ตอนที่ 114 บทที่ 6 คุยท้ายบท

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6คุยท้ายบท

 

 

เหตุการณ์ต่อเนื่องที่เคนได้ก่อขึ้นได้เปิดเผยต่อสาธารณะชนว่าเป็นความรุนแรงของนักเรียน

 

 

นักเรียนคนดั่งกล่าวถูกไล่ออกจากสถาบันและมีการประกาศว่าเขาถูกเนรเทศออกจากอาร์คาซัมในวันเดียวกัน และยังไม่สามารถตัดสินโทษได้

 

 

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง ระลอกคลื่นของเหตุการณ์นี้ไม่ได้ถูกระงับ มันกระจายแพร่ไปทั่ว

 

 

ไม่เพียงแต่ใช้ความสามารถในทางที่ผิด แต่ความจริงที่ว่าทางสถาบันไม่รู้เรื่องความสามารถก็เป็นที่สงสัยในสถาบัน

 

 

อันที่จริง แม้กระทั่งตอนนี้ ผู้ส่งสารแต่ละประเทศกำลังส่งคำขอไปยังสถาบันเพื่อขอคำอธิบายและให้ดำเนินการตามมาตรการโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของอบิสยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นไปอีก

 

 

อบิสที่หลบหนีออกจากสถาบันวิจัยในรูปแบบฝังปรสิตในร่างมนุษย์

 

 

แม้จะรู้ดีว่าสัตว์อสูรนั่นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ความจริงก็ดันปล่อยให้สัตว์อสูรหนีไปได้

 

 

มันอาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงไม่เพียงแต่จิฮัดแต่ยังส่งผลต่อการอยู่รอดของสถาบัน

 

 

จำเป็นที่ต้องพูดถึงในเมืองอาร์คาซัมและสถาบันโซลมินาติเกิดขึ้นมาได้เพราะการสนับสนุนแต่ละประเทศ ดังนั้นการประเมินจากผู้ส่งสารที่เป็นตัวแทนของแต่ละประเทศนั้นส่งผลอย่างมากในการดำเนินงาน

 

 

ในบางกรณีอาจจะมีการปรับโครงสร้างของสถาบันโซลมินาติเลยก็ได้

 

 

จิฮัดลังเลที่จะให้ข้อมูลทั้งหมดในคราวเดียวแก่ผู้ส่งสารแต่ละประเทศเกี่ยวกับอบิสที่หนีไปได้

 

 

ความสามารถในการสิงสูสิ่งมีชีวิต รบกวนร่างหลักและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมาก และก็ยังมีเขตนักล่าอีกด้วย

 

 

ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถพิเศษในทวีปแห่งนี้และความจริงที่ว่าเราได้รับข้อมูลมากมายจากสถานการณ์นี้ในครั้งเดียวก็เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการศึกษาเกี่ยวกับอบิส

 

 

นอกจากนี้ เรายังรับคนที่ได้รับมอบหมายให้กับกุมคนที่โดนสิงสูไว้อีกด้วย ซึ่งอาจจะทำให้เราได้ศึกษาเพิ่มเติมจากกรณีอบิส บางทีนี่อาจจะเป็นเบาะแสะในการระบุเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน

 

 

ข้อมูลเกี่ยวกับอบิสที่จะได้รับนับแต่นี้ไปค่อนข้างมีผลต่อแต่ละประเทศอย่างมาก

 

 

ดังนั้นผู้ส่งสารจึงไม่คิดว่าจะแทรกแซงสถาบันโซลมินาติในตอนนี้และพูดถึงกรณีการบาดเจ็บของ เคน โนทิส ในระดับหนึ่ง

 

 

ท้ายที่สุดผู้ส่งสารแต่ละประเทศก็มีทัศนคติเรียกร้องให้ปรับการรับมือครั้งใหญ่ และปล่อยเรื่องทุกอย่างให้จิฮัดจัดการเอง

 

 

อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ของสถาบันเองก็โล่งอกเพราะไม่ควรตัดสินเรื่องจริงจังอย่างการยุบสถาบันในตอนนี้

 

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็ยังมีการติดต่อมาอย่างไม่ขาดสาย จิฮัดที่รับผิดชอบคดีนี้และอินด้าที่คอยช่วยเหลือเขา กำลังดูกองภูเขาเอกสาร

 

 

ใบหน้าของทั้งสองที่แสดงความมืดมิดอย่างเห็นได้ชัด

 

 

 

「เอ่อ ตอนนี้อินด้ารายงานล่ะ……」

 

「ค่ะ นี่คือรายงานการสอบสวนเรื่องหินเวทย์ที่ใช้ในคดีนี้ ท้ายที่สุดก็เป็นไปตามที่ท่านจิฮัดกังวลค่ะ」

 

จิฮัดได้รับรายงานเกี่ยวกับหินเวทย์ก่อนหน้านี้

 

 

สาเหตุคือมีใครโปรผงหินเวทย์ลงบนหินรับสาร

 

 

เมื่อ “หินรับสาร” ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยถูกส่งไปที่กลอวรัมก็ได้ทำการตรวจสอบว่ามีเศษผงหินเวทย์ปนอยู่

 

 

ทั้งผงหินเวทย์และหินรับสารมีความไวต่อพลังเวทย์อย่างมากและต้องการการจัดการที่ละเอียดอ่อน

 

 

ไม่สามารถเอาไว้ในที่เดียวกันได้ การโรยผงหินเวทย์ลงในหินรับสารก็เหมือนการจุดระเบิดนั่นแหละ

 

 

เดิมทีแล้วหินแฝดนี่เป็นต้นแบบขององค์กรกลอวรัม และอยู่ภายใต้การควบคุมของสถาบันโซลมินาติ เป็นการยากที่จะบุกรุกจากภายนอกและจัดการกับมัน นั่นคือเหตุผลว่าอาจจะมีคนวงในมีส่วนเกี่ยวข้อง

 

 

นอกจากนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการสอบสวน ถ้าเป็นคนวงในจริงๆก็ไม่ลำบากอะไร

 

 

จิฮัดและอินด้าเริ่มการสอบสวนเพื่อเปิดเผยตัวคนร้ายและมีผู้ต้องสงสัยปรากฏขึ้นคนหนึ่ง

 

 

