ตอนที่ 129 บางอย่างผิดปกติ

หลินหนานและเย่เข่อเอ๋อ นั่งรถแท็กซี่กลับไปถึงหมู่บ้านหมิงเหมินในเวลาใกล้เที่ยงคืน

หลังจากที่ลงจากรถแท็กซี่แล้ว ทั้งสองคนต่างก็พากันย่องเข้าบ้านอย่างเงียบๆ ราวกับโจรผู้ร้ายที่กําลังแอบเข้าไปขโมยของบ้านคนอื่น

แต่แล้ว..

ยังไม่ทันที่เท้าของคนทั้งคู่จะทันได้ก้าวข้ามประตูบ้านมา เสียงเย็นชาประหนึ่งน้ําแข็งก็ดังขึ้น

“นี่มันกี่โมงที่ยามแล้ว? ทําไมถึงได้เพิ่งกลับเข้าบ้าน?”

ทั้งหลินหนานและเย่เข่อเอ๋อต่างก็ถึงกับชะงักงัน และเวลานี้ทั้งสองคนก็ได้แต่ยืนนิ่งเป็นก้อนหิน ก่อนจะค่อยๆหันไปมองหน้ากันพร้อมกับกรอกตาไปมา ราวกับจะถามอีกฝ่ายว่า

เสียงอะไรน่ากลัวชะมัด?

แสงไฟในห้องนั่งเล่นพลันสว่างวาบขึ้น และเวลานี้ เย่ชิงเฉิงซึ่งอยู่ใน ชุดลําลองก็กําลังยืนจ้องมองพวกเขาทั้งคู่ด้วยแววตาเย็นชา สายตาของเธอนั้นบ่งบอกว่ากําลัง สํารวจตรวจสอบคนทั้งคู่อย่างละเอียด

“ภรรยาของผมเองหรอกเหรอ อะแฮ่ม..” หลินหนานกระแอมเบาๆ และกําลังจะเอ่ยปากอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เย่จิงเฉิงฟัง

แต่คิดไม่ถึงว่าเย่จิงเฉิงจะไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหันไปถามเย่เข่อเอ๋อที่กําลังหลบอยู่ด้านหลังของเขาแทน

“พี่ถามว่าทําไมถึงกลับมาดึกป่านนี้?”

เย่เข่อเอ๋อได้ยินเสียง และได้เห็นสีหน้าของเย่จิงเฉิง ก็รู้ได้ทันทีว่าพี่สาวของเธอกําลังโกรธมาก แต่เธอก็ทําใจดีสู้เสือ และแกล้งทําเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน พร้อมกับตอบไปว่า

“พี่ใหญ่คะ ฉันออกไปนั่งรถแล่นกับหลินหนานมา!”

“นั่งรถเล่นงั้นเหรอ? รู้มั้ยว่านี่มันกี่โมงที่ยามแล้ว?” เย่จิงเฉิงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น

“พี่ใหญ่คะ! ฉันสัญญาว่าจะไม่ทําแบบนี้อีก!”

เย่เข่อเอ๋อตอบกลับเสียงอ่อน พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาเย่จิงเฉิงที่เดินกลับไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะเข้าไปกอดแขนของเธอไว้ และออดอ้อนด้วยวิธีเดิมๆ

เมื่อถูกน้องสาวออดอ้อนเช่นนี้ เย่จิงเฉิงเป็นต้องใจอ่อนทุกครั้งไป และเมื่อไม่สามารถระบายความโกรธกับน้องสาวได้ เธอจึงหันไประบายใส่หลินหนานแทน

“เอาล่ะ.. เอ่อเอ๋อยังเด็ก ยังพออภัยให้ได้! แต่นายอายุเท่าไหร่แล้ว? รู้บ้างมั้ยว่าข้างนอกมันอันตรายมากแค่ไหน? หรือว่านายคิดไม่ซื่อกับน้องสาวของฉัน?”

