บทที่112รายงาน
มู่เทียนซิงไม่ได้พูด แล้วก็ไม่ได้มองไปทางจวงเสว่อีก
สีหน้าที่ไม่แยแสเช่นนั้นทำให้จั๋วซีรู้สึกว่า เธอราวกับว่าจะถูกซือซ่าวเข้ากาย
จวงเสว่เปิดกล่องทางการแพทย์ แล้วหยิบแอลกอฮอล์และสำลีก้อนออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะนํ้าชา
เมื่อเธอกำลังจะเอาวัคซีนออกจากก้อนน้ำแข็ง ก็สังเกตเห็นว่ามีมือใหญ่มือหนึ่งเอื้อมมาหยิบสำลีไปจุ่มแอลกอฮอล์ แล้วเช็คแผลให้มู่เทียนซิงอย่างรวดเร็ว
เช็คไปด้วย เขาก็เป่าอย่างเบาๆไปด้วย แถมยังสังเกตสีหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เพราะเขากลัวว่าเธอจะเจ็บ
จวงเสว่ดูจนกระทั่งตุ๊กตาจะหลุดลงมาแล้ว!
หลังจากฟื้นสติขึ้นมาได้อย่างเร็วแล้ว เธอก็หยิบกระบอกฉีดยาที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวนั้นขึ้นมา แล้วดูดวัคซีนเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็มองไปที่มู่เทียนซิง แล้วถามว่า”คุณหนูมู่คะ ฉีดฝั่งไหนดีคะ?”
“ที่แขนหรอคะ?”
“ค่ะ กล้ามเนื้อแขนเดลทอยด์”
“ฝั่งซ้ายละกัน”
“ค่ะ”
เพราะมู่เทียนซิงคิดว่า มือขวายังต้องกินข้าวถือของ แถมยังต้องพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ด้วย ใช้จนคุ้นเคยอย่างดีแล้ว ดังนั้นจึงฉีดที่ฝั่งซ้ายดีกว่า
แต่ หลังจากจวงเสว่ถูแอลกอฮอล์ให้เธอแล้ว แล้วพอเข็มนั้นฉีดลงไป เธอถึงจะรู้ว่า ตามจริงแล้ววัคซีนป้องกันโรคพิษนั้นเจ็บปวดขนาดนั้น!
“เจ็บ!”
ใบหน้าที่สวยนั้นยับยู่ยี่ทันที!
“ใกล้เสร็จแล้ว”เหงื่อบนหน้าผากของจวงเสว่ก็ไหลไม่หยุด เธอก็กลัวว่าถ้าหากหลิงเล่ไม่พอใจขึ้นมา ตนเองก็ต้องซวยไปด้วย”เสร็จแล้วเสร็จแล้ว”
ขณะที่ดึงเข็มออกมาเธอก็เอาสำลีกดไว้ในบริเวณที่ฉีดของมู่เทียนซิง หลังจากมู่เทียนซิงใช้มือกดไว้เองแล้ว เธอจึงปล่อยมือแล้วพูดว่า”วันที่สามยังต้องฉีดอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นวันที่เจ็ด วันที่สิบสี่ วันที่สามสิบตามลำดับ รวมกับวันนี้แล้วทั้งสิ้นต้องฉีดห้าครั้ง”
มู่เทียนซิงไม่ได้พูด ความรู้พื้นฐานพวกนี้เธอล้วนรู้ เพราะเธอเองเป็นตั้งนักเรียนเกียรตินิยมของคณะแพทยศาสตร์
จวงเสว่พูดต่อ”แล้วในเดือนนี้ อาหารที่เผ็ดและอาหารทะเลห้ามกินเลย”
มู่เทียนซิงมุ่ยปาก ระหว่างคิ้วนั้นมีความหงุดหงิดปรากฏสักนิด
ส่วนจวงเสว่กำลังเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ ก็เลยไม่ได้เห็นสีหน้าของมู่เทียนซิง หลังจากเธอเก็บเสร็จ ก็แบกกล่องทางการแพทย์ไว้แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว พูดว่า”ซือซ่าวคะ เมื่อไหร่ฉันถึงสามารถกลับไปที่ลานหน้าได้คะ?”
