ตอนที่ 127 – บทที่ 22: แก่นมังกร
เมื่อประเมิณสถานการณ์โดยดีอาจเรียกว่าราชาชนเถื่อนตัดสินใจถูกต้อง ทัพของเขาโดนประกบล้อมทำให้ยากแก่การสู้รบ หากด้านหนึ่งเสียหลักทัพทั้งหมดย่อมเสียหลักเช่นกัน เรียกว่าฝ่ายชนเถื่อนเสียเปรียบตั้งแต่ก่อนเริ่ม
แน่นอนว่าจำนวนฝ่ายชนเถื่อนมีมากกว่ากองทัพฝ่ายจอมมาร ทว่าหากนับฝ่ายป้อมทาก้าด้วย ข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนไม่สามารถช่วยได้เท่าที่ควร
ราชาชนเถื่อนจึงตัดสินใจบุกเข้าตีป้อมปราการ
ถึงกระนั้นกลยุทธของราชาชนเถื่อนจะเป็นอย่างไร?
แรกเริ่มกลยุทธที่ดีที่สุดคือใช้จำนวนปราบกำลังเสริมจากจอมมารห่างเมืองทาก้า จากนั้นจึงนำกำลังทั้งหมดเข้าตีเมือง แน่นอนว่ากำลังจากทาก้าอาจจะเข้าสนับสนุนทำให้สถานการณ์โดนปิดล้อมไม่ต่างจากปัจจุบัน แต่ฝ่ายชนเถื่อนสามารถใช้จำนวนทำให้ฝ่ายจอมมารอ่อนแรง จนแม้จะโดนล้อมกรอบก็ยังสามารถคงความได้เปรียบอยู่ได้
ถึงกระนั้นศัตรูย่อมรู้ถึงกลยุทธนี่ดี ฝ่ายจอมมารย่อมตีทัพออกห่างรักษาระยะซื้อเวลา ฝ่ายทาก้าก็มีกำลังเสบียงเยอะกว่า
กลยุทธของราชาชนเถือนในตอนนี้จึงเหลืออยู่เพียงสิ่งเดียว
“ย่าฮ์!”
“ย่าฮ์!”
เหล่าชนเถื่อนส่งเสียงคำรามควบม้าศึกตามผู้นำพวกตนเข้าตีกำแพงเมือง
การนำทัพบุกของราชาชนเถื่อนเรียกได้ว่าแปลกประหลาด เขาควบม้าเร็วรุดหน้ากองทัพทั้งหมด ราวกับต้องการโจมตีกำแพงเมืองเพียงผู้เดียว
ฝ่ายป้องกันเมืองทาก้าเห็นเช่นนั้น หัวเราะให้กับความประมาทเลินเล่อพร้อมกระหน่ำยิงศรธนู
ราชาชชนเถื่อนแสยะยิ้มให้กับห่าฝนโลหะที่พุ่งเข้ามา ไอพลังสีแดงเรืองขึ้นห่อหุ้มทั้งร่างของเขาและม้าศึก ฝีเท้าม้ารวดเร็วขึ้นอย่างน่าตกใจ เนื่องจากราชาชนเถื่อนเร่งม้าเข้ามาเพียงผู้เดียวส่งผลให้การโจมตีจากฝ่ายทาก้าทั้งหมดพลาดเป้า
อย่างไรเสียฝ่ายทาก้าก็ยังฉงนกับการกระทำของราชาชนเถื่อน แม้เขาจะหลบรอดจากห่าธนูมาได้ก็ใช่ว่าจะสามารถปีนกำแพงได้อย่างไร้รอยขีดข่วน ความสูงของกำแพงก็เกินกว่าที่ชนเถื่อนจะสามารถกระโดดข้ามได้
หรือจะเป็นเพียงการสร้างขวัญกำลังใจ?
เวลาระหว่างพลธนูง้างเติมศรมีไม่มาก แต่ก็เพียงพอให้ราชาชนเถื่อนทำบางอย่างได้
ราชาเคราโตสหยิบบางสิ่งออกมาจากใต้ผ้าคลุม ของสิ่งนั้นเรืองแสงขึ้น ก่อนชิ่นส่วนโลหะหลากชิ้นจะเรืองขึ้นประกอบรวมตัวเป็นลูกตุ้มหนาม ม้าศึกของราชาชนเถื่อนก็ยังคงเร่งฝีเท้ามากขึ้นอยู่เช่นกัน
เจ้าแรคคูน แกไม่ใช่ตัวเดียวหรอกนะที่สร้างของแบบนี้ได้
“หรือว่า?”