 

「ถ้างั้นก็เป็นสามาชิกของ “แสงดาว”ที่ปิดปากอีกคนและไล่ตามคามิลล่าสินะ?」

 

「ค่ะ หลังจากเหตุการณ์นั้น สมาชิกคนหนึ่งของ “แสงดาว”หายไปและพยายามตามหาก็พบว่าไปเสียชีวิตที่เขตชานเมือง。」

 

「สภาพศพล่ะ?」

 

「ความเสียหายนั้นรุนแรงมากและยากที่จะตรวจสอบสภาพศพแล้วดูเหมือนเป็นการลงมือใส่ตัวเองแถมยังมีอุปกรณ์หลายชิ้นของ “แสงดาว” นั่นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ……」

 

จิฮัดถอนหายใจออกมา

 

「แล้วตามหาฐานมันได้ไหม?」

 

「ก็ลงมือไปแล้วค่ะ แต่ไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย……」

 

ขณะที่รู้สึกแบกบางอย่างไว้บนไหล่ จิฮัดก็ได้ยินรายงานเพิ่มเติมจากอินด้า แต่ก็ไม่ได้ความ

 

 

การปิดและทำลายหลักฐานอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าวางแผนไว้แต่แรก

 

 

 

「ขอโทษนะคะ ท่านจิฮัด」

 

ในขณะนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในห้องทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

 

ผู้หญิงคนนั้นสวมเดรสสีดำ ดันหน้าอกและขาที่โค้งมนและมีช่องว่างให้มองเห็นผ่านต้นขาด้วย

 

 

สำนักงานที่กำลังเครียดก็กลายเป็นเหมือนกับดอกไม้ในสวน

 

 

อย่างไรก็ตามจิฮัดเลิกคิ้วเล็กน้อยกับการเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาติ

 

 

 

「คุณเม็กเลีย ไม่ต้องกังวลแม้ว่าจะมาแบบกะทันหัน อย่างที่เห็นแต่ว่าห้องที่ต้องรับผู้หญิงแบบนี้ค่อนข้างจะเย็นไปหน่อยนะ อย่างน้อยก็ควรปรับบรรยากาศสักพัก……」

 

「เอ๋ ถึงแม้ว่าฉันจะใช้เวลาในการมาเจอหน้าเขา แต่ดูคุณพูดสิคะ หากมีความกล้าพอๆกับท่านจิฮัด ดิฉันเองก็คงคิดว่ามันก็คงจะเป็นมุขตลกขบขันนะคะ……」

 

น้ำเสียงของจิฮัดนั้นฟังดูพอใจสำหรับเธอ แม้ว่าจะไม่ได้โดนสาปแช่งอะไร อย่างไรก็ตาม เม็กเลียเข้ามาในห้อง มีรอยยิ้มดุจดอกไม้

จิฮัดตอบคำถามของเม็กเลียโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

 

「ขอโทษด้วยละกัน ไม่มีเวลาว่างมาทำอะไรแบบนั้นหรอก」

 

「ล้อกันเล่นแน่ๆค่ะ ดิฉันได้ยินมาว่าภรรยาของคุณนี่สวยใช่เล่นเลยนะคะ แถมยังเย้ายวนจนน่าอิจฉา……」

 

จิฮัดยักไหล่และเริ่มพูด

 

「แล้วต้องการอะไรล่ะแม่คุณ คิดจะมาจีบชายวัยกลางคนโสดสนิทแบบนีงั้นเหรอ?」

 

「ค่า ดิฉันเองก็รู้สึกหดหู่กับเหตุการณ์นี้ ดังนั้นเลยมา “ให้กำลังใจ”เล็กน้อย……」

 

จิฮัดและเม็กเลียมองหน้ากัน ขณะแลกเปลี่ยนกันด้วยรอยยิ้ม ความตึงเครียดก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง

 

「เข้าหัวข้อหลักเลยได้ไหม?」

 

「ใช่กรณีนี้มองข้ามไม่ได้หรอกนะคะ อยากคุยกับรัฐสภาของอาร์คาซัมด้วยค่ะ」

 

รัฐสภาอาร์คาซัม ดูเหมือนว่าพยายามเพิ่มอิทธิพลต่อสถาบันโซลมินาติ นี้โดยใช้คำขอจากผู้ส่งสารแต่ละประเทศเพื่อกดดัน

 

 

เป็นความจริงที่ว่ารัฐสภากำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการกับอาร์คาซัม เมื่อพูดถึงการจัดระเบียบสถาบันใหม่ จิฮัดเองก็เพิกเฉยไม่ได้

 

 

 

「มีเรื่องเดียวงั้นเหรอ?」

 

 

「ใช่นี่คือหน้าที่ๆได้รับจากคุณอีกอร์ต」

 

จิฮัดตอบด้วยท่าทีสบายๆ ขณะกำลังจ้องมองเม็กเลีย

 

 

อีกอร์ต เฟบูรัน ชื่อคนสำคัญในประเทศฟอเกีย ซึ่งเม็กเลียรับใช้อยู่ เป็นบุคคลที่ต่อต้านสถาบันนี้

 

 

เม็กเลียคงไม่คิดว่าจะตอบโต้กับสถาบันยังไงกับอาร์คาซัม จากนั้นเธอก็หันส้นเท้ากลับและมุ่งไปที่ประตูห้อง

 

 

เม็กเลียแตะลูกบิดประตูห้องแต่จู่ๆก็หันมาราวกับนึกอะไรบางอย่างได้

 

 

 

「อ่าใช่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องสัตว์อสูรตัวนั้นเลยนะคะ ใช้เวลานานไปไหมคะ」

 

「ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวจะรายงานต่อรัฐสภา」

 

「งั้นเหรอคะ มันเป็นเรื่องราวแบบไหนกันน้า…..อยากได้ยินจากปากคุณมากกว่านะคะ สัตว์อสูรนั่นเป็นภัยคุกคามของทวีปนี้ ฉันหวังว่าจะคลายความวิตกกังวลให้ได้มากที่สุดนะคะ」

 

「……อ่า แน่นอน」

 

หลังจากแลกเปลี่ยนคำที่แฝงไปด้วยความหมายซึ่งกันและกันเม็กเลียก็หายตัวไป

 

 

