บทที่ 179 อาคารสเตอลิง
ชั้นวางของเต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนต์ต่าง ๆ มากมาย ของพวกนี้ได้รับมาจากที่ต่าง ๆ บางอันก็เป็นของธรรมดา บางอันก็เป็นของพิเศษ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของผู้ซื้อถึงจะสามารถจําแนกพวกมันออกจากกันได้
เมอร์ลินยังคงเขายืนอยู่หน้าชั้นวางของเขาไม่ได้ตรวจสอบพวกอุปกรณ์เวทมนต์ แต่มุ่งความสนใจไปที่ความอบอุ่นที่เปล่งออกมาจากจี้ห้อยคอตรงหน้าอกของเขา หากจี้แสดงปฏิกิริยาแบบนี้แสดงว่าเขาอยู่ใกล้อุปกรณ์เวทมนต์ที่มีความเชื่อมโยงกับจี้
เมื่อคํานึงถึงสิ่งนี้ เมอร์ลินจึงค่อยๆ เดินไปที่ชั้นวางของข้างกําแพง จี้คล้อยยังปล่อยคลื่นความร้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง
หญิงสาวทรงเสน่ห์อธิบายให้เมอร์ลินฟังทันทีว่า “มีอุปกรณ์เวทมนต์ต่างๆ อยู่ที่นี่มากมาย แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดของเราก็ยังไม่เข้าใจการใช้งานบางอันได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นของเก่าที่สืบทอดมาแต่โบราณ หากโชคชะตานําพา พวกท่านสามารถได้รับอุปกรณ์เวทมนต์ที่ทรงพลังและแสนลึกลับ”
หญิงสาวมีวาทศิลป์ที่เก่งกาจพอตัว การที่เธออ้างถึงนักเวทย์ระดับเจ็ดได้สํารวจอุปกรณ์เวทมนต์มากมายที่นี่ไปแล้ว แต่ถ้านักเวทย์เหล่านั้นไม่สามารถมองเห็นวิธีใช้งานได้ พวกมันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่ทรงพลังได้อย่างไร
ท้ายที่สุดแล้ว โอกาสในการค้นพบสมบัติที่คนอื่นมองข้ามนั้นต่ํามาก อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวกล่าวเช่นนั้น นักเวทย์บางคนก็จะรู้สึกตื่นเต้น บางทีอาจมีการซื้อขายหลังจากนั้น
เมอร์ลนยังคงสีหน้าเรียบ ๆ เอาไว้ เขาเคยเห็นกลยุทธ์การขายทํานองมามากมายในชีวิตที่แล้วของเขา ดัง นั่นเขาจึงไม่ตกหลุมง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีสมบัติที่ถูกมองข้ามไปหรือไม่ แต่มันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับจี้ห้อยคอของเขาที่ได้รับกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไว้เมื่อเขาเจอมัน เขาจะพิจารณาซื้อมันตราบเท่าที่ราคาสมเหตุสมผล
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินยังคงเฉยเมย หญิงสาวก็หยุดพูด เธอรู้ว่าลูกค้าอย่างเมอร์ลินมีเป้าหมายและความคิดเห็นของตนเอง และจะไม่เปลี่ยนใจเพราะคําพูดของเธอ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เธอพบคนเช่นเขา ทั้งหมดที่เธอทําได้ คือรอจนกว่าเมอร์ลินจะตัดสินเลือกสินค้าตัวนั้น
บนชั้นวางอุปกรณ์เวทมนต์ เมอร์ลินเอื้อมไปหยิบจี้ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาออกมา
จากรูปร่างของมัน มันดูเหมือนจีห้อยคอของเมอร์ลิน
อย่างไรก็ตามมันไม่มีชื่อจารึกไว้ที่ด้านหลัง