ทหารบางตนส่งเสียงขึ้น บ้างยังหัวเราะขบขันศัตรู บางส่วนเริ่มลนลามราวกับรับรู้ลางบอกเหตุ
ลูกตุ้มหนามมีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมกับราชาชนเถื่อนที่เข้าใกล้กำแพงเมืองทุกขณะ ไอพลังสีแดงแผ่ขยายครอบคลุมลูกตุ้มในมือของราชาชนเถื่อน
พลธนูฝ่ายทาก้ากระหน่ำยิงศรธนูอีกครั้ง ในครั้งนี้ราชาชชนเถื่อนลุกขึ้นนั่งโดยใช้เท้าเหยียบบนหลังม้าศึก เขาควบม้าหักหลบด้านข้างพลางจดจ้องมองไปยังเป้าหมายที่มีเพียงหนึ่งเดียว ราชาเคราโตสกระโดดถืบม้าอย่างรุนแรงส่งผลให้ม้ากระเด็นหลบห่าศร
ราชาชนเถื่อนเหาะทะยานเข้าหาประตูเมือง เขาหมุนตัวระหว่างลอยเพื่อเพิมแรงควงลูกตุ้มในมือ
บรึ้ม!
เสียงลูกตุ้มฟาดเข้ากับประตูเมืองดังสนั่นหวั่นไหว ไอพลังสีแดงระเบิดออกกระจายส่งเสียงแผดร้อง
กลับกลายเป็นว่าฝ่ายที่ประมาทเลิ่นเล่อคือฝ่ายทาก้าเสียเอง ประตูเมืองที่ไม่สามารถทนทานต่อพลังทำลายอันมหาศาลแตกกระจาย แม้แต่กำแพงที่ยึดติดบานประตูก็บุบแตกไปด้วย
สิ่งเหนือความคาดหมายส่งผลให้ทั้งฝ่ายทาก้ากับฝ่ายจอมมารตกตะลึง เมื่อตั้งสติได้ราชาชนเถื่อนก็ไม่อยู่บริเวณประตูเมืองเสียแล้ว
ราชาเคราโตสเดินกลับไปหาม้าศึกของเขา มันพลิกตัวย่อลงรับเจ้านายขึ้นขี่อย่างไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนควบเข้าหากำแพงเมืองที่มีช่องโหว่
เสียงคำรามดังขึ้นจากฝั่งชนเถื่อนอย่างไม่หยุดหย่อน
ประตูเมืองแตกก่อนการโจมตีระลอกแรกจะเกิดขึ้น สร้างความโกลาหล
“ย่าฮ์!”
“ย่าฮ์!”