ทั้งห้องเงียบกริบ บางทีอาจจะได้รับผลกระทบจากความตึงเครียด อินด้านั้นได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง

 

 

อย่างไรก็ตามเธอมีบางอย่างต้องรายงานต่อจิฮัดก้าวไปข้างหน้าและกำเอกสารในมือ

 

 

 

「ท่านจิฮัด มีรายงานว่าสมาชิกในคดีหายตัวไปในช่วงเวลาหนึ่งก่อนภารกิจ นอกจากนี้ ในขณะนั้นยังไม่มีใครเห็นเม็กเลียอยู่ที่คฤหาสน์ อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะหายไป จากนั้นพวกที่สะกดรอยตามอยู่ก็ยืนยันร่องรอยปฏิกิริยาเวทย์ที่ละเอียดอ่อนได้……」

 

「ในคฤหาสน์ที่เม็กเลียพักอยู่งั้นเหรอ……」

 

「ค่ะ อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมมีคนวงในซ่อนอยู่ใน “แสงดาว”……」

 

เสียงของอินด้าเริ่มเล็กลง เมื่อสังเกตเห็น ความเงียบก็ปกคลุมอีกครั้ง

 

 

จิฮัดค่อยๆเอาหลังพิงเก้าอี้ เสียงเก้าอี้นั้นดังไปทั่วห้อง

 

 

 

「……ก็ไม่สามารถบังคับตัวมาสอบสวนได้หากไม่มีหลักฐานแน่นหนา และด้วยความชำนาญในการจัดการกับคนวงใน จึงไม่น่าจะมีหลักฐานแน่ชัด และพรุ่งนี้ก็ต้องเข้าร่วมรัฐสภาด้วย」

 

 

 

ขณะมองขึ้นไปบนเพดานของห้อง อินด้าพยักหน้าเล็กน้อยกับคำพูดจากปากจิฮัด

 

 

 

「เธอค่อนข้างจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่านักเรียนน่าดูเลยล่ะ」

 

「ค่ะ ดิฉันเองก็สงสัย?」

 

「ก็จะทำเท่าที่ทำได้จะใช้ข้อมูลของอบิสให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ในตอนนี้ ได้ขอดำเนินการเพื่อเม็กเลียแล้ว พรุ่งนี้ไม่น่าจะมาทัน……」

 

แม้ว่าอินด้าจะกังวลใจแต่จิฮัดก็หมุนเก้าอี้ไปรอบๆและมองออกนอกหน้าต่าง

 

 

เมืองอาร์คาซัมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

เสียงระฆังดังขึ้นราวกับว่าคาบเรียนได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

 

 

「คาบเรียนกำลังเริ่มแล้ว อินด้าไม่ใช่ว่าเธอต้องรีบหรอกรึ?」

 

「อะ ค่ะ ขออนุญาตนะคะ」

 

จิฮัดกำลังคิดเกี่ยวกับอนาคตของสถาบันแห่งนี้ขณะเห็นอินด้าออกห้องไป

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเคนและอบิสในครั้งนี้ยังคงอยู่ แต่เวลาจะทิ้งทุกอย่างไว้เป็นอดีต

 

 

แน่นอนว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่มีจุดจบไม่ค่อยสวย

 

 

คนตายหนึ่งคน นอกจากนี้ยังเป็นชายหนุ่มผู้มีอนาคตและใกล้แต่งงาน

 

 

เคน โนทิสที่เป็นอาชญากรในคดีนี้ ถูกอบิสเข้าสิง ดังนั้นเลยต้องยืนยันบางสิ่งและทำอะไรสักอย่างเพื่อเค้นข้อมูล

 

 

จิฮัดรู้สึกโดดเดี่ยว เมื่อเขาสังเกตเห็น เขาก็กำหมัดแน่น

 

 

กรณีนี้ มันเป็นความผิดพลาดอย่างสมบูรณ์ของจิฮัด

 

 

ในทุกแง่มุม ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลัง ผลลัพธ์เลยเป็นแบบนี้

 

 

แม้ว่าจะมีลักษณะเฉพาะของอบิสที่โดดเด่น แต่ก็เป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างที่เขาไม่เข้าใจความสามารถของนักเรียนตัวเอง

 

 

จริงๆแล้วจิฮัดเองก็รู้สึกเหมือนโดนผ่าท้อง

 

 

อย่างไรก็ตาม ยังล้มเลิกงานนี้ไม่ได้ เป็นเรื่องง่ายหากจินตนาการถึงอาร์คาซัมที่โดนปรับและจัดระเบียบใหม่

 

 

ไม่ต้องสงสัยเลยคุณภาพของนักเรียนจะลดลง ส่งผลให้หลายๆคนไม่เพียงแค่นักเรียนที่ตาย

 

 

ประเทศที่เผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากสัตว์อสูรต่างต้องการบุคลากรโดยด่วน ประเทศในเขตปลอดภัยจะต้องการเทคโนโลยีของเมืองและพยายามลดอำนาจของเมืองนี้

 

 

ผลที่ได้ก็คือการขาดการฝึกอบรมโดยรวมและจริงจังสำหรับเหล่านักเรียน

 

 

แน่นอนว่านักเรียนยังขาดประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรียนและฝึกฝนที่สถาบันแห่งนี้ อย่างน้อยก็ฝึกความแข็งแกร่งขั้นพื้นฐานได้แน่นอน

 

 

ประสบการณ์ไม่เพียงพอจะนำไปสู่สถานการณ์สุดเลวร้าย แต่ถ้ามีกำลังก็พอจะอยู่รอดได้ การเอาชีวิตรอดมาได้จะทำให้ได้ประสบการณ์มา และสิ่งเหล่านั้นมันจะช่วยค้ำจุนและสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาให้สามารถปกป้องผู้คนได้

 

 

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีพลังที่เป็นพื้นฐานได้ก็มีแต่ตายฟรี

 

 

ยิ่งกว่านั้นผู้ที่จบจากสถาบันแทบจะเป็นแกนหลักในการบุกทะลวง อย่างไรก็ตาม หากแกนกลางไม่มีพลัง ผู้คนจำนวนมากก็จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์อสูร

 

 

เป็นผลให้เหยื่อเพิ่มมากขึ้นในปฏิกิริยาลูกโซ่มันจะสร้างความเสียหายมากแค่ไหน?….แค่คิดก็ปวดหัว