เย่จิงเฉิงหันไปตวาดใส่หลินหนานทันที ทั้งสีหน้า แววตา และน้ําเสียงก็ล้วนเย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ําแข็ง

หลินหนานถึงกับยิ้มขึ้น พร้อมโต้กลับไปว่า “ถึงแม้ผมจะเป็นสามีคุณเพียงแค่ในนาม แต่ช่วยคิดกับผมในแง่ดีหน่อยจะได้มั้ยครับ?”

“งั้นเหรอ? นี่ถ้านายไม่พูดฉันก็ลืมไปแล้ว นายรู้มั้ยว่านายทําตัวได้น่าเบื่อแค่ไหน? นี่นายคิดจะเกาะตระกูลเย่ไปตลอดชีวิตเลยหรือยังไง?” เย่จิงเฉิงตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชาเช่นเคย

“ก็ถ้าคุณยินดีจะเลี้ยงผมไปตลอดชีวิต ผมก็เต็มใจ!” หลินหนานย้อนเย่จิงเฉิง พร้อมกับผายมือท้าทายราวกับหมูไม่กลัวน้ําร้อน

“หลินหนาน!! ความอดทนของฉันมีจํากัด! ฉันขอเตือนให้นายอยู่ห่างจากน้องสาวของฉัน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายใจดําก็แล้วกัน!” เย่จิงฉิงข่มขู่หลินหนาน

บรรยากาศภายในบ้านค่อยๆตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้เย่จิงเฉิงก็กําลังโกรธมาก.

“เอ่อ พี่ใหญ่คะ ความจริงหลินหนานไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด เขามีประโยชน์ แล้วก็ทําอะไรได้หลายอย่างมากเลยล่ะ” เย่เข่อเอ๋อรีบพูดแทรกขึ้นมา และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดเข้าข้างหลินหนาน

เย่จิงเฉิงถึงกับหันไปมองหน้าเย่เข่อเอ๋อ พร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน.

เกิดอะไรขึ้นกับแม่สาวน้อยของพี่กันแน่? จู่ๆวันนี้ทําไมถึงได้ลุกขึ้นมาช่วยหลินหนานได้?

“คนอย่างนี้จะทําอะไรเป็น?” เย่จิงเฉิงถามออกมาด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน

“พี่ใหญ่คะ.. พี่ยังไม่รู้อะไร วันนี้หลินหนานไปขับรถแข่งกับราชานักแข่ง แล้วก็…”

เย่เข่อเอ๋อเผลอเล่าเรื่องการแข่งรถในคืนนี้ให้กับเย่จิงเฉิงฟัง แม้หลินหนานจะพยายามยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างไร ก็ดูเหมือนว่าเธอจะมองไม่เห็น

“อะไรนะ?! แข่งรถงั้นเหรอ?”

เย่จิงเฉิงร้องอุทานออกมาเสียงดัง พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เธอหันไปจ้องหน้าหลินหนานด้วยความโมโห พร้อมกับตวาดเขาเสียงสั่น

“หลินหนาน! นี่นายทําอะไรฉันไม่ได้ ก็เลยคิดจะหันไปเล่นงานน้องสาวของฉันแทนสินะ?”

“ผม..” หลินหนานได้แต่ย้ําอึ้ง และไม่รู้ว่าจะตอบโต้หญิงสาวกลับไปอย่างไร?

“พี่ใหญ่คะ! ฉันเป็นคนบังคับหลินหนานไปเอง ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย!”

เย่เข่อเอ๋อเห็นพี่สาวเริ่มเข้าใจผิด เธอจึงพยายามอธิบาย และช่วยแก้ต่างแทนหลินหนาน และนับตั้งแต่โตมา เธอก็ไม่เคยเห็นเย่จิงเฉิงโกรธมากมายเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลย!

