา ให้พวกเขาได้เห็นแสงแห่งความหวังจากอนาคต.

พวกเขาแสดงออกมั้ง ความตื่นเต้น,ช้อค, โหยหาย, ความหนักแน่น และแม้แต่รอยน้ำตาพร้อมหายใจอย่างแรง!

“เจ้านายขอรับ, หากพวกเราโชคร้ายตายไประหว่างที่พวกเรามีลูกเล็กล่ะขอรับ?”

หนึ่งในพวกเขายั้งความตื่นเต้นไว้ในใจและถามเย่เทียนด้วยเสียงสั่นเทา. การสืบทายาทเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต และมนุษย์นั้นห่วงใยทายาทสืบสายเลือดของตนมากกว่าสิ่งใด.

เป็นไปไม่ได้เลยที่ทาสจะแต่งเมียและมีลูก แต่เย่เทียน, นายทาสหนุ่มผู้นี้, ให้คำมั่นแก่พวกเขาและทายาทของพวกเขา ว่าพวกเขาไม่เพียงแต่สามารถกำจัดสถานทาสออกไปได้ แต่ยังรวมไปถึงชีวิตที่ดีกว่านี้.

“หากเจ้าตายอย่างน่าอนาถ ข้าเสียใจว่าลูกของพวกเจ้าจะเป็นทาสต่อไป แต่เราจะฝึกฝนให้พวกเขาได้กลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า และคุณความดีของพวกเจ้าจะเจริญขึ้นไปเพราะพวกเขา. พวกเขาจะสืบทอดและเติมเต็มหน้าที่ของพวกเจ้า. ตราบใดที่เจ้ามีลูกอยู่ สายเลือดและสกุลของเจ้าจะสืบต่อไป….”

เย่เทียนพูดช้าๆ เพิ่มความหวังให้พวกเข้าอย่างไม่สิ้นสุด.

มีความเชื่อว่าเมื่อพวกทาสนักรบสู้เพื่อลูกๆและสืบทอดสายเลือดของพวกเขาต่อไปล่ะก็ ต่อให้ในสนามรบมีความน่ากลัวใดๆอยู่ก็ตาม พวกเขาก็จะสู้สุดกำลัง ดุร้าย ราวกับเสือโคร่งหรือหมาป่า พวกเข้าจะเปลี่ยนร่างเป็นเสือที่ดุร้ายที่สุดหรือไม่ก็ฝูงหมาป่าที่ดุร้ายที่สุด.

เย่เทียนวางแผนนโยบายนี้ไว้นานแล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คิดไว้ด้วยก็คือ , เมื่อบททดสอบมาถึงจริงๆ กองทัพที่เขาจะสร้างนั้นจะน่ากลัวแค่ไหนกันนะ.

‘นโยบายเปลี่ยนเหล่าทาสให้กลายเป็นสัตว์ที่ดุร้าย!’

นี่แหละ ผลการประเมินของนักประวัติศาสตร์ในอนาคตในเรื่องการจัดการนโยบายของกองทัพทาส!