บทที่111 ประธาน

มู่เทียนซิงอุ้มเจินเจินหมุนไปครึ่งรอบวงกลม พอเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็ได้เห็นจั๋วซีจ้องมองเธออย่างประหม่า”คุณหนูมู่ ผมส่งคุณไปครับ!”

“คนนั้นเป็นแฟนของประธานหรอคะ?”

“พระเจ้าช่วย ไม่น่าสวยขนาดนี้เลย!”

“ลี่ลี่ แกไม่มีโอกาสแล้ว ไม่ว่าแกมีอาหารแห่งความรักที่อร่อยน่าทานเท่าไหน ก็ไม่สามารถชดเชยข้อบกพร่องของหน้าตาแกได้!”

“ฮือ ฉันไม่มีโอกาสก็ยังไงล่ะ ดูแกสินมใหญ่ขนาดนั้นก็เปล่าประโยชน์ ยังไงหุ่นของแกก็ไม่สวยเท่าสาวน้อยเขา แกเห็นเปล่า ประธานกลัวว่าเธอจะเปิดอกเปิดเนื้อจนเกินไปจึงให้เธอใส่อย่างมิดชิด”

เสียงการโต้เถียงกันที่อยู่ข้างหลังดังขึ้นมา จึงทำให้มู่เทียนซิวขมวดคิ้วขึ้นมา

ตั๋วซีหยุดฝีเท้าลงทันที และใช้สายตาที่แหลมคมกวาดไปทุกคนอย่างเย็นชา จึงทำให้ทุกคนล้วนหูดปาก แล้วนั่งทำงานอย่างตั้งใจบนที่อยู่ของตนเอง

จั๋วซีอุ้มมู่เทียนซิงไว้และเดินออกไปจากประตูด้านข้างอีกด้านหนึ่ง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสามโดยตรง

มู่เทียนซิงถึงจะรู้ความจริงขึ้นมา”คุณ ประธานที่พวกเขากล่าวถึงนั้นเป็นคุณหรอคะ?”

“อืม”จั๋วซีตอบ

มู่เทียนซิงแลบลิ้นออกมา เมื่อนึกถึงออร่าที่แข็งแกร่งของจั๋วซีเมื่อกี้นี้ เธอไม่กล้าเชื่อได้ว่าจั๋วซีที่ร่าเริงชอบหัวเราะในปกตินั้นจะมีด้านที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ด้วย

เจินเจินอยู่แต่ในอ้อมอกของมู่เทียนซิงอย่างเชื่อฟังตลอด เมื่อเห็นรอยแดงที่อยู่ในหลังมือของมู่เทียนซิง มันยังแลบลิ้นออกมาเลีย จึงทำให้มือของมู่เทียนซิงเจ็บจนหดตัวลงทีนที

ไม่นาน จั๋วซีเดินก็ผ่านทางเดินเล่นที่สวยงาม แล้วเมื่อเวลาที่เดินผ่านห้องที่สามเขาก็สแกนหน้าให้ประตูอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นประตูก็เปอดออกโดยอัตโนมัติ

“ว้าว!ระบบสแกนใบหน้าอิเล็กทรอนิกส์หรอคะ?”

“ครับ”

ไม่เหมือนมู่เทียนซิงที่ประหลาดใจ สีหน้าของจั๋วซียังคงประหม่าอยู่เสมอ

พอเข้าไปในห้อง มู่เทียนซิงอดไม่ได้ที่จะตกใจเพราะฉากที่อยู่ต่อหน้าต่อตานี้ บรรยากาศในนี้ล้วนเป็นสีขาวเงินระดับไฮเอนด์!

โต๊ะทำงานสีเงิน ชั้นวางหนังสือ โต๊ะน้ำชาและคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพเช่นนั้น แถมยังมีพื้นและไฟที่เป็นสีขาว และยังมี……หลิงเล่!

จั๋วซีอุ้มมู่เทียนซิงเดินเข้าไป และวางเธอลงบนโซฟาหนังสีขาวบริสุทธิ์ในห้องทำงานของหลิงเล่อย่างเบาๆ จากนั้นเขาลุกขึ้นมาแล้วมองไปที่หลิงเล่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอโทษ”ซือซ่าว ผมไปช้าสักครู่หนึ่ง คุณหนูมู่โดนเจินเจินกัดแล้ว”

ตั้งแต่ตอนที่จั๋วซีอุ้มมู่เทียนซิงเข้ามา สีหน้าของหลิงเล่ก็ค่อนข้างมืดลึก หลังจากได้ฟังการบรรยายของจั๋วซีแล้ว เขาก็หยิบปากกาขึ้นมาและเขียนคำหนึ่งคำลงไป

เสว่

จั๋วซีมองไปดูตัวหนังสือที่อยู่ต่อหน้า แล้วพยักหน้าพูดว่า”ได้ครับ ผมจะเรียกจวงเสว่มาเดี๋ยวนี้เลย”

เขาผลักหลิงเล่มาถึงต่อหน้าของมู่เทียนซิง จากนั้นถอยลงไปเล็กน้อย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสายออกไป”คุณหนูจวงครับ คุณเตรียมวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัข ผ้าพันแผลและยาฆ่าเชื้อโรคมาที่ห้องทำงานของซือซ่าวครับ”

มู่เทียนซิงมองไปที่จั๋วซี แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย ราวกับว่าเคยได้ยินชื่อจวงเสว่มาก่อน

พอคิดไปสักพักหนึ่ง เธอก็กรีดออกมา”ผู้หญิงคนที่ชอบจั๋วหรันหรอ?”

จั๋วซีพยักหน้า

ส่วนหลิงเล่ก็จ้องมองแมวที่อยู่ในอ้อมอกของมู่เทียนซิงด้วยสายตาที่ดุร้าย ดูเหมือนอยากจะเอื้อมมือออกไปโยนมันทิ้งลงพื้นหรือบีบคอมันให้ตาย!

เขาดึงมือที่ได้รับบาดเจ็บของเธอมา ส่วนสายตานั้นเย็นชาจนน่ากลัว

จั๋วซีพูดต่อว่า”หลังจากคุณหนูมู่ลงจากลิฟต์ของวิลล่าแล้ว ก็วิ่งไล่เจินเจินจนถึงพื้นที่ทำงานของห้องใต้ดินชั้นหนึ่ง เดิมทีคุณหนูมู่สามารถอุ้มเจินเจินออกไปได้ แต่พอเริ่มจะไปอุ้ม ก็มีพนักงานหญิงคนนึงตะโกนเสียงดังขึ้นมา จึงทำให้เจินเจินตกใจแล้วหันกลับไปกัดคุณหนูมู่ พอเวลาที่ผมไปถึงก็เห็นฉากนี้พอดีเลย ตอนนั้นเจินเจินก็สำนึกผิดแล้ว แถมยังนอนตุ้งติ้งอยู่ข้างขาของคุณหนูมู่”

มู่เทียนซิงชำเลืองมองไปที่จั๋วซีด้วยความขอบคุณ

ถ้าหากว่าเขาไม่พูดแบบนี้ หลิงเล่คงไม่ยอมปล่อยเจินเจินไปได้แน่นอน

ส่วนหลิงเล่ก็จับมือของมู่เทียนซิงไว้แล้วสังเกตดูที่บาดแผล จากนั้นก็เอ่ยเสียง’เฮ่อ’ออกมาแล้วพูดกับจั๋วซี”ฉันยังไม่รู้ว่าแกไปเรียนภาษาสัตว์มาเมื้อไหร่ จนถึงระดับที่รู้คำพูดในใจของแมวด้วยหรอ?”

จั๋วซี”……”

หลิงเล่เงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปดูที่มู่เทียนซิงอย่างจนปัญญาพร้อมพูดว่า”ถ้าแกอยากรู้อะไร สามารถมาถามฉันได้เลย อย่าบ้าบิ่นจนขนาดนี้ โรคพิษสุนัขบ้านั้นอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้นะ อย่ามาทำเป็นเรื่องเล่น”

สาวน้อยคนนี้ต้องให้คนเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลาเลย

สักพักก็มีเมิ่งเสี่ยวหลงโผล่ตัวออกมาแล้วก่อเรื่องมากมาย สักพักก็โดนแมวกัด

ดูท่าแล้วคงต้องดูเธอไว้ตลอดเวลา!

มู่เทียนซิงมุ่ยปากขึ้น เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นห่วงตนเอง ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างมีความสุข”ฉันทราบแล้วค่ะ คุณลุง”

“เจินเจินยังเล็กอยู่ หลายวันนี้แกอย่าจับต้องมันเลย ฉันจะให้คนไปเชื่องนิสัยของมันก่อน แล้วค่อยเอามาให้แกอีกที”

“ไม่!”มู่เทียนซิงขมวดคิ้วแล้วต่อต้าน”คุณลุงคะ ถ้าคุณทำแบบนี้ คุณก็เท่ากับว่าเป็นการยับยั้งธรรมชาติและนิสัยการชอบอิสระของเจินเจิน”

หลิงเหล่ทำตาขาวใส่เธอ พอเขาเห็นว่ามืออีกข้างนึงของเธอนั้นกำลังอุ้มลูกแมวไว้อย่างแน่น เขาก็เลยถอนหายใจเบาๆออกมาอีกครั้ง

แค่แมวตัวนึง เธอยังสามารถรักใคร่ขนาดนี้ เอาใจมันตลอดเวลาเลย แล้วต้องถึงเมื่อใด เขาถึงจะสามารถเหมือนแมวที่อยู่ในมือของเธอได้ เป็นที่รักของเธอและเอาใจตลอดเวลาได้ล่ะ?

เขารีบส่ายหัวเลน หลิงเล่รู้สึกว่าตนเองนี่บ้าไปแล้วจริงๆ เป็นไปได้ยังไงที่จะอิจฉาแมวตัวนึง

“ทำไมจวงเสว่ยังไม่มาเนี่ย?”

หลิงเล่รู้สึกค่อนข้างจะโกรธ เมื่อเห็นว่าหลังมือของมู่เทียนซิงบวมแดงขึ้นกว่าเดิม เขาก็ยิ่งใจร้อนกว่าเดิม กลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา!

เมื่อจั๋วซีเพิ่งคิดจะโทรไปอักครั้ง ก็มีเสียงกระดิ่งอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นจากประตู

พอมู่เทียนซิงหันไปมอง ก็เห็นว่าจั๋วซีเปิดหน้าจอขึ้นมา ใบหน้าของผู้หญิงคนนึงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ จากนั้นจั๋วซีก็กดปุ่มสีเขียว ประตูอิเล็กทรอนิกส์จึงเปิดออก

จนถึงบัดนี้ มู่เทียนซิงถึงจะรู้ว่า จวงเสว่คงไม่ค่อยใกล้ชิดกับหลิงเล่ ไม่เหมือนพวกจั๋วซีฉวีซือใกล้ชิดมากกับหลิงเล่

“ซือซ่าว”

จวงเสว่ทักทายโดยการคำนับ จากนั้นก็วางกล่องทางการแพทย์ขนาดเล็กไว้บนโต๊ะนํ้าชา เมื่อเธอเห็นมือของมู่เทียนซิงที่ถูกหลิงเล่จับอยู่แล้ว ราวกับว่าเธอถูกผงะ แถมยังจ้องดูแต่มู่เทียนซิงอยู่ตลอด!

และในเวลานี้ มู่เทียนซิงก็สังเกตเธออยู่เช่นกัน

ตาหางหงส์ที่เรียวยาว ขนตาที่ยาวมาก เหมือนเป็นตาของนังจิ้งจอกในตำนานที่ว่าสามารถเย้ายวนคนได้ ไม่เหมือนดวงตาที่สะอาดสะอ้านของฉวีซือ ทำให้คนรู้สึกสบายมาก สีผิวของเธอเป็นสีน้ำตาล ไม่ได้ขาวเท่ากับฉวีซือ รูปร่างของเธอก็ไม่สูง และหุ่นก็ไม่ดีเท่าฉวีซือที่เคยคลอดลูกแล้ว

พอดูแบบนี้ เพียงตาเดียวเอง มู่เทียนซิงก็ไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่

หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง ก่อนที่จะได้เห็นผู้หญิงคนนี้ ก็รู้มาก่อนแล้วว่าเธอตั้งใจที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจั๋วหรันกับภรรยาของเขา ตั้งแต่นั้นมู่เทียนซิงก็ไม่ชอบเธอแล้ว

“คุณหนูมู่ถูกแมวกัดจนเป็นแผล นี่เป็นรอยกัด ต้องฆ่าเชื้อพันแผลก่อน จากนั้นค่อยฉีดยาทีหลัง”

จั๋วซีสังเกตว่าจวงเสว่จ้องมองมู่เทียนซิงตรงๆ จึงกลัวว่าหลิงเล่จะไม่พอใจ

ตามจริงแล้ว แม้ว่าจวงเสว่ไม่ได้พูด จั๋วซีก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ซือซ่าวที่ปกติจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงนั้นกลับมาจับมือของผู้หญิงคนนี้ไว้ เพราะความห่วงใยหรอ?

ถ้าพูดถึงเมื่อก่อน จั๋วซีก็ไม่เชื่อว่าจะมีวันนึงที่ซือเซ่าจะมาทำแบบนี้

แต่หลังจากมู่เทียนซิงเริ่มปรากฏตัวแล้ว เขาก็เชื่อทุกอย่างแล้ว แถมยังค่อยๆชิมจนเป็นนิสัยขึ้นมา

จวนเสว่ฟื้นตัวกลับมา แล้วหัวเราะออกมาอย่างเกิบเขิน”ขอโทษค่ะ!คุณหนูมู่ช่างสวยสง่างามหรือเกิน จึงทำให้ฉันดูเผลอไปสักพักนึง ขออภัยด้วยค่ะ”