เหล่าชนเถื่อนควบม้ามุ่งเข้าช่องโหว่ของกำแพงเมือง แน่นอนว่าการตั้งรับพลม้าด้วยพลหอกในเขตเมืองมีโอกาสสำเร็จสูง แต่เหล่าทหารตั้งรับต่างเสียขวัญกำลังใจไปมากทำให้ผลลัพธ์อาจไม่แน่นอน
แม้ประตูเมืองจะถูกตีแตก แต่ก็เป็นเพียงช่องโหว่ที่ชนเถื่อนสามารถบุกเข้าโจมตีได้ไม่มาก ตะขอเหล็กสำหรับใช้ปืนกำแพงถูกโยนขึ้นท่ามกลางลูกธนูโปรยปรายสกัดกั้นเพียงเล็กน้อย
การปิดล้อมตีเมืองเพิ่งจะเริ่มได้เพียงไม่กี่นาที เหตุการณ์ก็รุดหน้าเข้าสู้การปะทะตะลุมบอนเสียแล้ว
นอกจากจะผิดแผนของทางฝั่งทาก้ายังเรียกว่าผิดแผนสำหรับทางฝั่งจอมมารเช่นกัน เมื่อการปิดล้อมตีเมืองเริ่มขึ้นเจ้าชายฉัตรจึงจะเข้าไปสมทบล้อมกรอบ ทว่าในตอนนี้หากฝ่ายจอมมารไม่รีบลงมือ เมืองทาก้าต้องถูกชนเถื่อนยึดไว้ได้อย่างแน่นอน
เป็นที่ประจักษ์ว่ากลยุทธของราชาชนเถื่อนคือเข้าประจันบานสร้างความสับสนให้กับศัตรูด้านหนึ่ง
แน่นอนว่ากลยุทธนี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยผู้ที่มีความสามารถอย่างราชาเคราโตส
อินกองหวนนึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผาไลแคนโทรป ในครั้งนั้นเคทลินก็ลงมือในลักษณะเช่นเดียวกัน ตีกำแพงเมืองให้แตกอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนศึกปิดล้อมเป็นการตะลุมบอน
อินกองลืมคิดถึงความเป็นไปได้ที่ราชาชนเถื่อนจะกระทำในสิ่งเดียวกัน… เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่ในการอ่านกลยุทธจากตัวเขาเอง
อินกองรีบสั่งทัพให้บุกในทันที กองกำลังฝ่ายจอมมารรีบกรูเข้าสมทบการศึก
อินกองรีบมองสำรวจตำแหน่งของศัตรู แน่นอนว่าชนเถื่อนทั้งหมดไม่สามารถบุกเข้าตีเมืองได้ในคราเดียว ราวกึ่งหนึ่งได้เตรียมตัวเข้าปะทะกับฝ่ายจอมมารที่รอตลบหลัง
ชนเถื่อนเหล่านี้มีหน้าที่ถ่วงเวลาให้ราชาชนเถื่อนยึดเมืองทาก้าสำเร็จ
การรุกคือการตั้งรับที่ดีที่สุด—หรือก็คือชนเถื่อนเหล่านี้พุ่งกรูเข้ามาปะทะกับฝ่ายจอมมาร
ภาพตรงหน้าส่งผลให้อินกองหัวใจเต้นแรงราวจะหลุดจากอก
ไอพลังสีแดงลุกโชนห่อหุ้มบรรดาชนเถื่อน เสียงคำรามศึกดั่งสนั่นไปทั่วบริเวณ เปลวไฟแห่งสงครามแผดเผา
อินกองชูธงทัพของเขาขึ้น
ไอพลังสีขาวแห่งอาณัติแผ่ออกปะทะกับไอพลังสีแดง ระยะระหว่างทัพทั้งสองเหลือเพียงไม่มาก อินกองครุ่นคิดแผนการที่จะช่วยผลิกวิกฤติ
‘พลังแห่งรณการ’
นี่คือสาเหตุที่ทัพของแวนเดลถูกตีแตกพ่ายอย่างยับเยิน
อินกองต้องหาวิธีลบไอพลังนี้ เขาผู้เป็นอาชาแห่งอาณัติรับรู้ได้ว่าเคราโตสมิใช่อาชาแห่งรณการ อินกองกวาดตามองหาต้นตอของไอพลังสีแดง
มีธงปักตระหง่านอยู่กลางค่ายของเหล่าชนเถื่อน ราวกับเลือดหล่อหลอมรวมตัวกันโบกสะบัด เช่นเดียวกับธงในมือของอินกอง—ธงแห่งรณการ
“แวนเดล!”
