บทที่ 180 เสริมพลังอุปกรณ์เวทมนต์

*เปรี้ยะ!*

ทันใดนั้นเสียงดังขึ้นจากแสงสีขาว ทันใดนั้นแสงก็เริ่มค่อยๆ หายไป จี้ทั้งสองถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ ทั้งสองส่วนสะท้อนซึ่งกันและกันและมันมีรูปร่างเหมือนดูเหมือนโบว์หูกระต่าย

“นี่มัน…อะไรเนี่ย?”

เมอร์ลินเอื้อมมือออกไปจับโบว์หูกระต่ายที่เกิดขึ้นจากจี้ทั้งสองรวมตัวกัน เขาใช้พลังจิตตรวจสอบมันอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขาตรวจสอบสักพัก เขาก็เข้าใจถึงการทํางานของมันอย่างรวดเร็ว

มันเป็นอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลังที่หาได้ยากมาก

สําหรับตัวจี้ห้อยคอก่อนหน้านี้นั้น มันมีไว้เก็บและปลดปล่อยพลังเวทย์เท่านั้นแต่เมื่อเมอร์ลินได้รวมทั้งสองเข้าด้วยกัน มันได้เปลี่ยนความสามารถในการเก็บเป็นเสริมพลังเข้ามาแทนที่

ทําให้เมอร์ลินนึกถึงอุปกรณ์เวทมนต์ในตํานานทันที ในช่วงสมัยของจักรวรรดิมอลตาเมื่อ 3,600 ปีก่อน เมื่อนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ทรงพลังบางคนได้สร้างอุปกรณ์เวทมนต์รูปแบบใหม่ พวกเขาจะรวบรวมเครื่องมือหล่อทีละน้อย เพื่อสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ที่น่าเกรงขาม

อย่างไรก็ตาม นักเล่นแร่แปรธาตุในปัจจุบันได้หลงทางจากเส้นทางนี้ มีนักเล่นแร่แปรธาตุไม่มากนักที่จะปฏิบัติตามแบบดั้งเดิมและประดิษฐ์อุปกรณ์เวทมนต์ที่พิเศษสุด แต่พวกอุปกรณ์เวทมนต์ค่อนข้างจะใช้พลังงานมากกว่าการสร้างโฮมุนครุส

ดังนั้นนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงไม่สามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์แบบประกอบได้

จี้สองอันที่เมอร์ลินได้รับมานั้นแท้จริงแล้วเป็นอุปกรณ์เวทมนต์แบบประกอบได้ซึ่งหายากอย่างแท้จริง! หากเขาสามารถหาชิ้นส่วนที่เหลือประกอบมันเข้าอย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่ทรงพลังซึ่งแม้แต่จอมเวทย์ผู้ยอ่งใหญ่ก็ต้องอิจฉาเขา

เมอร์ลินพยายามสงบสติอารมณ์ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาพลิกอุปกรณ์เวทมนต์รูปทรงหูกระต่ายและพบว่าชื่อ “เบลล์” ถูกจารึกไว้ที่ด้านหลังในภาษามอลตา

เมอร์ลินไม่เคยได้ยินชื่อพ่อมดเบลล์มาก่อนแต่เบลล์สามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์เช่นนี้ เขาต้องเป็นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่และเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ประสบความสําเร็จอย่างสูงในด้านศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุอย่างไม่ต้องสงสัย

เมอร์ลินตรวจสอบอุปกรณ์เวทมนต์อย่างใกล้ชิดแต่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสามารถของมัน เขารู้เพียงว่าเครื่องมือหล่อนี้จะเสริมพลังเวทย์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทําคือเลือกคาถาที่ดี

ปัจจุบันเมอร์ลินครอบครองคาถาระดับศูนย์และระดับที่หนึ่ง โดยปกติแล้ว เขาไม่จําเป็นต้องพิจารณาคาถาระดับศูนย์ สําหรับคาถาระดับแรก มีเพียงคาถาป้องกัน รูปปั้นผู้พิทักษ์และคาถาโจมตีเพลิงพิโรธ