เดิมที ฉวีซือและจวงเสว่จะร่วมกันรับผิดชอบลานหน้าของคฤหาสน์จื่อเวย ฉวีซือรับผิดชอบห้องครัว ส่วนจวงเสว่รับผิดชอบห้องพยาบาล
แต่ว่า หลิงเล่ไม่ใช่ว่าต้องกินยาทุกวัน แต่จำเป็นต้องกินข้าวทุกมื้อ ดังนั้นในช่วงเวลาระหว่างการต่อสู้กันของผู้หญิงทั้งสองนี้เพื่อแย่งชิงจั๋วหรัน หลิงเล่จึงมีใจลำเอียงไปที่ฉวีซือ แถมปีนั้นจั๋วหรันเองก็เคยแอบบอกกับหลิงเล่ว่าชอบและอยากแต่งงานกับฉวีซือเพียงคนเดียว
ดังนั้น หลังจากจั๋วหรันได้แต่งงานกับภรรยาแล้ว จวงเสว่ก็ถูกสั่งให้ไปอยู่หลังลาน
หลิงเล่ขมวดคิ้ว เมื่อสังเกตถึงความหงุดหงิดของมู่เทียนซิง เขาจึงมองสะกิดจั๋วซี
จั๋วซีพูดกับจวงเสว่ว่า”คุณออกไปก่อน เดี๋ยวรอให้ซือซ่าวมีการวางแผนใหม่ ค่อยแจ้งให้คุณทราบอีกที”
จวงเสว่มองไปดูจั๋วซี และไม่ยอมไป อีกสักครู่หนึ่งจึงพูดอีกว่า”ฉันไปขอเครื่องรางนําโชคให้พี่ชายคุณ คุณช่วยเอาให้พี่ชายคุณหน่อย!”
มู่เทียนซิงฟังจนมุมปากสั่นไม่หยุด ส่วนจั๋วซีก็ปวดหัวเหมือนกัน เขาพูดว่า”พี่ชายฉันไม่เอาหรอก เขารักเดียวใจเดียวต่อพี่สะใภ้ของฉันเพียงคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปหาคนใหม่หรอก แล้วจวงเสว่ คุณก็อย่าลืมว่า กฎหมายการสมรสของประเทศหนิงบันทึกไว้ว่า การมีคู่สมรสได้เพียงคนเดียวนั้นได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย การล่วงประเวณีต้องถูกตัดสินจำคุก ส่วนการแต่งงานซํ้ามีโทษต้องประหารชีวิต ดังนั้นถ้าหากว่าคุณชอบพี่ชายเราจริงๆ คุณก็อวยพรเขาเลย อย่าทำร้ายเขาเลย”
จั๋วซีเดินไปแล้วกดปุ่มสีเขียว จากนั้นประตูอิเล็กทรอนิกส์ก็เปิดออกทันที
จวงเสว่กัดริมฝีปากไว้ จากนั้นเธอเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ!
หลิงเล่เอื้อมมือไปถอดแจ็คเก็ตของจั๋วซีลงมา แล้วโยนให้เขา”แกไปบอกกับอาซือว่า อาหารในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านั้นงดอาหารรสเผ็ดและอาหารทะเล!”
“ครับ”จั๋วซีรับเสื้อไปแล้วก็เดินออกไปเช่นกัน
พอประตูปิดปั๊บ ให้ห้องก็เหลือแต่พวกเขาสองคน และลูกแมวน่ารักอีกตัวนึง
เจินเจินได้หลับอย่างสบายในอ้อมอกของมู่เทียนซิงแล้ว
ส่วนหลิงเล่หลังจากใช้สายตามองไปที่มู่เทียนซิงอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆอย่างจนปัญญา
ในห้องสงบมาก ผู้หญิงกำลังนั่งอยู่อย่างอับอาย ส่วนเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ชายนั้นทั้งไพเราะทั้งน่าฟัง และดังหมุนเวียนในใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เธอรู้สึกยิ่งวิตกกังวลกว่าเดิม
สายตาของเธอมองไปอย่างเขินอาย และอดไม่ได้ที่จะอ้าปาก”คุณลุงคะ คุณหัวเราะอะไรอยู่!”