อินกองสั่งการ เขาพบเป้าหมาย เหลือเพียงวิธีการบุกเข้าไปเพื่อถึงเป้าหมายนั้น เขาส่งสัญญาณมือบอกคารัคเพื่อกระจายคำสั่งให้ทั่วทัพ
แวนเดลนำทัพบุกเข้าประจันบานเหล่าชนเถื่อน เขาในตอนนี้เป็นเพียงพลทหารทัพหน้าที่พร้อมจะปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างเพื่อเข้าต่อสู้ศัตรู หน้าที่ผู้บัญชาการทัพหน้าตกเป็นของอลิต้า
“โฮกกกกกกกกกกกก”
เหล่าโอเกอร์กรูตามแวนเดลเข้าปะทะชนเถื่อน ไอพลังสีขาวกับแดงเข้าห้ำหั่นหักล้างกัน
อินกองมองทิศทางการรบ หน้าที่ของแวนเดลคือปะทะชนเถื่อนเพื่อเปิดทาง
สนามรบมีชีวิตในแบบของมันเอง มันสามารถเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการอย่างสลับซับซ้อนได้ทุกเมื่อ แรงกดดันอันเย้ายวนที่พร้อมจะกลืนกินทุกชีวิตให้คลุ้มคลั่ง
ผู้ที่สามารถคาดเดาทิศทางที่มันเปลี่ยนแปลงต้องมีสัญชาตญาณแรงกล้าเช่นแวนเดล หรือผู้ที่ไม่โดนความบ้าคลั่งของสนามรบกลืนกิน
แน่นอนว่าอินกองมิใช่หนึ่งในทั้งสองตัวเลือก ทว่าตัวช่วยที่เรียกว่าแผนที่ย่อทำให้อินกองมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างปรุโปร่ง หรือก็คือเขาโกงนั่นเอง
อินกองควบเมว่าไปตามช่องว่างที่เขาพบ
“คัปลาน!”
อินกองตะโกนร้องพลางกระทำเช่นเดียวกับราชาชนเถื่อนเมื่อครู่ เมว่าถูกถีบกระเด็น คัปลานกับเคทลินกลายร่างสมิงกระโจนเข้าบุกตะลุยขนาบข้างอินกอง
อินกองมอบหมายธงแห่งอาณัติให้กับคารัค ด้วยที่คารัคเป็นทหารมหาดเล็กมันจึงสามารถใช้ธงแห่งอาณัติได้เล็กน้อย
“แก!”
ชนเถื่อนตนหนึ่งพุ่งเข้าหาอินกองด้วยใบหน้าที่คุ้นตา
ไอพลังแห่งรณการทำให้ร่างกายของเพราโตสกำยำขึ้นมากกว่าเดิม เขาพุ่งปรี่มาหาอินกองโดยไม่สนใจทหารฝ่ายจอมมารตนอื่น อินกองพุ่งเข้าหาเขาเช่นกัน
“เพราโตส!”
เสียงเรียกขานจากอินกองส่งผลให้เพราโตสเคลี่อนที่อย่างดุดันมากขึ้น ใบหน้าของเขาปลื้มปิติในโอกาสล้างแค้นศัตรูเก่า
เพราโตสกำหมัดเตรียมง้างเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า
ทันใดนั้นอินกองก็นำบางสิ่งอย่างออกจากช่องเก็บของโยนไปข้างหน้า
หมวกทองที่มีลายสลักมังกรอันงดงาม
สัญลักษณ์อันแสดงถึงผู้นำของเหล่าชนเถื่อน
สิ่งนี้ดูดสายตาของเพราโตสไปในทันที มือของเขาคว้าออกไปเพื่อหยิบรับสิ่งนั้น
ก่อให้เกิดโอกาสสำหรับอินกอง
ช่องโหว่ปรากฏ!
ร่างของอินกองอัตรธานหายไปปรากฏประชิดตัวเพราโตส ฝ่ามือแนบท้องพร้อมเรียกใช้เคล็ดวิชาที่ทำลายส่งลมปราณเข้าทำลายศัตรูจาก!
‘อิเนีย!’
เพราโตสกระอักเลือดพร้อมร่างที่กระเด็นออก อินกองคว้าหมวกมังกรทองแห่งราชาเก็บเข้าช่องเก็บของตามเดิม เคทลินกระโจนตามร่างเพราโตสที่ปลิวไป
แน่นอนว่าเพราโตสเก่งกาจ เขาสามารถตั้งรับการโจมตีจากทั้งอินกองกับเคทลินได้ ทว่าการลอบโจมตีของอินกองส่งผลให้ร่างกายเขาแย่ลงเรื่อยเรื่อย
“ฮ่าฮ์!”