 

 

 

「……ควรจะมาเสียใจในตอนนี้ไหมเนี่ย?」

 

จิฮัดทำสมาธิและทำจิตใจให้สงบ

 

 

ความเสียใจยังคงวนเวียนอยู่ในอกของจิฮัด แต่ก็หยุดมันไม่ได้

 

 

ในเวลานี้จิฮัดคิดว่าสิ่งที่เขาทำได้คือปกป้องที่นี่ และพยายามฝึกนักเรียนให้มีความสามารถ

 

 

ขณะมองดูอาร์คาซัมที่กลับมาเป็นปกติ จิฮัดก็พูดออกมา

 

 

 

「ปัญหาหลังจากนั้นก็คือ “เขา”รึเปล่า……」

 

ในแง่หนึ่งก็นึกถึงได้บุคคลสำคัญของเหตุการณ์นี้

 

 

โนโซมุ เบลาตี้ กับ ลิซ่า เฮาวด์ที่ยังไม่ได้สติ

 

 

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ลิซ่า เฮาวด์

 

 

เมื่อขอให้ซีน่าช่วยตรวจสอบว่ามีอบิสหลงเหลืออยู่ไหม ก็ไม่มีความรู้สึกหรือจับสัมผัสได้อีกต่อไปในการตรวจร่างกาย

 

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น จิฮัดได้เห็นพลังพิเศษที่ไหลออกมาจากตัว โนโซมุ

 

 

ไม่แน่ใจว่าเป็นเวทย์หรือคิ แต่ว่าเป็นแหล่งพลังอันบริสุทธิ์ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

จิฮัดยังได้เห็นองค์ประกอบที่มาประกอบกันคล้ายหมอกควัน เหมือนกับที่วิญญาณบางสายพันธ์ที่ใช้มัน

 

 

อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะถูกจำกัดไว้ที่หนึ่งเดียว

 

 

หากพยายามเอาแหล่งพลังมาจากหลายๆแหล่ง โดยเฉพาะแหล่งพลังที่ขัดแย้งกันเข้ามาพร้อมๆกัน จะไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหากมันเกิดการแทรกแซงกัน

 

 

เช่นเดียวกับโนโซมุในตอนนั้น เป็นฉากที่มีพลังทั้งห้าซึ่งไม่ควรจะมาอยู่รวมกันได้

 

 

และขนาดของพลังที่พุ่งออกมามันก็เกินมาตรฐานธรรมดาทั่วไป มันไม่ใช่พลังที่คนๆเดียวจะมีได้เลย

 

 

 

「จริงๆเลยพ่อหนุ่มนั่นสร้างความปวดหัวให้กับเหล่าอาจารย์~~」

 

「……เอ๋!?」

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงแก่ๆดังขึ้น

 

 

เมื่อจิฮัดหันกลับไปก็เจอตาแก่มีเคราสีขาวนั่งอยู่บนโซฟาห้องก่อนที่จะรู้ตัว

 

 

ตาแก่มีรอยยิ้มเรียบง่าย ไม่กลัวสิ่งใด และกำลังยุ่งกับไม้เท้าของเขา

 

 

 

「เอิ่ม ทำไมไม่เสิร์ฟขนมกับชาให้ข้าหน่อยล่ะ?」

 

「ตาแก่……」

 

ในตอนแรกจิฮัดตกใจที่เห็น แต่ไม่นานก็ได้สติและจ้องมองซอนเน่

 

 

ไม่รู้สึกถึงร่องลอยใดๆ จนกระทั่งเขาพูดขึ้น

 

 

ความตื่นตัวของจิฮัดผุดขึ้นมาในทันที และความร้อนก็ไหลไปทั่วร่าง

 

 

ตาแก่ที่ไม่รู้จักตัวตนและไม่ทราบจุดประสงค์ แม้ว่าจะดูเหมือนตาแก่ธรรมดา แต่จิฮัดรู้ว่าความสามารถของเขานั้นไม่ใช่เล่นๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม ซอนเน่ยังมีข้อมูลมากมายที่พวกเขาไม่รู้และยังมีข้อมูลของโนโซมุ เบลาตี้ด้วย

 

 

ถ้าเป็นเช่นนั้น จิฮัดก็อยากได้ยินทุกเรื่อง

 

 

บางทีอาจจะเห็นสภาพกดดันของจิฮัด ก็เลยเผยรอยยิ้มเหมือนเด็กออกมา

 

 

 

「เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ข้าคิดว่าจะเล่าเรื่องให้ฟัง」

 

จิฮัดได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ

 

 

ซอนเน่หายตัวไปในพริบตาหลังจากที่โนโซมุและเคนล้มใลง แน่นอนจิฮัดเองก็ออกตามหาทั่วเมือง แต่ไม่พบ

 

 

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่คิดว่าตาแก่จะเข้าหาเขา

 

「……น่าตกใจเนอะ」

 

「เอ๋?」

 

「ตาแก่ดูเป็นห่วงโนโซมุอยู่ตลอดเวลา เหตุผลก็ยังไม่ชัดเจน แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลสำหรับพลังที่ไม่ธรรมดาที่เขาครอบครองอยู่ ถ้าให้พูดก็เหมือนกับการคิดไปเอง ต้นเหตุมาจากโนโซมุใช่ไหม……」

 

จิฮัดนั่งบนโซฟาและเผชิญหน้ากัน

 

「ก็แน่ใจว่ามีธุระที่ต้องสะสาง จุดประสงค์หนึ่งของข้าคือจับตาดูพ่อหนุ่มและ “หมอนั่น” ที่ถูกผนึกอยู่ในตัวเขา」

 

คำตอบถูกคาดการณ์ไว้ในระดับหนึ่ง และฟังซอนเน่ต่อ

 

「แต่ว่าทุกอย่างก็ขึ้นกับพ่อหนุ่มนั่น……」

 

ขณะหันหน้าตรงทั้งสองจ้องมองกัน

 

 

ชั่วขณะที่ความเงียบเกิดขึ้น และจิฮัดที่ทำลายความเงียบ

 

「ถ้าให้ข้าเดา ถ้าถึงขนาดต้องมาติดต่อข้ามันน่าจะเป็นเรื่องยากที่ทำให้สำเร็จตามเป้าใช่ไหม?」