สําหรับคาถาโจมตีลําดับถัดไปที่เขาจะสร้างก็คือคาถาลูกสายฟ้า ดังนั้นจึงเป็นการสิ้นเปลืองที่จะใช้อุปกรณ์เวทมนต์เสริมพลังให้กับเพลิงพิโรธ

ถ้าเขาใช้มันกับคาถาป้องกันอย่างรูปปั้นผู้พิทักษ์ มันจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเผชิญกับอันตราย เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

เขามีคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังอยู่แล้ว ซึ่งมันสามารถป้องกันคาถาระดับสองได้ หากใช้คาถารูปปั้น ผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังใส่อุปกรณ์เวทมนต์ มันก็ยิ่งทําให้ผลของมันเพิ่มมากขึ้นหรือไม่?

เมื่อได้รู้เรื่องนี้ เมอร์ลินก็อดใจรอที่จะทดสอบเรื่องนี้ไม่ได้

“รูปปั้นผู้พิทักษ์!”

เมอร์ลินได้ร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์อย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงร่ายแบบเสริมพลัง

รูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังด้ทิ้งรอยประทับอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ในอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลัง ด้วยการพลิกมือของเขา หินธาตุประเภทดินก็ปรากฏขึ้น

อุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลังจะไม่ทํางานโดยไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน มันต้องใช้หินธาตุจํานวนมาก เมอร์ลินใช้อุปกรณ์เวทมนต์เพื่อเสริมพลังเวทย์ธาตุดิน ดังนั้นมันจึงต้องใช้หินธาตุดิน

“รูปปั้นผู้พิทักษ์!”

เมอร์ลินร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังผ่านอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลังทันที ในชั่วพริบตา เงามืดก็ ปรากฏขึ้นและห่อหุ้มเมอร์ลินไว้ แผ่นหินขนาดยักษ์ปรากฏต่อหน้าเขา

แม้แต่เมอร์ลินเองก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแผ่นหินเหล่านี้มีความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัว สิ่งนี้สามารถรับมือคาถาระดับสองได้อย่างสบาย ๆ เผลอ ๆ สามารถรับคาถาระดับสามได้ด้วยซ้ํา

“ดีมาก! นี่คือพลังของอุปกรณ์เวทมนต์ที่ทรงพลังอย่างแท้จริง!”

ใบหน้าของเมอร์ลินเผยให้เห็นถึงความยินดี ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นอุปกรณ์เวทมนต์ในหอสมุด แม้ว่าเขาจะสนใจพวกมันแต่ก็เสียแต้มสนับสนุนมากเกินไป เขาจึงไม่ได้สนใจพวกมันเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลัง ในแง่ของมูลค่าของมัน มันมีค่ามากกว่าเสื้อคลุม หรืออุปกรณ์เวทมนต์อื่น ๆ อย่างเช่น ไม้เท้าเวทมนตร์แน่นอน

นอกจากนี้ อุปกรณ์เวทมนต์ชิ้นนี้สามารถเพิ่มชิ้นส่วนได้ หากวันหนึ่งเขาสามารถกู้คืนมันได้ เขาก็จะได้รับอุปกรณ์เวทมนต์ที่ใหม่เอี่ยมและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

นักเวทย์โบราณอย่างพ่อมดเบลล์นั้นสามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ที่ยอดเยี่ยมได้ เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริง ช่างแตกต่างอย่างมากจากนักเล่นแร่แปรธาตุในปัจจุบันที่หลงทาง

หากนักเล่นแร่แปรธาตุในปัจจุบัน ไม่หลงทางไปในเส้นทางนั้น บางทีอาจจะมีอุปกรณ์ที่ทรงคุณค่ามากมายจากพวกเขา

เมอร์ลินสลายรูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังทิ้งไป หลังจากนั้น เขาได้ร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์แบบธรรมดาอีกสองสามครั้ง เขาพบว่าอุปกรณ์เวทมนต์ยังไม่ได้เปิดใช้งานจากหินธาตุดังนั้นหากเขาใช้รูปปั้นผู้พิทักษ์ตนนี้ มันจะกลายเป็นแบบเสริมพลังตามปกติ