เมอร์ลินตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากหน้าอกของเขา คลื่นความร้อนที่มาจากจี้กระดิ่งกําลังแผดเผา เห็นได้ชัดว่าจี้ที่คลุมด้วยฝุ่นนี้เชื่อมโยงกับเบลล์
แต่ไม่ว่าเมอร์ลินจะตรวจสอบมันอย่างไร ก็ไม่ปรากฏความพิเศษเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สามารถใส่พลังจิตลงไปได้ ดูเหมือนว่ามันเป็นเพียงจี้ธรรมดา อาจเป็นเพราะมันมาจากยุคโบราณ มันจึงถูกวางขายบนชั้นวาง
“อันนี้ใช้หินธาตกก้อน?” เมอร์ลินถามหญิงสาวทรงเสน่ห์อย่างตรงไปตรงมา
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยและดวงตาของเธอก็ส่องประกายอย่างมีเลศนัย เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “จี้นี้ถูกพบที่ รูปปั้นโบราณซึ่งค้นพบโดยนักเวทย์ระดับเจ็ดของเรา แม้ว่าตอนนี้ทางเราจะไม่ทราบถึงการใช้งานของมัน แต่ทางเราคิดว่ามันต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นจี้อันนี้ ทางเราคิดเพียงหินธาตุ 500ก้อน เท่านั้น ราคาประมาณนี้ท่านว่าอย่างไร”
“หินธาตุ 500ก้อน เลยเหรอ?”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเมอร์ลิน บางทีอาคารสเตอร์ลิ่งอาจมีนักเวทย์ระดับเจ็ดแต่ด้วยสถานะที่สูงศักดิ์ของพวกเขา ทําไมถึงเร่ขายของบางอย่างที่พบในรูปปั้นโบราณด้วย
เป็นไปได้ว่าทางอาคารสเตอร์ลิ่งใช้หินธาตุเพียงไม่กี่ก่อนหรือหลายสิบก้อนเพื่อรับจี้นี้จากนักเวทย์ทั่วไป และเมอร์ลินต้องการที่จะซื้อ พวกเขาเลยใช้การจะอวดอ้างเกินจริงเช่นนี้เพื่อขึ้นราคา
เมอร์ลินวางจี้กลับทันที และพูดกับพ่อมดเบอร์ตันว่า “พ่อมดเบอร์ตัน เราไปกันเถอะ”
พ่อมดเบอร์ตันยิ้มเย้ยหยันให้กับหญิงสาวทรงเสน่ห์ “คราวนี้ทางอาคารสเตอร์ลิ่งทําผิดพลาดจริงๆ พ่อมดเมอร์ลินไม่ใช่พ่อมดธรรมดาแต่เป็นพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์! คิดว่าเขาม้ราคาที่แท้จริงของของพวกนี้ไง เจ้าควรเสนอราคาที่ควรจะเป็นกว่านี้”
พ่อมดเบอร์ต้นเคยได้ยินเกี่ยวกับตัวตนของเมอร์ลินมานานแล้วจากพ่อมดฮิลล์ เมอร์ลินมาจากดินแดนมนต์ดํา เขาไม่ใช่พ่อมดพเนจรทั่วไป
อาจเป็นเพราะตําแหน่งของเมอร์ลินที่ทําให้พ่อมดเบอร์ตันมีท่าทีที่นอบน้อมเช่นนี้และอาสาพาเมอร์ลินไปที่เมืองโฟลตติ้ง
“โอ้ ท่านเป็นพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์!”
ดวงตาของหญิงสาวเผยให้เห็นถึงความอัศจรรย์ใจของเธอและเธอก็พูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อท่านเป็นพ่อมดที่รอบรู้ ฉันจะเสนอราคาที่สมจริงให้ท่านเอง อันนี้ใช้เพียง 50หินธาตุ ท่านว่าอย่างไร พ่อมดเมอร์ลิน?”
หญิงสาวลดราคาลงทันที่สิบเท่าจาก500หินธาตุ เหลือเพียง 50หินธาตุ
เมอร์ลินลังเลและคิดว่านี่เป็นราคาที่พอรับได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ตกลง 50หินธาตุ!”
ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงนําหินธาตุบางส่วนออกจากแหวนของเขาและมอบให้แก่หญิงสาว จากนั้นเขาก็จับจี้ในมือของเขา ที่หน้าอกของเขากลับแผดเผาอีกครั้งในทันที
อย่างไรก็ตาม มันไม่สะดวกสําหรับเมอร์ลินที่จะตรวจสอบอย่างใกล้ชิดที่นี่ ดังนั้นเขาเก็บจี้ลงในแหวนไว้ เมื่อเขากลับไปที่ห้อง เขาจะตรวจสอบจื้อย่างละเอียดและค้นหาว่าอะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างจี้ทั้งสอง
หลังจากทําธุรกรรมเสร็จสิ้น หญิงสาวทรงเสน่ห์ก็ดีใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เธอรู้ว่าเมอร์ลินเป็นพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์ พ่อมดเหล่านี้ร่ํารวยกว่าพ่อมพเนจรทั่วไปมาก
ดังนั้น หญิงสาวจึงถามว่า “มีอะไรอีกไหมที่พ่อมดเมอร์ลินต้องการซื้ออีกหรือไม่ ที่นี่ เรามีอุปกรณ์เวทมนต์ สูตรยา วัสดุปรุงยา และแม้แต่วัสดุเล่นแร่แปรธาตุ”
หลังจากพึมพํากับตัวเองอยู่พักหนึ่ง เมอร์ลินก็พูดว่า “พาฉันไปดูวัตถุดิบปรุงยาของที่นี่หน่อย”
หญิงสาวนําเมอร์ลินและพ่อมดเบอร์ตันไปที่ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เงียบสงบ ในห้องโถงนี้ มีการจัดวางวัสดุปรุงยาไว้ทุกหนทุกแห่งในปริมาณมหาศาล
เมอร์ลินเห็นบลูเบอร์รี่อย่างรวดเร็ว นี่คือวัตถุดิบปรุงยาที่เขาต้องการมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบถามราคาบลูเบอร์รี่แล้ว เมอร์ลินก็ได้แต่ส่ายหน้า มันแพงเกินไป การรวบรวมวัตถุดิบสําหรับน้ํายาบลูเบอร์รี่หนึ่งชุด มันจะต้องใช้หินธาตุอย่างน้อย 500ก้อน ราคาเช่นนี้ก็สูงเกินไป แม้ว่าเขาจะต้องการซื้อแต่เขาก็สามารถได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น
ต่อจากนั้น เมอร์ลินก็ถามถึงส่วนผสมปรุงยาของน้ํายามนตราอสูรอย่างระมัดระวัง เขาประหลาดใจที่พบว่าที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีวัสดุเหล่านี้เช่นกันแต่ราคามันสูงเกินไป
หลังจากดูมาสักพัก เมอร์ลินก็ได้รู้ว่าที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีวัสดุปรุงยามากมายกว่าเมื่อเทียบกับดินแดตมนต์ดําแล้ว ที่นั่นยังมีของน้อยกว่าที่นี่
จากนั้นเมอร์ลินกับพ่อมดเบอร์ตันก็ออกจากอาคารสเตอร์ลิ่ง เขาได้หันไปถามพ่อมดเบอร์ตันว่า “พ่อมดเบอร์ต้นที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ วัสดุปรุงยา และของอื่น ๆ อีกมากมายที่แม้แต่ดินแดนมนต์ดําก็ยังเทียบไม่ได้ ที่แห่งนี้มันไม่ต่างจากองค์กรนักเวทย์ มันสุดยอดมาก”
“เทียบได้กับองค์กรนักเวทย์งั้นหรือ พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าท่านรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งอาคารสเตอร์ลิ่ง ท่านคงจะไม่ถามคําถามนี้หรอก” พ่อมดเบอร์ตันส่ายหัวเล็กน้อย ใบหน้าของเขามีท่าทางแปลก ๆ
“โอ้ แล้วเขาเป็นใคร?” เมอร์ลินรีบถาม
“ท่านคือท่านจอมเวทย์สเตอร์ลิ่ง!” สีหน้าของพ่อมดเบอร์ตันก็ดูภาคภูมิใจขึ้นมาทันใด
“ท่านจอมเวทย์สเตอร์ลิ่ง? จอมเวทย์สเตอร์ลิ่งคนนั้นอย่างงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขาตกตะลึง เขาไม่ใช่พ่อมดพเนจรที่ไม่รู้อะไรเลย
นับตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่ดินแดนมนต์ดํา เมอร์ลินได้รวบรวมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนักเวทย์ ในบรรดานักเวทย์มี บางคนที่ได้รับสมญานามว่าจอมเวทย์ สิ่งนี้ไม่ได้แสดงถึงการให้เกียรติแต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง!