 

「……ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?」

 

「ก็คิดว่ามีเหตุผลอะไรให้ตาแก่ต้องมาคุยกับข้า…..ถ้าเป้าหมายคือการจับตาดู โนโซมุ เบลาตี้ ก็ควรจะไปหาอาจารย์อันริเพราะเธอเข้าใจเขาดีกว่าข้านะ」

 

ซอนเน่ขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของจิฮัด แต่จิฮัดยังคงพูดต่อ

 

「แต่ถ้ามาติดต่อข้าบางที…..อาจจะเป็นคนในองค์กรใดๆรึเปล่า? หรือไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร……」

 

ซอนเน่ฟังคำพูดของจิฮัดขณะยังคงเงียบ

 

 

เป็นครั้งแรกที่ว่าหน้ากากเหล็กนั่นไม่สั่นไหว แต่การแสดงออกนั้นก็ดูไม่ไกลเกินไปแม้ว่าจิฮัดจะพูดไม่ถูกจุด

 

 

 

「ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนจะต้องการจับตาดูโนโซมุ เบลาตี้ แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้ดีใช่ไหม ดูเหมือนจะติดต่อข้าเพราะข้ามีตำแหน่งสูงส่งในสถาบัน หรือต่างออกไป?」

 

ซอนเน่ถอนหายใจราวกับยอมแพ้และเกาหัว

 

 

ท่าทางของตาแก่ที่ดูเหมือนเด็กน้อยแสดงความอ่อนแอออกมาไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่ต้อนจิฮัดให้จมมุม

 

 

 

「……ก็ไม่คิดจะให้ข้อมูลทั้งหมดหรอกนะ อย่างไรก็ตาม ข้าทิ้งพ่อหนุ่มนั่นไว้ตามลำพังไม่ได้ เขาอาจจะเป็นกุญแจสู่อนาคตของทวีปนี้ ไม่ใช่แค่เมืองนี้ พอถึงเวลาจะแสดงให้เห็นเอง ดังนั้นก็เลยจะมาเล่าทุกอย่างเท่าที่บอกได้ให้ฟังเท่านั้น……」

 

「อึก……!?」

 

 

เริ่มต้นด้วยคำนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันที

 

 

ความเหนื่อยล้าและความหมองคล้ำหายไป และในพริบตาก็มีจิตสังหารอันแสนเยือกเย็นถูกปล่อยใส่จิฮัด

 

 

ฉึก

 

 

เหมือนกับโดนรัดเอาไว้ จิฮัดนั้นตัวแข็งทื่อ

 

 

 

「ถ้าได้ฟังสิ่งนี้เจ้าจะไม่มีสิทธิ์ได้หันหลังกลับอีกแล้ว แล้วจะไม่ปล่อยหนีไปด้วย ! ในกรณีฉุกเฉินข้าจะพังเมืองนี้ ! แน่นอนว่าพ่อหนุ่มนั่นด้วย」

 

อบิสในตอนนั้น ไม่ ไม่เทียบกันไม่ติดกับแรงกดดันตรงหน้านี้เลย

 

 

เมื่อมองแวบแรก ตาแก่นี่ก็ดูเหมือนสัตว์ประหลาดในสายตาของเขา

 

 

 

「……แล้วอยากจะฟังเรื่องราวต่ออีกรึเปล่า?」

 

คำพูดของซอนเน่ที่ราวกับเป็นคำเตือน

 

 

หากได้ฟังสิ่งนี้ จะไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าด้านหลังของจิฮัดจะกลายเป็นหุบเหวอันยิ่งใหญ่

 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีโอกาสไหนที่จะดีเท่านี้อีกแล้ว

 

 

ตอนนี้อนาคต จะปกคลุมด้วยแสงสว่างหรือความมืดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเดียว

 

 

ในความตีงเครียดนี้ที่ทำให้ผิวหนังต้องสั่นกลัว ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัว จากนั้นก็ตัดสินใจว่าสิ่งที่ต้องทำก็เพื่อปกป้องเมืองนี้

 

 

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ อย่างไรก็ตามเวลาที่ถูกแช่แข็งก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

 

 

「……ได้โปรดเล่าให้ฟังด้วยบอกเล่าเรื่องราวของท่าน……」

 

ซอนเน่พยักหน้าเล็กน้อยกับคำพูดนั่น

 

◆◇◆

 

 

ใครบางคนกำลังตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพที่เบลอๆ

 

 

ชายสองคนในชุดขาว คนหนึ่งถือดาบไว้ในมือซ้ายและจับมือไว้บนด้ามดาบ

 

 

อีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ยกแขนขวาสีแดงดำ มันเป็นเหมือนกับสัตว์อสูรที่ไม่ใช่มนุษย์และปล่อยหมกสีดำออกจากร่าง

 

 

ความรู้สึกตีงเครียดที่ลอยไปรอบๆในพื้นที่ๆทำให้รู้สึกเจ็บอก มันทำให้นึกถึงบางอย่างที่กำลังแตกออก

 

 

ความตึงเครียดยังคงเพิ่มขึ้นหากฝืนเทน้ำลงไปในถุงที่เติมจนเต็มแล้วสุดท้ายมันก็จะทนไม่ได้

 

 

และช่วงเวลานั้นก็มาถึง

 

 

ชายหนุ่มแปลกหน้าพุ่งเข้าหาอีกคนหนึ่งพร้อมกับดาบที่เป็นเส้นตรง

 

 

ชายหนุ่มถือดาบไม่ขยับและไม่ได้เคลื่อนไหว

 

 

อย่างไรก็ตามแสงทั้งห้าก็ส่องแสงเป็นประกาย

 

 

แสงนั้นเจิดจ้า ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างผ่านกันเมื่อแสงส่องประกายก็ทำให้เธอมองไม่เห็นอะไร

 

 

 

「อา……」

 

สถานพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นในสถาบันกลอวรัม ลิซ่าตื่นขึ้นมาในห้องที่แยกจากภายนอกโดยสิ้นเชิง

 

 

สิ่งแรกที่สะดุดตาคือเพดานสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีหน้าต่างในห้องที่สร้างด้วยหิน และวางเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์

 

