บทที่ 104 จะจัดการเรื่องหย่าเมื่อไร?

ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เนื่องจากกินอาหารเหลวมาเป็นระยะเวลานานทำให้ผอมลงไปเล็กน้อย อีกทั้งมียาหลิงเฉวียนคอยช่วยบำรุงจึงไม่ถึงกับอ่อนแอมากเกินไป

แต่เหตุใดถึงหลับลึกไปเช่นนี้อีกเล่า?

เมื่อครู่เขาแค่ใช้พลังมากไป บางทีอาจจะต้องรอให้ร่างกายปรับสภาพอีกสักหน่อย

จี้จือฮวนจึงตั้งใจว่าจะรอดูวันพรุ่งนี้อีกทีแล้วค่อยว่ากัน พร้อมกันนั้นในห้องน้ำก็ได้ยินคนช่างพูดอย่างอาชิงกำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่

เสือน้อยเมี้ยวเมี้ยวอ้าปากหาว ก่อนจะเอาหัวพิงร่างของเผยยวนอย่างเกียจคร้าน จี้จือฮวนลูบร่างเล็ก ๆ ที่มีขนปุกปุยของมัน “ดูท่าคืนนี้คงมีแค่เจ้าที่อยู่เป็นเพื่อนข้าแล้ว”

ในลานบ้านค่อย ๆ เงียบลง เผยจี้ฉือหยุดอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่กล้ารบกวนท่านพ่อกับท่านแม่ จึงได้กลับห้องไป

ฮวาฮวาคาบพวกลูก ๆ ของตัวเองที่วิ่งเพ่นพ่านเข้าไปในคอก ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ความฝันอันแสนหวานในคืนนี้ เหยี่ยวล่าเหยื่อที่อยู่ใต้ชายคาจ้องมองไปทางป่าที่เงียบสงบด้วยดวงตาคู่โตสีดำสนิท

จ้านอิ่งก็พักผ่อนอย่างสบายอยู่ในคอกม้า เปลือกตาของจี้จือฮวนก็ค่อย ๆ ปิดลง ศีรษะค่อย ๆ เอนลงทีละนิด และมองไปทางเผยยวนที่กำลังหลับลึกเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งศีรษะลงบนเตียงและหลับไป

บนเชิงเทียนที่อยู่ห่างออกไป น้ำตาเทียนหยดลงบนโต๊ะทีละหยดทีละหยด…

“เอ้กอี้เอ้กเอ้ก!”

เสียงไก่ขันดังขึ้น ปลุกความเงียบสงบของเรือนเล็ก ๆ หลังนี้ให้ตื่นขึ้นมา

จี้จือฮวนลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก นางตัดสินใจแล้วว่ารอเก็บเงินได้เพียงพอเมื่อใด นางจะต้องนอนตื่นสายจนตะวันโด่งให้ได้

ทว่าตอนที่นางลุกขึ้นมานั้น ลำตัวท่อนบนทั้งไหล่และแขนต่างก็ชาจนไม่สามารถขยับได้

จี้จือฮวนจึงบิดขี้เกียจก่อนจะหาวออกมา และพบว่าเผยยวนลืมตาขึ้นมามองนางอยู่ก่อนแล้ว

จี้จือฮวนไม่ได้ขยับ เขาก็ไม่ได้ขยับ

จี้จือฮวนกะพริบตาปริบ ๆ เขาก็กะพริบตาปริบ ๆ ตาม

???

กำลังกวนประสาทข้าอยู่อย่างนั้นหรือน้องชาย

จี้จือฮวนเข้าไปใกล้อีกนิด เผยยวนก็ไม่ได้หลบหรือเลี่ยง เพียงแค่มองนางอยู่แบบนั้น

จี้จือฮวนก็ยังคงยกนิ้วให้กับหน้าตาที่หล่อเหลาของเผยยวนอยู่เช่นเคย ทว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขานอนอยู่บนเตียงนานเกินไป สีหน้าจึงดูไม่ดีเท่าไรนัก แต่สิ่งที่นางจำได้ดีที่สุดก็คือดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้น ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นคืนที่ผ่านมา ทำให้นางลืมที่จะชื่นชมความหล่อเหลาของเขาไป

ทว่าเมื่อพิจารณาดูตอนนี้ คิ้วและดวงตาของเขาช่างงดงามยิ่งนัก จี้จือฮวนเพิ่งจะค้นพบว่านั่นเป็นนัยน์ตาดอกท้อที่แฝงรอยยิ้มเอาไว้ เวลาจ้องมองผู้คนดวงตาของเขาจะเปล่งประกายสดใสเป็นอย่างมาก