เมอร์ลินต้องใจว่า จะใช้อุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลังเป็นไพ่ตายของเขา และจะไม่ใช้มันเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย

เนื่องจากมันต้องใช้หินธาตุจํานวนมาก เขาไม่อยากเสียโดยไม่จําเป็นจริง ๆ

ถ้าเมอร์ลินไม่ได้รับทรัพย์สมบัติจากชายชราผมเงิน พ่อมดวิกซ่า และพ่อมดนีล เขาก็คงถังแตกไปนานแล้ว เขาพบว่ามันยากมากที่จะหาหินธาตุสักก้อน

“หินธาตุ…ดูเหมือนว่าฉันจะต้องคิดหาทางเอามันมาให้ได้!”

เมอร์ลินพึมพําในขณะที่เขาเก็บอุปกรณ์เวทมนต์เข้าไป ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในดินแดนมนต์ดํา ในองค์กรนั้น สิ่งที่มีค่าที่สุดคือแต้มสนับสนุน พวกมันสามารถนําไปแลกเปลี่ยนเป็นน้ํายาคาถา หรืออุปกรณเวทมนต์ต่างๆ ในหอสมุด

ในทางกลับกัน หินธาตุมีความสําคัญต่อโลกภายนอก หากไม่มีพวกมันก็ไม่สามารถรับวัตถุดิบยา เขาต้องการได้ด้วยซ้ํา

เมอร์ลินครุ่นคิดที่จะได้หินธาตุเพิ่มเติม ตามสถานการณ์ของเขา สิ่งเดียวที่ต้องทําได้คือปรุงยาจํานวนมากออกมาแลกเปลี่ยนกับหินธาตุ

แผนนี้ฟังดูเข้าท่ามาก เนื่องจากเขามีเดอะเมทริกซ์ อัตราความสําเร็จในการปรุงยาของเขาจึงสูงกว่าเมื่อเทียบกับร้านขายยาทั่วไป

นอกจากนี้ เมื่อเมอร์ลินเชี่ยวชาญทักษะปรุงยา อัตราความสําเร็จของเขาก็จะสูงขึ้นไปอีก

ดังนั้น การปรุงยาเพื่อจําหน่ายจึงเป็นวิธีเดียวที่เมอร์ลินจะได้รับหินธาตุจํานวนมากอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการเตรียมน้ํายาเพื่อขาย เช่น น้ํายาตัวไหนขายดีที่สุดในเมืองโพลตติ้ง แหล่งขายวัตถุดิบปรุงยาที่มีราคาถูกตามท้องตลาด นี่เป็นเรื่องที่เมอร์ลินต้องพิจารณา ถ้าเขาเพียงแค่พึ่งพาตัวเอง เขาจะไม่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ในเวลาอันสั้น

นั่นทําให้เขานึกถึงพ่อมดวลาดีเป็นคนแรก

พ่อมดวลาดีหมกมุ่นอยู่กับการวิจัยยา เขาอาศัยอยู่ในเมืองโฟลตติ้งมาหลายปี ดังนั้นเขาคงจะรู้จักยามากมาย การขอความช่วยเหลือจากเขาย่อมช่วยเมอร์ลินได้มากอย่างแน่นอน

เมื่อตัดสินใจได้ เมอร์ลินจึงออกจากห้องทันทีและมุ่งหน้าไปยังที่พักของพ่อมดวลาดี

เมื่อเมอร์ลินมาถึงก็พบว่าพ่อมดวลาดียังอยู่ในบ้านอย่างเช่นก่อนหน้านี้

ดูเหมือนว่าพ่อมดวลาที่กําลังเตรียมยาของเขาอีกครั้ง เมอร์ลินเคาะประตูและเรียกเบาๆ พ่อมดวลาดี นี่เมอร์ลิน ฉันมีเรื่องจะสอบถามคุณ!”

“โอ้ นั่นพ่อมดเมอร์ลินเหรอ เข้ามาเลย!”

จากภายในบ้าน เสียงชายสูงวัยของพ่อมดวลาดีก็ดังขึ้น น้ําเสียงของเขาดูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น