 

แสงของพลังเวทย์ที่ส่องบนเพดาน ไม่ได้เปล่งแสงมากนั้นทำให้ห้องดูเรียบง่าย

 

 

 

「ลิซ่า ตื่นแล้วเหรอ……」

 

เมื่อลิซ่าหันหน้าไปหาเสียงเรียก คามิลล่าเพื่อนสนิทก็อยู่ข้างๆเตียง

 

「คามิลล่า ที่นี่ที่ไหน?」

 

「ที่นี่ก็สถาบัน แต่เป็นโรงพยาบาลในสถาบันกอลวรัมเราถูกพามาที่นี่หลังเหตุการณ์นั้น」

 

ลิซ่าที่ฟังสิ่งที่คามิลล่าพูด ก็สงสัยว่าทำไมเธอถึงได้นอนอยู่บนเตียง

 

「จำไม่ได้เหรอ ดูสิ……」

 

「……เอ๊ะ」

 

เมื่อได้ยินคามิลล่าพูด ในที่สุดลิซ่าก็จำได้ ในเวลาเดียวกันก็หน้าซีด

 

 

ความจริงที่ชี้ให้เห็นคือ ความเป็นจริงที่ตัวเธอทรยศโนโซมุ ตัวเธอที่ทำร้ายเขาตลอดเวลา มันทิ่งแทงใจเธอ

 

 

เธอไม่รู้ว่าทำร้ายเขาไปมากแค่ไหน เธอแสดงความเห็นแก่ตัวไปมากแค่ไหน

 

 

เธอจะถูกทอดทิ้งมันก็ไม่แปลกเลย ความเสียใจและความจริงที่ว่าทำให้จิตใจเธอมัวหมอง

 

 

ถึงกระนั้นโนโซมุก็เลือกที่จะช่วยลิซ่า แม้ตอนนั้นเธอจะเห็นโนโซมุไม่ชัดเจนนัก

 

 

มันทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของโนโซมุที่มองมาที่เธอด้วยความเจ็บปวด

 

 

บาดแผลที่สลักไปทั่วร่างกายของโนโซมุหลายต่อหลายครั้ง น่าจะมีรอยแผลเป็นสามสี่แผลบนร่างกายภายใต้เครื่องแบบสีขาว

 

 

รอยขีดข่วนอาจจะไม่ลึก แต่ก็ไม่ใช่แผลที่จะมองข้ามไปได้ ถ้าทำไม่ดีก็ทำให้เลือดออก

 

 

ทันทีที่เธอสังเกตเห็น ลิซ่าก็รีบลุกขึ้นมา

 

 

 

「……โนโซมุอยู่ที่ไหน!?」

 

「อยู่ห้องข้างๆ แต่ว่าใจเย็นหน่อยสิ!」

 

คามิลล่าห้ามลิซ่าที่พยายามลุกขึ้นยืนจากเตียง

 

 

ร่างกายของลิซ่ายังอ่อนแออยู่และหมอเองก็บอกว่าห้ามให้เธอออกจากห้อง

 

 

 

「อย่าลุกขึ้นเลย ! เพราะร่างกายยังไม่หายดี!」

 

「ยังไงก็ตาม……!」

 

เป็นความจริงที่ว่าร่างกายเธอหนักอึ้ง และดูเหมือนความคิดของเธอจะคลุมเครือแต่เธอไม่อาจนิ่งเฉยได้

 

 

ลิซ่าพยายามลุกแม้ว่าจะโดนคามิลล่ากดทับเอาไว้ คามิลล่าจ้องมองไปที่ลิซ่าราวกับอยากจะบ่น

 

 

จากนั้นคามิลล่าก็ผ่อนแรงลง อาจเป็นเพราะได้สติกลับมา

 

 

 

「โนโซมุยังไม่ฟื้น ตามที่ได้ยินมา มีเลือดออกตามร่างเล็กน้อย และดูเหมือนจะสลบไปเพราะใช้พลังคิมากเกินไป บางทีอาจจะไม่ได้จบอยู่แค่นั้น……」

 

คำที่มีความหมายที่คามิลล่าทิ้งไว้ ฉากในฝันที่เธอเห็นเข้ามาในหัวลิซ่า

 

 

ไม่ มันไม่ใช่ความฝัน ฉากนั้นคือความเป็นจริง

 

 

 

「แสงที่พุ่งออกมาจากร่างของโนโซมุนั่นคืออะไร」

 

「ลิซ่าเองก็เห็นเหรอ? ไม่ใช่ว่าหมดสติไปหรอกเหรอ……」

 

มันเป็นอิทธิพลของวิญญาณที่สั่นคลอนรึเปล่า เพราะแบบนั้นลิซ่าถึงได้เห็นมันเหมือนกับฝัน

 

 

สิ้นสุดการต่อสู้ในครั้งนั้น ตอนนี้ก็เข้าใจทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว ดาบของโนโซมุตัดแขนขวาของเคนและตัวตนอันแสนบิดเบี้ยวนั้นไปอย่างสมบูรณ์

 

 

 

「คามิลล่า เคนล่ะ?」

 

「เคนเอ่อ……」

 

คามิลล่าเงียบไป

 

 

พูดตามตรง คามิลล่าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเคน อย่างไรก็ตาม เมื่อพยายามไปหาพวกจิฮัด เขาก็บอกว่าอยู่ที่เดียวกัน

 

 

อย่างไรก็ตาม เขาที่โดนอบิสกัดกินร่างและได้รับบาดแผลลึก ก็สงสัยว่าจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้รึเปล่า

 

 

ก่อนหน้านั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องสังเกตพลังของสัตว์อสูรนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยอย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

 

 

 

「……ในกรณีของจิบินซังที่ได้รับบาดเจ็บและมีสัตว์อสูรสิงร่าง ดังนั้นฉันจึงคิดว่าทั้งลิซ่าและโนโซมุ อาจจะต้องโดนติดตามดูอาการไปสักพัก แต่คิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปก็น่าจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้」

 

 

 

คามิลล่าลุกจากที่นั่งและไปที่ประตูห้อง

 

「ลิซ่าก็นอนลงเถอะ เดี๋ยวฉันไปเรียกอาจารย์มา」

 