“ในสายตาของคุณ ผมคงเป็นคนชั่วช้ามากสินะ? ในเมื่อคุณคิดแบบนี้ ผมก็ไม่มีอะไรต้องอธิบาย..” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับยิ้มขมขึ้น

“ใช่! นายเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว! ฉันเกลียดนาย แล้วก็เกลียดมากด้วย! ไม่ว่านายจะพูดอะไร ฉันก็ไม่มีทางเชื่อคําพูดของนายเด็ดขาด!” เย่จิงเฉิงตอบโต้กลับไปทันที

“ก็ดี! ผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะทําให้คุณเชื่อในตัวผมเหมือนกัน! อ่อ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ เพราะอีกไม่นาน คุณได้เป็นอิสระแน่!”

หลินหนานตอบโต้กลับไปยึดยาว และเขาก็รู้สึกโล่งใจที่ได้พูดออกไปแบบนั้น เพราะอย่างน้อย เมื่อวันนั้นมาถึง ในวันที่ทั้งคู่จะต้องแยกจากกันจริงๆ ต่างฝ่ายต่างก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน!

งั้นเหรอ?!

เยี่ยมเลย!

“ฉันเองก็หวังว่าวันนั้นจะมาถึงโดยเร็ว!”

หลังจากตอบหลินหนานกลับไปแล้ว เย่จิงเฉิงก็หันไปสั่งเย่เข่อเอ๋อด้วยน้ําเสียงดุดัน “เอ่อเอ้อ.. นับตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะต้องกลับถึงบ้านก่อนสองทุ่ม!”

แล้วเย่จิงเฉิงก็หันไปสั่งหลินหนานด้วยเช่นกัน “ส่วนนาย.. พรุ่งนี้เข้าไปทํางานที่บริษัทด้วย!”

หลังจากนั้น เย่จิงเฉิงก็เดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไปชั้นสองทันที

เธอเปลี่ยนใจแล้ว นับจากนี้ไป เธอจะต้องให้หลินหนานอยู่ในสายตาของเธอตลอด

หลินหนานนั่งสูบบุหรี่เงียบๆอยู่บนโซฟา เย่เข่อเอ๋อจึงได้กระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ พร้อมกับกระซิบเสียงเบาว่า

“พี่เขย. อย่าไปฟังที่พี่ใหญ่พูดเลยนะ! รอพี่ใหญ่หลับ พวกเราก็ค่อยแอบออกไปก็ได้”

หลินหนานจ้องมองใบหน้าของเย่เข่อเอ๋อ เขารู้ได้ทันทีว่า คําพูดของเย่จิงเฉิงไม่ได้เข้าหูของเด็กสาวตัวแสบนี้เลยแม้แต่น้อย

“นี่แม่คุณ. ปล่อยฉันไปเถิดนะ! อยากให้ฉันถูกพี่สาวของเธอฆ่าตายหรือยังไง?” หลินหนานอ้อนวอนเด็กสาว สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่อยากทําแบบนี้อีกแล้ว

“ไม่ได้! ถ้านายไม่ตกลง ฉันจะบอกพี่ใหญ่ว่านายทําไม่ดีกับฉัน!” เย่เข่อเอ๋อข่มขู่หลินหนาน พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“เฮ้อ.. เธอนี่มันช่างเป็นเด็กสาวที่ไร้หัวใจ แล้วก็ไร้เมตตาจริงๆ!” หลินหนานส่ายหน้าไปมา

“ฉันไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้นสักหน่อย!” เย่เข่อเอ๋อตอบโต้ และรู้สึกดีใจที่คืนนี้ตนเองตัดสินใจเลือกคนไม่ผิด

“เฮ้อ.. เห็นที่ฉันคงต้องรับปากทั้งที่ไม่เต็มใจสินะ? ว่าแต่.. เธอไม่กลัวว่าฉันจะทําอะไรที่มันไม่เหมาะสมบ้างเหรอ?!”

หลินหนานแสยะยิ้มน่ากลัว พร้อมกับถมือไปมา สายตาคู่นั้นจ้องมองเย่เข่อเอ๋อราวกับหมาป่าผู้หิวโหย

เย่เข่อเอ๋อตกใจจนตัวสั่น และรีบร้องตะโกนออกไป “อย่าเข้ามานะ! ฉัน ฉันผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว!”

“มันสายไปแล้วแม่สาวน้อย!”