ยากที่จะจินตนาการได้ว่าดวงตาคู่นี้ จะสามารถระเบิดไอสังหารที่รุนแรงเช่นนั้นได้

และเผยยวนในตอนนี้ก็นอนอยู่อย่างนั้น ใสซื่อและไม่เป็นพิษเป็นภัย

เผยยวนที่หน้าตาหล่อเหลาอายุน้อยกว่าที่นางคิดเอาไว้ จะว่าไปแล้วอายุจริง ๆ ของนางคงจะแก่กว่าเจ้าเด็กคนนี้จริง ๆ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง

“เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?” จี้จือฮวนลองถามหยั่งเชิงดู

คนที่นอนเป็นผักมานานจำนวนมาก หลังจากที่ฟื้นแล้วก็มักจะทำได้เพียงลืมตาอยู่อย่างนั้น แต่จะยังไม่ได้สติ

“อืม”

จี้จือฮวนอึ้งไปเล็กน้อย เขาพูดแล้ว!

น้ำเสียงไม่นับว่าไพเราะ เป็นเสียงทุ้มต่ำที่แฝงความแหบเอาไว้ เหมือนคนที่จู่ ๆ ก็พูดออกมาหลังจากไม่ได้พูดมานาน

แต่ในเมื่อพูดได้เช่นนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นหน่อย รอยยิ้มบนใบหน้าของจี้จือฮวนค่อย ๆ กว้างขึ้น

เยี่ยมไปเลย ดูเหมือนว่าเขามีสัญญาณที่จะฟื้นตัวแล้ว

คิดไม่ถึงว่าในที่สุดเขาก็ฟื้นแล้ว และยังสามารถฟื้นตัวได้ดีถึงเพียงนี้อีกด้วย

“ข้าตกใจหมดเลย ข้าคิดว่าเจ้าจะนอนแบบนี้ไปทั้งชีวิตเสียอีก ร่างกายเจ้าหายดีแล้ว เช่นนี้ต่อไปหากไปจากที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวว่าเด็กทั้งสามจะถูกคนรังแกแล้ว”

อย่างไรเสียพวกเขาก็เรียกนางว่าแม่แล้ว และนางเองก็เป็นพวกที่รักคนของตัวเองมากด้วย

เผยยวนนิ่งอึ้งไป หมายความว่าอย่างไร นาง…จะไล่เขาไปอย่างนั้นหรือ?

“อ้อ ข้าลืมแนะนำตัวเองกับเจ้าไปเลย ข้าคือคนที่…แต่งงานกับเจ้า หลังจากที่เจ้าสลบไป ข้ามีชื่อว่าจี้จือฮวน”

เผยยวนตอบรับในใจ ข้ารู้อยู่แล้ว ข้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำ อีกอย่างข้าก็มีสติดี

“ข้าดีใจมากที่เจ้าฟื้นแล้ว ดังนั้นเห็นแก่ที่ข้าช่วยรักษาเจ้า รอเจ้าหายดีแล้ว พวกเราหาเวลาไปจัดการเรื่องการหย่ากันเถอะ”

แม้จี้จือฮวนจะไม่อยากแยกจากเด็กทั้งสามคนก็ตาม แต่จะให้นางอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย นางก็รู้สึกว่ายากที่จะรับได้

จี้จือฮวนคิดว่าข้อเสนอของนางน่าจะตรงกับความคิดของเผยยวน ทว่าเขากลับมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไรนัก

“เป็นอะไรไป มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายหรือไม่?” จี้จือฮวนไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น คิดแค่ว่าเผยยวนอาจรู้สึกไม่สบายขึ้นมาอีก

นางรีบดึงข้อมือของเผยยวนขึ้นมาตรวจชีพจรให้เขา “แปลก ก็ปกติดีนี่นา”

หรือที่นางเรียนแพทย์แผนจีนในช่วงเวลานั้นจะยังเรียนไม่ถ่องแท้ จึงไม่เห็นความผิดปกติของเผยยวนอย่างนั้นหรือ?

มือที่ด้านเล็กน้อยของหญิงสาววางลงบนข้อมือของเขา คิ้วของเผยยวนถึงกับกระตุกขึ้นมา เขากระแอมเล็กน้อยอย่างร้อนตัว จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง “ไม่ดีเท่าไร ไม่ค่อยมีแรง”

จี้จือฮวนขมวดคิ้ว “อืม เพิ่งฟื้นอาจจะยังอ่อนเพลียอยู่บ้าง ไม่ต้องห่วง เจ้าแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ เรื่องหย่ารอเจ้าหายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เผยยวนลอบถอนหายใจ “อืม”

จี้จือฮวนปลดเสื้อผ้าของเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ ทำให้เผยยวนตกตะลึงและเอื้อมมือไปจับมือของนางโดยไม่รู้ตัว

จี้จือฮวนเอามือของเขาออกไป “ข้าจะตรวจร่างกายให้เจ้า ไม่ต้องอายไปหรอก ตอนที่เจ้าสลบอยู่ข้าก็เป็นคนอาบน้ำเช็ดตัวให้เจ้าเอง จะดูก็คงดูไปนานแล้ว”

เผยยวน “…”

หลังจากจี้จือฮวนแน่ใจว่าร่างกายของเขาไม่เป็นอะไรแล้ว และในกล่องยาน้อยก็มีเพียงอาหารเสริมธาตุเหล็กและแคลเซียมหลายชนิดปรากฏอยู่เท่านั้น นางจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“เรื่องเมื่อคืนเจ้าจำได้หรือไม่?”

เผยยวนใบหูแดงเรื่อ และไม่ได้ตั้งใจฟังที่นางถาม

“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หากต่อไปเกิดคลุ้มคลั่งเช่นนั้นอีก จำไว้ว่าให้บอกข้าทันที” จี้จือฮวนลุกขึ้นยืน “เจ้าฟื้นแล้ว พวกเด็ก ๆ ต้องดีใจมากแน่ ๆ”

สาเหตุที่เผยยวนไม่ได้ถามหาพวกเขาทันทีที่ตื่น ก็เพราะเขามีสติอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งพวกเด็ก ๆ ก็มักจะพูดคุยกับเขาทุกวันว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง

และตอนนี้เขาก็รู้ว่าพวกเด็ก ๆ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก

“ขอบคุณ” เสียงของเผยยวนแหบแห้ง

ทันทีที่สิ้นเสียง ด้านนอกประตูก็มีเสียงของอาชิงน้อยดังขึ้น

“เอ๊ะ ข้าได้ยินเสียงของท่านพ่อแล้ว!”

อาอินบ่น “จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าหูเพี้ยนไปแล้วกระมัง”

“จริง ๆ นะขอรับ” อาชิงร้อนใจขึ้นมา แอบแง้มประตูและมองเข้าไปด้านใน

เริ่มจากหัวเล็ก ๆ ของอาชิง ตามมาด้วยอาอิน ก่อนสุดท้ายจะเป็นอาฉือ แม้กระทั่งท่านป้าเองก็อดไม่ได้ที่จะยื่นศีรษะเข้ามาดูด้วย

ศีรษะของทุกคนจึงเรียงเป็นแถวแนวตั้งอยู่ตรงช่องประตูในเวลานี้ จากนั้นทุกคนก็ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน “ตื่นแล้ว!”

เผยยวนลืมตามองดูพวกเขา!

ตื่นอยู่ ไม่ได้ฝัน!

อาชิงเป็นคนแรกที่รีบวิ่งเข้าไปจนเกือบจะสะดุดธรณีประตู

“ท่านพ่อ!”

“ท่านพ่อ!”

อาชิงกับอาอินพุ่งเข้ามาราวกับกระสุนปืนใหญ่ แต่ถูกจี้จือฮวนขวางเอาไว้เสียก่อน “ห้ามพุ่งเข้าใส่ พ่อของพวกเจ้ายังอ่อนแออยู่”

เด็กทั้งสองพยักหน้ารับคำด้วยความตื่นเต้น ดวงตาที่เป็นประกายสองคู่จ้องมองไปยังเผยยวน

เผยยวนไม่ได้เห็นหน้าพวกเขามานานมากแล้ว เขามองไปยังเผยจี้ฉือที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้เขาพร้อมกับขอบตาที่แดงเรื่อ

ก่อนที่เผยยวนจะอ้าแขนออก ขอโทษที พ่อตื่นสายไปหน่อย

เด็กทั้งสามทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเผยยวนด้วยความระมัดระวัง

เมื่อก่อนท่านพ่อสามารถอุ้มพวกเขาทั้งสามคนขึ้นพร้อมกันและหมุนไปรอบ ๆ ได้สบาย ต่อให้แบกพวกเขาไปด้วยฝึกวิ่งไปด้วยก็ยังไม่หอบ แต่ท่านพ่อในตอนนี้ หากพวกเขาทำอะไรแรงไป เกรงว่าจะทำให้ท่านพ่อเจ็บได้

อาชิงเอ่ยออดอ้อนด้วยน้ำเสียงน่ารัก “ท่านพ่อ อาชิงคิดถึงท่านมากเลยขอรับ”