จอมเวทย์คือนักเวทย์ที่มีระดับเก้าขึ้นไป มีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ จอมเวทย์ฟิเดล ผู้ก่อตั้งดินแดนมนต์ดําเป็นหนึ่งในนักเวท์ที่เหนือระดับเก้าเท่านั้นที่เขาหายตัวไป บางทีเขาอาจตายหรือเขาไปที่อื่น กล่าวคือ ไม่มีใครพบจอมเวทย์ฟิเดลอีกเลย
สําหรับจอมเวทย์สเตอร์ลิ่ง ผู้ก่อตั้งอาคารสเตอร์ลิ่งเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ที่หายากที่สุดในโลกของนักเวทย์ การคงอยู่ของเขาทําให้อาคารสเตอร์ลิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ความมั่งคั่งของที่นี่เทียบได้กับองค์กรนักเวทย์ขนาดกลางบางแห่ง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่องค์กรนักเวทย์ที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างดินแดนมนต์ดําจะมีของที่น้อยกว่า
“ที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีสิ่งของที่ยอดเยี่ยมมากมายแต่ส่วนใหญ่มีราคาแพงเกินไป โดยปกติพ่อมดพเนจรอย่าง ข้าไม่คิดที่จะมาที่นี่ด้วยซ้ํา”
พ่อมดเบอร์ตันเหลือบมองไปมองอาคารสเตอร์ลิ่งที่อยู่ข้างหลังแล้วส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง เป็นเรื่องยากสําหรับพ่อมดพเนจรที่จะกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังเนื่องจากพวกเขาขาดแคลนทรัพยากร
สําหรับเรื่องนี้ หากอยู่ในองค์กรนักเวทย์ อย่างดินแดนมนต์ดํา นักเวทย์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้ง่ายกว่าด้วยระบบแต้ม มันจึงไม่แปลกเลยที่พ่อมดพเนจรหลายคนจึงต้องการเข้าองค์กรนักเวทย์อย่างมาก
เมอร์ลินไม่ได้ไปไหนต่อ เขามุ่งหน้ากลับไปที่บ้านพร้อมกับพ่อมดเบอร์ตัน
เมื่อกลับมาที่ห้องของเขา เมอร์ลินก็ถอดกระดิ่งที่ห้อยอยู่ที่หน้าอกของเขาออกและหยิบจี้ที่เขาซื้อมาจากอาคารสเตอร์ลิ่งออกมา จี้ห้อยคอปล่อยคลื่นพลังงานที่ลุกโชนออกมาในทันที
จี้ทั้งสองนี้ดูเหมือนจะคล้ายกันมาก อย่างไรก็ตาม จี้ห้อยคอมีที่ว่างสําหรับเก็บคาถา ในขณะที่จที่ซื้อมาจากอาคารสเตอร์ลิ่งไม่มีที่ว่างดังกล่าวเลย ดูเหมือนจะไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนต์ด้วยซ้ํา
นับตั้งแต่ เมอร์ลินได้ใช้ลูกไฟยักษ์ที่เก็บไว้ในจี้ห้อยคอทั้งหมดจัดการเมอแรงค์ไปในวันนั้น มันก็กลายเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่ไร้ประโยชน์และไม่สามารถมใช้งานได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม จี้กําลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน สิ่งนี้ทําให้เมอร์ลินจับตามองอย่างคาดหวังว่าจี้อันนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบไหน
เมอร์ลินเปรียบเทียบจี้ทั้งสองอย่างระมัดระวัง เขาค่อยๆมองเห็นร่องรอยอะไรบางอย่าง ดูเหมือนพวกมันจะถูกฉีกขาดออกจากกันโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อเขาทราบเรื่องนี้ เขาจึงนําพวกมันประทบเข้ากันทันที ทันใดนั้นเอง ลําแสงขาวจากจี้ห้อยคอได้กลืนกินอีกอันทันที
จี้ทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวจนตาพร่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น เมอร์ลินติดตามการเปลี่ยนของจอย่างใกล้ชิด