ค่ําคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของหลินหนาน.

เขาลืมตาขึ้นช้าๆ หลังจากที่ออกจากสมาธิแล้ว

ในวินาทีที่หลินหนานเปิดเปลือกตาขึ้นนั้น บางสิ่งบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งสองข้างของเขา แต่ก็เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้น แล้วจึงเลือนหายเข้าไปในเบื้องลึกของดวงตาคู่นั้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่นั่งเดินลมปราณอยู่ตลอดทั้งคืน เวลานี้พลังวิญญาณในร่างกายของหลินหนานก็ได้ฟื้นฟูกลับคืนเต็มร้อยแล้ว

หลินหนานเดินลงมาที่ห้องรับประทานอาหาร แต่กลับพบว่าโต๊ะอาหารว่างเปล่า และสะอาดสะอ้านยิ่งกว่าใบหน้าของเขาเสียอีก

“เฮ้อ.. พ่อบ้านคู่นี้อารมณ์แปรปรวนอย่างกับผู้หญิงมีรอบเดือน!”

หลินหนานได้แต่บ่นพึมพํา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรนัก หลังจากนั้น เขาจึงได้เรียกแท็กซี่ไปบริษัท จิงเฉิงกรุ๊ป และเมื่อไปถึงก็ตรงไปที่ฝ่ายขายทันที

เพื่อนร่วมงานในแผนกเพียงแค่ปรายตามองเขาเล็กน้อย แล้วทุกคนต่างก็ก้มหน้าก้มตาทํางานของตนเองต่อไป พวกเขาทําราวกับว่าหลินหนานเป็นอากาศธาตุ ไม่มีตัวตนอยู่ในแผนก

“สวัสดีตอนเช้าคนสวย!” หลินหนานหันไปทักทายฉินเสี่ยวยู่ และอย่างน้อยก็มีหนึ่งคนที่เขาจะสามารถพูดคุยด้วยได้

แต่หลินหนานต้องถึงกับเก้อไป เพราะฉินเสียวยู่ก็ไม่ต่างจากคนอื่น เธอไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

หลินหนานเหลือบมองด้วยแววตาขุ่นเคืองเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง แต่หลังจากนั้นเพียงแค่สองสามนาที ฉินเสี่ยอู่ก็หันกลับไปทักทายหลินหนาน

“อ้าวหลินหนาน. นี่นายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ผมเพิ่งจะมาถึงเมื่อกี้เอง นี่ยังอดคิดไม่ได้ว่าคุณจงใจไม่สนใจผมซะอีก!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ

ฉินเสี่ยวยู่ได้ฟังแล้วก็ถึงกับเคอะเขิน และตอบกลับไปว่า “โทษที! ฉันมัวแต่นั่งใจลอย…”

“อย่าบอกนะว่า ผมไม่มาทํางานแค่ไม่กี่วัน คุณก็นั่งใจลอยคิดถึงผมแล้ว?” หลินหนานพูดติดตลก

ฉินเสี่ยวยู่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนหายใจ..

หลินหนานเห็นอาการ และใบหน้าที่ดูดเศร้าของหญิงสาว ก็ได้แต่นึกแปลกใจ

ปกติฉินเสี่ยวยู่ไม่ได้มีบุคลิกเศร้าสร้อยแบบนี้นี่นา? เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?

กริ๊ง กริ๊ง

ในขณะที่หลินหนานกําลังจะอ้าปากถาม โทรศัพท์มือถือของฉินเสี่ยวยู่ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น และเมื่อได้เห็นเบอร์ขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ สีหน้าท่าทางของเธอก็เปลี่ยนเป็นกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที

“นี่หลินหนาน ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย ถ้าผู้จัดการหลิวถาม นายช่วยบอกเขาที ว่าฉันออกไปเรื่องงาน..”

หลังจากฉินเสี่ยวยู่ออกไปแล้ว หลินหนานก็ได้แอบตามไปเงียบๆ พร้อมกับบ่นพึมพํากับตัวเอง “น่าแปลก! ต้องมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ!”