เมื่อคามิลล่าหายตัวไปหลังประตู ลิซ่าก็ค่อยๆลุกขึ้น

 

 

ร่างกายที่นอนเป็นเวลานานทำให้เสียงข้อต่อดังกร๊อบแกร๊บ

 

 

เมื่อลิซ่าลุกจากเตียงเธอก็ฟังเสียงที่ประตูและมองออกไปด้านนอก

 

 

รอยเท้าของคามิลล่าเธอเดินไปไกลแล้ว เมื่อเธอค่อยๆเปิดประตูและมองเข้าไปในทางเดิน ก็เห็นคามิลล่าอยู่ปลายทางเดิน

 

 

ทางเดินเป็นถนนเส้นตรง ทางหนึ่งเป็นทางตัน และมีทางเข้าออกหนึ่งเดียว และตรงสุดทางก็มีพวกทหารเฝ้าอยู่

 

 

น่าจะเป็นห้องรักษาที่่ถูกแยกออกมา ไม่มีอะไรเหมือนหน้าต่างในห้องทางเดิน

 

 

ลิซ่าเดินออกไปทีทางเดินโดยขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นและแอบเข้าห้องข้างๆ

 

 

ห้องนั้นมืดกว่าห้องเธอเล็กน้อย ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงตรงนั้น

 

 

 

「โนโซมุ……」

 

ชื่อของโนโซมุหลุดออกมาจากปากเธอ เธอค่อยๆเดินไปหาโนโซมุที่นอนอยู่บนเตียง

 

 

หัวใจยังคงเต้นอยู่

 

 

อย่างไรก็ตามมีผ้าพันแผลอยู่รอบร่างของโนโซมุที่สวมชุดสีขาว

 

 

เป็นไข้เล็กน้อยเพราะได้แผลรึเปล่านะ? ผ้าขนหนูเปียกๆถูกวางไว้บนหน้าผากของเขา และมีถังน้ำที่บรรจุไว้อยู่ด้านข้าง

 

 

 

「อืม ตัวร้อนขนาดไหนกันเนี่ย? ……อึ๋ย!」

 

มือของลิซ่าเข้าไปแตะตัวโนโซมุ แต่เมื่อดวงตาของเธอที่เห็นผ้าพันแผลที่พันรอบร่างเขา เธอก็หยุดมือทันที

 

 

หากสังเกตดีๆยังมีคราบเลือดสีแดงบนผ้าก๊อซและผ้าพันแผล

 

 

ร่างกายคงยังไม่หายดี แผลยังไม่สมานตัว เพราะความอ่อนแอจากการใช้คิมากเกินไป

 

 

ปากของลิซ่าบิดเบี้ยวกับความเจ็บปวดที่เขาต้องทุกข์ทน

 

 

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะตัวเธอเอง

 

 

นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีบาดแผลที่เธอทำกับจิตใจของเขาอีก

 

 

คนทรยศไม่ใช่ตัวโนโซมุแต่เป็นเธอเอง ความเสียใจและความรู้สึกผิดหมุนวนอยู่ในอก

 

 

เมื่อสังเกตเห็น เธอกัดริมฝีปากอย่างแรง ก่อนที่จะรู้ตัว มือที่ยื่นออกไปก็จับหน้าอกตัวเองแน่นและตัวสั่นเทา

 

 

ไม่อนุญาตให้ได้อยู่เคียงข้างเขา แม้แต่จะสัมผัสก็ตาม

 

 

 

“ขอโทษที่วิ่งหนี และไม่ได้สังเกตเห็นเธอเลย……

 

เมื่อความคิดนั้นพยายามห่อหุ้มจิตใจของลิซ่า คำพูดของโนโซมุก็แล่นเข้ามาในหัวเธอ

 

“ผมคิดว่าผมจะพยายามให้ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่ผมก็หนีความจริงไปฝึกฝนและไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ผมคิดว่าหากฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น สักวันหนึ่งเธอก็จะได้เชื่อว่ามันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย

 

 

งี่เง่าใช่ไหมล่ะครับ ผมที่หนีและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเธออย่างตรงไปตรงมา และไม่มีทางที่ลิซ่าจะได้เห็นในสิ่งที่ผมเป็นเลยจริงๆ……”

 

คำที่เขาบอกกับลิซ่าที่บังเอิญเจอขณะกลับหอ

 

 

เขารู้ดีกว่าใครว่าใครที่ทรยศ แต่เขาก็มไ่ม่เคยโกรธเธอ

 

 

ลิซ่าใช้คำพูดนั้นเพื่อคิดถึงอนาคตของเธอเท่านั้น

 

 

โนโซมุต้องขับเคลื่อนไปด้วยความโกรธที่เผาตัวเขาทั้งเป็น คงจะมีเรื่องขัดแย้งต่างๆมากมาย มันคงเทียบไม่ได้กับตัวเธอเลย เพราะเขานั้นโดนใส่ร้ายป้ายสี และถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด

 

 

ถึงกระนั้นเขาก็มาช่วยเธอที่ทรยศตัวเขา

 

 

เธอจำได้ตอนที่โนโซมุช่วยเธอเอาไว้

 

 

โนโซมุที่ต้องเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่างกับเคนที่กลายเป็นหนึ่งกับสัตว์อสูร

 

 

ความเหน็บหนาวและความเหงาที่ปกคลุมไปทั่วทั้งตัว และลิซ่าก็ปิดใจของเธอเพราะเธอทำร้ายโนโซมุ เธอทำได้เพียงแค่นนั้น

 

 

ความหนาวเย็นที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายทำให้เธออ่อนแรงและตัวชาไปในที่สุด

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอจำความรู้สึกตอนที่โดนโนโซมุอุ้มไว้ในอ้อมอกเขาอย่างชัดเจน

 

 

ใบหน้าของโนโซมุที่ดูกังวล แม้ว่าเขาจะเหนื่อยมากๆ แต่ว่าก็ไม่ได้แสดงความเกลียดชัง และเขาก็มีสีหน้าโล่งใจ

 

 

ความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากตัวโนโซมุ เธอยังจับความร้อนที่สัมผัสกันผ่านร่างกายได้ดีอยู่เลย

 

 

ต้องขอบคุณความอบอุ่นนั่นทำให้ลิซ่าก้าวไปข้างหน้าต่อได้

 