เพราโตสคำรามออกมาแต่นั่นกลับทำให้ร่างกายย่ำแย่กว่าเดิม เหล่าชนเถื่อนใกล้เคียงต่างพยายามเข้ามาช่วยเจ้านายพวกตน
เคทลินล่าถอยออกมา แม้นี่อาจเป็นโอกาสดีในการกำจัดเพราโตส แต่ความเสี่ยงที่อาจจะโดนชนเถื่อนรุมล้อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก พวกเขาอยู่ในสงครามที่ชีวิตนับพันสามารถล้มตายได้ราวกับมดปลวก การทำให้ตัวเองไม่ตกสู่สภาวะสุ่มเสี่ยงจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
คัปลานกับเหล่าไลแคนโทรปเข้าปะทะกับเหล่าชนเถื่อนที่มาช่วยเพราโตส
อินกองชำเลืองมองผ่านแผนที่ย่อพลางส่งสัญญาณบอกเคทลิน
‘อสูรทมิฬ!’
เสียงค้างคาวนับพันกระพือปีกพร้อมหมอกสีดำแผ่ตัวออก
หากแต่ในครั้งนี้ต่างไปจากที่ผ่านมา หมวกมิได้กระจายตัวออกเป็นวงกลมแต่มุ่งไปทางทิศหนึ่ง เป็นระยะทางราวหนึ่งร้อยเมตร ก่อนจะควบตัวกลับเป็นร่างของอินกองที่ปลายทาง
การเคลื่อนที่อย่างฉับพลันของอินกองทำให้ชนเถื่อนไม่สามารถรับมือได้ทันการ
อินกองรีบกระโดดทะยานตัวเข้าหาธงแห่งรณการพร้อมขว้างโล่อีเกิ้ลทั้งสองออกให้บินคุ้มกัน
อินกองรู้สึกร้อนราวกับถูกเผาทั้งเป็นในทันทีที่สัมผัสกับธงโชกเลือด
ร่างเงาของสตรีในชุดเกราะแดงชาดผุดขึ้นในความคิดของอินกอง ร่างที่เขาเคยเห็นสลักบนแผ่นศิลา
‘รณการ’
ชื่อเดียวที่ผุดขึ้น และชื่อเดียวที่เขาสามารถใช้เรียกนางได้ หนึ่งในเหล่าฑูตโลกาวินาศผู้นำพาซึ่งหายนะ
นางแสยะยิ้มออกมา ต่างไปจากความเกลียดชังอันล้นหลามจากทุพภิกขภัย ต่างไปจากแรงกดดันอันมหาศาลจากอาสัญ รอยยิ้มของรณการดึงดูดราวกับต้องการจะกลืนกินทุกอย่าง
‘อาณัติ?’
นางกระซิบเรียกสหายเก่า เป็นเสียงกระซิบที่ดังก้องกังวาลไปทั่วโสตประสาทของอินกอง
ก่อนนางจะหัวเราะร่าออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง ไอพลังแห่งรณการแผ่ขยายออกดุจเพลิงกัลป์
พลังแห่งอาณัติในตัวของอินกองปกป้องตัวเขาจากไฟแห่งรณการที่พวยพุ่งออกมา
เสียงหัวเราะของรณการยังคงก้องกังวาลอยู่ ก่อนจะเบาบางลงและหายไปในที่สุด พร้อมกับไอพลังแห่งรณการที่แตกสลาย
อินกองลืมตาขึ้น ธงแห่งรณการที่เขากำอยู่ในมือบุบสลายแตกเป็นสะเก็ดไฟฟุ้งกระจาย เมื่อต้นตอหายไป ไอพลังพลังสีแดงที่ห่อหุ้มเหล่าชนเถื่อนก็เจือจางลง
‘นายท่าน!’
ถึงอินกองจะสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายแต่กรีนวินด์กลับส่งเสียงร้องเตือนอย่างหวาดกลัว อินกองรีบมองสำรวจรอบตัว ธงแห่งรณการได้มอดไหม้ไปแล้วทว่าอินกองกลับยังคงรู้สึกถึงพลังของนาง
“ฮ่าฮ์!”
เสียงคำรามร้องดังสนั่น ไอพลังสีแดงที่กำลังพวยพุ่งลงมาจากฟากฟ้าราวอุกกาบาต
ราชาเคราโตสกระโดดทะยานจากกำแพงเมืองทาก้า…
ลูกตุ้มโลหะถูกขว้างออก เป้าหมายก็คือศีรษะของอินกอง