หลังมือของมู่เทียนซิง ถูกเขาติดพัตเตอร์เฮลโลคิตตี้อันนึงอย่างระมัดระวัง ซึ่งน่ารักมาก
เขาลูบหลังมือเธออย่างเบา ๆ มองเธอด้วยความรักใคร่และพูดอย่างจริงจัง”ฉันจะไม่ไปมีคนอื่นหรอก แล้วก็ไม่ไปหาผู้หญิงอื่นด้วย ถ้าหากว่ามีผู้หญิงคนอื่นมาชอบฉัน แล้วคุณไม่พอใจ ฉันก็จะคิดวิธีให้พวกเธอไม่ชอบฉันอีก ดังนั้น ความรักที่จวงเสว่มีต่อจั๋วหรันนั้น จะไม่มีในความรักของพวกเราแน่นอน”
เมื่อสังเกตเห็นสายตาที่เธอจ้องมองจวงเสว่ เขาก็รู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียว
ที่รักของเขานั้น เกลียดผู้ชายที่ไปมีเมียอื่น แล้วก็เกลียดผู้หญิงที่รักผู้ชายที่มีเมียแล้วแถมยังจะทำลายครอบครัวของคนอื่นด้วย
“ที่รัก สำหรับสิ่งนี้นะ ฉันดีใจมากที่พวกเราคิดเหมือนกัน!”
พอพูดเสร็จ เขาก็กางฝ่ามือของเธอออกมา แล้วก้มลงไปจูบหนึ่งจูบ
มันเต็มไปด้วยความรักใคร่และจริง
มู่เทียนซิงรู้สึกใจอบอุ่นขึ้นทันที รอยยิ้มจึงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา”นี่ถือว่าคุณรับปากกับฉันแล้วนะ ถ้าทีหลังมีผู้ชายจะมาแย่งฉันกับคุณ พวกเราก็ร่วมมือกันไล่เขาออก ส่วนถ้ามีผู้หญิงอื่นมาขอบคุณ พวกเราก็ร่วมมือกับไล่เธอไปเช่นกัน อย่างนี้ดีไหมคะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอเค ตกลงกันแล้วนะ!”
“นั้นเกี่ยวก้อยปั๊มตรากัน !”
“โอเค”
เขาเห็นด้วยกับเธอ จากนั้นก็ดึงร่างของเธอไปแล้วคลุมหัวของเธอไว้พร้อมจิกริมฝีปากของเธอลงไปอย่างแรง!
เสียงคมชัดและหวานน่าฟัง!
มู่เทียนซิงเลียริมฝีปากของตัวเอง จากนั้นก็รู้สึกมีความอับอายเล็กน้อย แต่ยังคงดีใจอยู่เช่นกัน นับเวลานี้เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เพียงแต่จ้องมองใบหน้าที่สวยงามของหลิงเล่แล้วยิ้มออกมาอย่างโง่ๆ
หลิงเล่ก็จ้องมองเธอด้วยความยิ้มแย้มเช่นกัน ในดวงตาและหัวใจของเขานั้นล้วนมีแต่เธอคนเดียว!
จากนั้นประตูของห้องทำงานก็ถูกเปิดออกมาโดยอัตโนมัติ
จั๋วซีหยิบเอกสารชุดหนึ่งแล้วเดินเข้ามา แล้วเขาก็มองไปที่หลิงเล่ สีหน้าค่อนข้างจะเอาจริงเอาจัง
มู่เทียนซิงสังเกตถึงว่ามันคงต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ดังนั้นจึงพูดกับหลิงเล่าว่า”คุณลุงคะ คุณอย่าสนใจฉันเลย ฉันนั่งอยู่คนเดียวก็ได้ คุณไปยุ่งงานก่อนเลย”
หลิงเล่พยักหน้า จากนั้นก็ใช้ดวงตาที่มืดลึกมองไปทางจั๋วซี”เป็นไรหรอครับ?”
จั๋วซีดูเหมือนจะมีความไม่ยอมและไม่เต็มใจ แต่ในที่สุดก็ยื่นของในมือไปให้เขา”นี่เป็นข้อมูลที่โรงพยาบาลเพิ่งส่งแฟกซ์มาให้ครับ”
พอหลิงเล่รับไปก็ใช้สายตากวาดอย่างรวดเร็ว
แม้รู้อยู่ตั้งนานแล้วว่าความสัมพันธ์นี้มีปัญหาอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาและสงสัย
พอตอนนี้ความจริงมาถึงแล้ว มือของหลิงเล่ก็เริ่มสั่นตามไปด้วย!
มู่เทียนซิงเป็นห่วงเขา ดวงตาคู่ที่กลมโตจึงมองไปทางนั้น พอดูปั๊ก เธอก็เธอตกใจทันที!
มันเป็นผลการรายงานของการตรวจดีเอ็นเอนี่เอง!
เมื่อเธอเห็นว่าหลิงเล่ไม่ได้หลบหลีกเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า”คุณ คุณลุงคะ นี่เป็นการตรวจดีเอ็นเอของใครกับใครคะ?”