 

แต่

 

「ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดี……」

 

ลิซ่านั้นก้มหัวลงอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เธอวางมือบนแบนที่โนโซมุสัมผัสอยู่ พวกเขานั้นห่างเหินกันไปนานมาก

 

 

ความรู้สึกผิดและความเสียใจยังก่อตัวที่อก เธอลังเลที่แม้แต่จะต้องแตะต้องตัวเขา

 

 

อย่างไรก็ตามในความรู้สึกผิดและเสียใจ ความอบอุ่นที่ขัดแย้งก็สุมอยู่ในอก

 

 

ลิซ่าทำได้แต่มองหน้าของเขา ผูกพันกันด้วยความรู้สึกที่สลับซับซ้อน

 

 

 

「อา……」

 

ในเวลานั้นลิซ่าก็หันไปมองผ้าขนหนูบนหน้าผากโนโซมุ รู้สึกว่ามันแห้งไปนานแล้ว

 

「ผ้าขนหนูแห้งซะแล้วสิ ฉันต้องเอามันไปชุบน้ำและมาเช็ดหน้าผากเขา……」

 

ในการทำแบบนั้นเธอต้องเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำ และเอามาเช็ดหน้าผากโนโซมุ

 

 

ในขณะนั้นอาจจะแตะต้องโดนตัวเขา

 

 

ลิซ่าเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัว แต่เธอก็ดึงออกมาทันทีเพราะรู้สึกผิดต่อโนโซมุ

 

 

เอื้อมมือไปแล้วก็ชักกลับมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

หลังจากทำอยู่หลายครั้งเธอก็ตัดสินใจหยิบมันออกมา พร้อมกับบ่นว่า “ขอโทษนะ”

 

 

จากนั้นก็นำผ้าขนหนูมาชุบน้ำในถงน้ำที่วางอยู่ข้างเตียง อย่างไรก็ตาม น้ำในถังเริ่มอุ่นแล้ว อาจเป็นเพราะทิ้งไว้นาน

 

 

 

「ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนน้ำนะ……」

 

ลิซ่าออกจากห้องของโนโซมุพร้อมถังน้ำ

 

 

เธอรีบวิ่งไปตามทางเดินเพื่อหาที่เปลี่ยนน้ำ อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นก็เห็นหลายๆคนเดินผ่านมา

 

 

 

「นี่เธอ ! ทำอะไรอยู่น่ะ!?」

 

「เอ๋!?」

 

ลิซ่ายักไหล่ที่จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา

 

 

ร่างหนึ่งที่อยู่ด้านหลังทางเดินเข้าหาลิซ่าด้วยความโกรธ

 

 

 

「ลุกออกจากเตียงทำไม?? ป่วยอยู่ก็นอนเงียบๆสิ!」

 

ผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมสีขาวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอคอยดูแลลิซ่า ข้างหลังก็มีคามิลล่าและอาจารย์นอร์น

 

 

 

「เอ๊ะ แต่ว่าผ้าเช็ดตัวของโนโซมุมันแห้งนะคะ……」

 

「ไม่เป็นไรหรอก ! กลับไปได้แล้ว!」

 

ขณะที่เบิกตาด้วยความประหม่าเล็กน้อย หมอหญิงคนนั้นก็หยิบถังน้ำไป

 

 

ลิซ่าที่ครั้งหนึ่งถูกอบิสจับตัวไปกำลังเป็นที่จับตามอง

 

 

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ซีน่าซึ่งสัมผัสได้ถึงอบิส ก็ตรวจสอบเช่นกัน ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรตกค้าง

 

 

แต่เพราะกรณีของจิบินซัง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่

 

 

ดังนั้นหมอหญิงคนนั้นเลยพยายามให้ลิซ่ากลับไปอยู่ในห้อง แม้ว่าจะต้องบังคับก็ตาม อย่างไรก็ตามลิซ่าเอื้อมมือจะไปคว้าถังน้ำนั่น

 

 

 

「……ไปกันเถอะ」

 

「แต่ว่าผ้าขนหนูของโนโซมุมันแห้งนะคะ……」

 

「ก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการเอง เพราะงั้นรีบกลับเข้าห้องไปนอนได้แล้ว!」

 

 

 

ผู้หญิงสองคนพยายามจะแย่งถังน้ำกัน

 

 

หมอหญิงที่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กลับลิซ่าที่ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ มีการต่อสู้ถึงตายที่ไม่เข้าใจเกิดขึ้น

 

 

 

「หนอยย……」

 

「ย๊าาาาาาาา……」

 

ทั้งสองที่แย่งชิงถังน้ำกันเข้าหากันและจ้องหน้ากัน บางทีเพราะไม่สามารถดึงมันได้

 

「ทำบ้าอะไรเนี่ย……」

 

「มันช่วยไม่ได้ ถ้างั้นขอเบิกตัวช่วย」

 

คามิลล่าถอนหายใจและขอความช่วยเหลือจากอาจารย์นอร์น

 

「ทั้งสองคน โนโซมุยังไม่ฟื้นเพราะงั้นเงียบไปเลย……」

 

อาจารย์นอร์นเข้าโหมดจริงจัง ทั้งสองต่างตกใจ อย่างไรก็ตาม เวลานั้นลิซ่าที่ได้ยินชื่อโนโซมุก็เผลอปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจ

 

 

หากหนึ่งในสองพลังที่แย่งชิงกันถูกทำลายผลที่เกิดก็คือ

 

「「อ๊าาาาาา……」」

 

เสียงที่ตกตะลึงของนอร์นและคามิลล่าดังก้องไปทั่วทางเดิน

 

 

จากนั้นทั้งสองก็ล้มลงตรงนั้น ทั้งสองคนล้มลงเพราะแรงโน้มถ่วงที่ได้รับ

 

 

หนึ่งวินาทีถัดมาเสียงครางอันแสนน่ารักก็ดังก้องพร้อมกับน้ำที่กระเซ็นไปทั่ว

 

เข็นทันออกมาจนได้นะ สายตัวแทบขาดแหนะ ได้เวลาไปนอนละบรัย~ ชดเชยให้กับเมื่อวานแล้วน้า

 

ตัวอย่างตอนต่อไป IF ROUTE หากชิโนะยังไม่ตายจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ?