ตอนที่ 67 นายท่านแย้มยิ้มตลอด

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 67 นายท่านแย้มยิ้มตลอด

เงินค่ารักษา? อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อไปว่า “ได้ยินมาว่าแม่นางอวี้ไม่อยากอยู่กับพวกเราแล้ว นี่ก็จริง บาดแผลบนร่างกายของข้าและเผิงอิงหายดีแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ควรทำให้แม่นางอวี้เสียเวลาต่อไป ดังนั้นหลังจากข้าจ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด แม่นางอวี้ก็สามารถไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ”

 

เสิ่นอิงมองนายท่านของตนเองด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่? นายท่านจะปล่อยแม่นางอวี้?

แต่…นายท่านใช้เงินสิบห้าล้านตำลึงเพื่อหลอกให้แม่นางอวี้กลับมาที่เมืองหลวงมิใช่หรือ? ด้วยเหตุนี้จึงนำหนานหนานออกมาก่อนอย่างไม่ลังเล

ตอนนี้นางมาถึงเมืองหลวงแล้ว แต่เขากลับคิดจะปล่อยให้แม่นางอวี้กลับไป นี่มัน…ความเพียรพยายามอย่างยากลำบากของพวกเขา มิเท่ากับเสียเปล่าหรอกหรือ?

อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ แอบเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะสิ่งที่ได้ยินอยู่ในหู เย่ซิวตู๋กลายเป็นคนเรียบง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

นางแอบสงสัย ไม่สิ สงสัยมากเลยล่ะ

ภายในใจของนางทราบดี เย่ซิวตู๋เสี่ยงอันตรายพาหนานหนานกลับมาที่เมืองหลวงเพียงลำพังเช่นนี้ มีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งที่สาเหตุจะเป็นเพราะอยากให้นางมาที่นี่ นางไม่ได้อวดดี เพียงแต่ทราบดีว่าชื่อเสียงของหมอปีศาจของตนเองมีประโยชน์มากเพียงใด ความสามารถของนางอยู่ในสายตาของเย่ซิวตู๋ หากเขาไม่มีความคิดอยากจะเก็บนางไว้เพื่อใช้ประโยชน์ นางยอมตัดหัวมาใช้เป็นเก้าอี้ไว้นั่งเลยเอ้า

โดยเฉพาะตอนที่นางมาถึงจวนแห่งนี้ เย่ซิวตู๋และหนานหนานก็ยังไม่กลับมา สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางมั่นใจ

อวี้ชิงลั่วคิดว่าหากนางออกไปจากที่นี่ เย่ซิวตู๋ย่อมคิดหาวิธีเพื่อห้ามนาง ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือกักขังนางและหนานหนานไว้ หรืออาจใช้หนานหนานเพื่อข่มขู่นาง

แต่ตอนนี้…

นางแอบไม่เข้าใจ ความสงสัยเล็ก ๆ นั้น ทำให้ภายในใจของนางค่อย ๆ รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา

คำพูดเหล่านี้ที่เย่ซิวตู๋พูดออกมา กลับทำราวกับว่าให้นางทำตัวให้เร็วขึ้นหน่อย หลังจากกินเสร็จก็นำเงินแล้วไสหัวออกไปเสียอย่างไรอย่างนั้น

อวี้ชิงลั่วยิ่งรู้สึกไม่ดี ด้วยเหตุนี้ เรื่องที่เย่ซิวตู๋แอบลักพาตัวหนานหนานไปจึงถูกนางเพิกเฉยไปเสียสนิท

“แม่นางอวี้ อาหารเหล่านี้ไม่ถูกปากเจ้าหรือ?” เย่ซิวตู๋เห็นนางเอาแต่ถือถ้วย แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอยู่นาน ก็รู้สึกดีขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “อาหารเหล่านี้ ข้าเป็นคนกำชับให้ในครัวทำให้เป็นพิเศษ ข้าคิดว่า หลังจากแม่นางอวี้ออกไปจากที่นี่ในวันนี้ บางทีอาจไม่มีโอกาสได้ชิมฝีมือของแม่ครัวในจวนพวกเราแล้ว ดังนั้นจึงให้คนใช้วัตถุดิบที่ดีและสดใหม่ที่สุดไว้ให้ อาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ทำขึ้นตามเทศกาลด้วย”

  

เสิ่นอิงเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบ ๆ นายท่านหลอกแม่นางอวี้แบบนี้จะดีจริง ๆ หรือ? นี่มิเท่ากับเป็นการบีบบังคับให้แม่นางอวี้ออกจากจวนของพวกเราเร็วขึ้นหรือ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?

อวี้ชิงลั่วจ้องเขม็งไปที่เขา นางวางตะเกียบลง “หลิวหลีเล่า?”

บอกว่านางมาที่ห้องรับรองด้านหน้าก่อนมิใช่หรือ?

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น เขาหันมองหนานหนานที่กำลังกระโดดดึ๋ง ๆ เพื่อคีบขาไก่ที่อยู่ในจานที่ห่างออกไป จึงเลื่อนจานมาไว้ตรงหน้าหนานหนาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพึงพอใจ จึงตอบคำถามของอวี้ชิงลั่ว “แม่นางจินกินของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นก็ออกไปตามข่าวเรื่องแม่นมเก๋อแล้ว”

จินหลิวหลีออกไปแล้ว? เหตุใดถึงไม่บอกนางสักคำ? หากนางออกจากจวนแห่งนี้ไปแล้ว หลิวหลีจะไปเจอนางได้อย่างไรกัน?

 

อวี้ชิงลั่วจ้องเย่ซิวตู๋ ครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายกำลังปกปิดอะไรไว้กันแน่ นางอยากรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่เห็นเบาะแสใด ๆ จากบนใบหน้าของเขา

พอเถอะ กินข้าวก่อน กินเสร็จได้เงินมาก็ออกไปก็สิ้นเรื่องแล้ว ถึงอย่างไรนางก็ต้องพาหนานหนานออกห่างจากเขา

อาหารมื้อนี้ นอกจากหนานหนานที่ส่งเสียงเป็นครั้งคราว คนอื่น ๆ ต่างก็ทำตัวเงียบ ๆ ราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่

 

ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดครึ้มลงแล้ว อวี้ชิงลั่วเห็นว่านี่ก็ล่าช้าพอสมควร หากยื้อเวลามากไปกว่านี้ คงหาโรงเตี๊ยมได้ลำบาก

ระหว่างที่คิดเช่นนี้ นางก็วางตะเกียบในมือลง ระหว่างนั้นก็ถือโอกาสเก็บถ้วยของหนานหนานที่กินข้าวจนปากมันเยิ้มและไม่รู้จักควบคุมตัวเอง นางเพิกเฉยต่อสายตาโกรธเคืองและไม่พอใจของหนานหนาน หันมองไปยังเย่ซิวตู๋โดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “ข้ากินเสร็จแล้ว เงินค่ารักษาเล่า?”

ท่าทางของเย่ซิวตู๋ช่างดูสง่างาม หลังจากเช็ดปากก็หัวเราะเบา ๆ กล่าวว่า “เงินอยู่ในคลัง แม่นางอวี้ เชิญตามข้ามา”

อวี้ชิงลั่วอุ้มหนานหนานที่ยังคิดจะฉวยโอกาสเพื่อแอบกินอาหารต่อ และเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ

เมื่อทั้งสามคนเดินออกไป สาวใช้ที่อยู่ปรนนิบัติภายในห้องรับรองด้านหน้าก็พากันเสียงดังเซ็งแซ่ทันที แต่ละคนต่างวิ่งมาตรงหน้าเสิ่นอิงพลางเอ่ยถาม “ท่านเสิ่น นั่นคือนายท่านจริง ๆ หรือเจ้าคะ? วันนี้นายท่านยิ้มแย้มตลอดเวลาเลย นายท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”

“…อารมณ์ดี ก็แค่อารมณ์ดี” เขาไหนเลยจะทราบได้ว่าช่วงนี้นายท่านเป็นอะไร หลังจากได้เจอกับแม่นางอวี้ นายท่านก็ดูคล้ายกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ยิ้มแย้มเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นก็ดี ยิ้มเยาะก็ดี หรือยิ้มเพราะรู้สึกอารมณ์ดีก็ดี เห็นทุกครั้งเขาก็รู้สึกระทึกขวัญทุกครั้ง

“แต่ก็ยังไม่เคยเห็นนายท่านอารมณ์ดีขนาดนี้มาก่อนเลย ราวกับ ราวกับ…ราวกับเผชิญหน้ากับคนที่ตนเองรักอย่างไรอย่างนั้น” หญิงสูงวัยผู้มากประสบการณ์อดมิได้ที่จะพูดด้วยความสงสัย “อีกอย่างนะเจ้าคะท่านเสิ่น ข้าไม่เคยเห็นนายท่านใช้สายตาตอนที่มองสตรีมาก่อน แตกต่างจากท่าทางเย็นชาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่า…อ่อนโยนและเอาอกเอาใจเป็นพิเศษเลยเจ้าค่ะ”

เสิ่นอิงถอยหลังสองก้าวด้วยความตกใจ เผชิญหน้ากับคนที่ชอบ? สายตาที่อ่อนโยนและเอาอกเอาใจ?

“หลินมา ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจ นายท่านจะชอบแม่นางอวี้ได้อย่างไรกัน แม่นางอวี้นั่น…” เป็นคนมีลูกแล้วนะ

เสิ่นอิงนึกถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่ก็ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อน เขาคิดว่านายท่านให้ความพิเศษกับแม่นางอวี้ ก็เป็นเพราะถนอมน้ำใจ และเห็นความสำคัญในความสามารถของนาง อีกอย่างแม่นางอวี้ก็มีความกล้าหาญพอ ๆ กับนายท่าน เป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองคนจะคุยกันรู้เรื่อง

เขา ไหนเลยจะคาดคิด มีความเป็นไปได้ที่นายท่าน…หวั่นไหวกับแม่นางอวี้?

ถ้าหาก…ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ๆ…

 

จู่ ๆ เสิ่นอิงก็ลูบลำคอ รู้สึกกลืนน้ำลายได้อย่างยากลำบาก เมื่อนึกถึงตอนที่อยู่ใกล้กับแม่นางอวี้ขนาดนั้นตอนที่อยู่เจียงเฉิงก่อนหน้านี้ สายตาของนายท่านที่มองมาที่ตนเองก็ดูเย็นชาไปหมด เขารู้สึกได้ว่าตนเองโง่เขลาขึ้นมาในทันที

หลินมาเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะตีแขนของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านน่ะ ยังเป็นเด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์ จะเข้าใจถึงเรื่องของความรู้สึกได้อย่างไรกัน อีกอย่าง ท่านดูความอดทนของนายท่านที่มีต่อเด็กที่ชื่อหนานหนานคนนั้นสิเจ้าคะ ทำเหมือนกับเป็นลูกตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เอ๋ ท่านเสิ่น เด็กคนนั้น เป็นลูกของนายท่านหรือเจ้าคะ?”

“ซื้ด…” เสิ่นอิงถึงกับสูดลมเย็นเข้าปากแรง ๆ รีบกล่าวตำหนิ “หลินมา คำพูดนี้อย่าได้พูดเหลวไหลเชียว”

ความคิดเช่นนี้กล้าหาญเกินไปแล้ว กล้าหาญเกินไปแล้ว

หลินมาตกใจเพราะคำพูดของเขา จึงรีบหดคอกระซิบเสียงเบากลับไปว่า “เอาล่ะ ๆ ข้าไม่พูดจาเหลวไหลแล้ว ข้าเพียงแค่กำลังพูดกับท่านมิใช่หรือ? ท่านเสิ่นเป็นผู้มีจิตใจดี อย่าได้นำไปพูดต่อหน้านายท่านเชียวนะเจ้าคะ หากเปลี่ยนเป็นท่านโม่กับท่านเหวิน ข้าคงมิกล้ามีความคิดเช่นนี้”

แต่ นางรู้สึกจริง ๆ…นายท่านกับเด็กคนนั้นที่ชื่อหนานหนาน ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบิดาและบุตรชายอย่างมาก

หรือว่าพวกเขาแต่ละคนไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้?

เสิ่นอิงถูกหลินมาพูดใส่จนตนเองแทบจะเป็นบ้าแล้ว เขารีบเตือนสาวใช้ในห้องรับรองด้านหน้าห้ามพูดถึงเรื่องของนายท่านและแม่นางอีก จากนั้นตนเองก็รีบตามไปที่คลัง

แต่คำพูดเหล่านั้นของหลินมากลับดังขึ้นอีกครั้งอยู่ในหัวของเขา ราวกับรากแก้วที่หยั่งลึกอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เชื่อฟังสิ่งใด

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สงสัยแม่ครัวคงจะใส่กัญลงไปในอาหารของนายท่านด้วย ทีนี้เลยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว เย้ย ไม่ใช่ละ ๕๕๕

รอยยิ้มนายท่านไม่ว่าอย่างไรก็น่ากลัวอยู่ดีค่ะ เหมือนจิ้งจอกที่จะตะครุบไก่ตัวอวบๆ

ไหหม่า(海馬)