บทที่ 110 คำขอของถังอวี่เฟย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 110 คำขอของถังอวี่เฟย

บทที่ 110 คำขอของถังอวี่เฟย

หากว่าเป็นผู้ชายบอกประโยคนี้กับอู๋ฝาน เขาก็พอทราบได้ว่าเป็นคนที่ตามจีบถังอวี่เฟย และเกิดความเข้าใจผิดต่อสัมพันธ์ระหว่างเขาและถังอวี่เฟย เป็นเหตุให้มาบอกเตือนว่าเขาควรอยู่ให้ห่างจากถังอวี่เฟย

เหมือนดังข่งไห่หลิน

เพียงแต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นผู้หญิง เหตุใดเธอจึงพูดประโยคนี้?

หรือว่า…

อู๋ฝานครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มักมีท่าทีเช่นไรต่อเพศตรงข้าม จึงเกิดความเป็นไปได้ต่อสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ดูแล้วมีความเป็นไปได้ขึ้นมา!

“น่าเสียดาย โฉมงามเหล่านี้กลับไม่ชอบบุรุษ” อู๋ฝานส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ

นับเป็นโชคดีที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์วิ่งออกไปไกลแล้ว หากไม่ เธอคงได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน มันอาจถึงขั้นทำใบหน้าอู๋ฝานจูบพื้น เพื่อให้ทราบว่าเหตุใดดอกไม้งามจึงมีหนาม

ภายหลังออกกำลังกายเสร็จ อู๋ฝานจึงได้เห็นคนที่ไม่คาดคิดออกมาจากสนามกีฬา

ถังอวี่เฟย!

หรือว่าเธอก็มาออกกำลังกายเช่นกัน?

แม้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยคำเตือนเอาไว้แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ถือเป็นนักเรียนของตัวเขา อู๋ฝานจึงพยักหน้ารับตามมารยาทให้อีกฝ่ายพร้อมเอ่ยคำทักทาย “นักศึกษาถังมาออกกำลังกายเหมือนกันหรือ?”

“อาจารย์อู๋ ตอนนี้ไม่ใช่ในคาบเรียน อย่าเรียกนักศึกษาถังเลยค่ะ เรียกฉันว่าอวี่เฟยก็พอ” ถังอวี่เฟยตอบรับอู๋ฝานด้วยท่าทีกระมิดกระเมี้ยน

“อา แต่คุณก็ยังเป็นนักเรียนของผมนะ ดังนั้นเรียกนักศึกษาถังจึงเหมาะสม” แม้น้ำเสียงของอู๋ฝานยังดูปกติสบาย แต่เขาไม่กล้าหย่อนความระวัง เพราะคาบเรียนแรกยังทำให้เขาจำได้ไม่ลืมเลือน ว่าถังอวี่เฟยกล้าหยอกเย้าตัวเขาถึงเพียงใด

เด็กสาวเช่นเธอ แม้ว่าเป็นนักเรียนนักศึกษา ก็ยังนับว่าอันตราย!

ต้องเว้นระยะห่าง

“อาจารย์…” ถังอวี่เฟยมองด้วยท่าทีน้อยใจอู๋ฝาน สายตาที่เธอใช้มองมันยิ่งเย้ายวนชวนให้เข้าใจผิด

“ผมยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ” ศัตรูที่แข็งแกร่งยากรับมือปรากฏตัว อู๋ฝานมองว่าตนเองควรถอยก่อน

อย่างไรแล้ว ปัจุบันตัวเขาก็เป็นคนดังในมหาวิทยาลัย หากว่ามีคนพบเห็นการสนทนากับนักศึกษาหญิงที่นี่เสียนาน และหากเธอยังมีท่าทีกระมิดกระเมี้ยนและน้ำเสียงชวนเข้าใจผิดเช่นนี้ ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดเป็นข่าวฉาวอะไรออกมาบ้าง

โดยเฉพาะกับเด็กสาวคนงามผู้โด่งดังในมหาวิทยาลัย ทั้งยังเป็นนางฟ้าในใจของบรรดาเด็กหนุ่ม หากว่าเกิดข่าวฉาวจะยิ่งเท่าทวีความรุนแรง

“เดี๋ยวค่ะ!” พบเห็นการรุกเข้าหาของตนเองพลาดไป อู๋ฝานคิดแยกตัว ถังอวี่เฟยจึงเร่งรีบเรียกอู๋ฝานเอาไว้ “อาจารย์ ฉันมารออาจารย์อยู่ที่นี่นานพอสมควร เพราะมีเรื่องอยากขอให้ช่วยค่ะ”

“เรื่องอะไรครับ?” อู๋ฝานหันกลับมาเอ่ยถาม

นักเรียนของตนพบเจอเรื่องยากลำบาก ในฐานะอาจารย์ อู๋ฝานมองว่าตนเองไม่อาจหนีไปได้ หากไม่แล้วจะทำสถานะอาจารย์ของเขาดูไม่ดี

“คือว่าฉันอยากออกไปข้างนอกซื้อของหลายอย่าง เพียงแต่ไม่คุ้นเคยกับที่ทางแถวนี้ แล้วตัวคนเดียวก็ไม่อาจถือของได้มากด้วยค่ะ เลยอยากจะขอคนช่วยไปด้วยกันเป็นเพื่อน และคิดว่าอาจารย์ก็ดูเหมาะที่สุดค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับมา

“ผม? คงไม่ได้ครับ” อู๋ฝานเร่งรีบส่ายศีรษะ

หากว่าเป็นเพศตรงข้ามที่เป็นคนธรรมดา อู๋ฝานอาจตกลงหรือยอมรับ เพียงแต่ ถังอวี่เฟยเป็นนักเรียนของเขา ทั้งยังเป็นคนที่ค่อนข้างยากรับมือ อู๋ฝานจึงมองว่าการอยู่ให้ห่างจากเธอจะเป็นเรื่องดีกว่า

“อาจารย์ คงไม่ไปทั้งแบบนี้ใช่ไหมคะ?” ถังอวี่เฟยเผยท่าทีเศร้าหมอง “ฉันเป็นเพียงผู้หญิงร่างบางไร้เรี่ยวแรง จะถือของมากมายได้ยังไงกันคะ? อาจารย์พบเห็นศิษย์เผชิญเรื่องยากลำบากก็ควรช่วยไม่ใช่เหรอคะ?”

“เพียงแต่ คุณแตกต่างจากคนอื่นน่ะสิ” อู๋ฝานตอบกลับ

“แตกต่างอะไรกันคะ หรือการช่วยฉันเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งที่อาจารย์ที่ดีควรช่วยแท้ ๆ” ถังอวี่เฟยเก็บท่าทีเศร้าหมอง ก้าวเดินเข้าหาพร้อมกับยื่นมือออกไปคว้าแขนของอู๋ฝานเอาไว้ และจึงพูดต่อ “ถ้าหากไม่ตกลง ฉันจะรั้งแขนอาจารย์เอาไว้แบบนี้ไม่ยอมปล่อยไปไหนค่ะ”

ความอบอุ่นและสัมผัสอ่อนนุ่มที่แขนรับรู้ เพียงแต่ อู๋ฝานไม่อาจกล้าชื่นชมความงดงามนี้ เพราะเขารับรู้ได้ว่าตอนที่ถังอวี่เฟยคว้าแขนของตนเองเอาไว้นั้น มันมีสายตานับไม่ถ้วนรอบด้านจับจ้องมา ราวกับเป็นคมมีดแหลมคมที่พยายามทิ่มแทงใส่ร่างกายของอู๋ฝาน เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่ชวนให้ตัวเขารู้สึกสบายแม้แต่น้อย

“หากว่ามีอะไรก็ขอให้พูด อย่าทำแบบนี้เลย” อู๋ฝานพยายามยื่นมือออกไปแกะมือของถังอวี่เฟยออก

เพียงแต่ ถังอวี่เฟยคว้าจับมือของอู๋ฝานเอาไว้ พร้อมกับยิ้มรับ “อาจารย์อยากจับมือฉันนี่เอง ก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก ฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ นุ่มชวนพึงพอใจไหม?”

‘นุ่มจริง’ มันคือความรู้สึกที่อู๋ฝานรับรู้ได้ตอนจับมือกับถังอวี่เฟย ทั้งนุ่มและเย็น เรียกได้ว่าเป็นสัมผัสที่ดีเยี่ยม

แน่นอนว่าเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เพราะทันทีที่ถังอวี่เฟยเกาะกุมมือของเขาเอาไว้ อู๋ฝานก็เร่งร้อนผละออกจากมือของเธอ กระทั่งถอยเท้าไปสองก้าว “ที่นี่สนามกีฬานะครับ อย่าทำแบบนี้”

“ความหมายของอาจารย์ คือขอแค่ไม่ใช่สนามกีฬาก็พอใช่ไหมคะ? ได้ค่ะ งั้นไปหาสถานที่ลับหูลับตาคน ฉันจะให้จับมือฉันได้เท่าที่ต้องการเลยค่ะ หรือถ้าอยากสัมผัสตรงอื่นด้วย ฉันอาจจะยอมด้วยก็ได้นะคะ” ถังอวี่เฟยเผยยิ้มพราวเสน่ห์ ดวงตาเย้ายวนดึงดูด

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” อู๋ฝานรีบอธิบาย

“คำอธิบายกลบเกลื่อนแบบนั้น ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ” ถังอวี่เฟยยังคงยิ้ม ขณะเดียวกันก็ก้าวเท้ารุกเข้าหา ราวคิดจะคว้าแขนของอู๋ฝานเอาไว้อีกครั้งคราหนึ่ง

“หยุดครับ!” อู๋ฝานถอยเท้ากลับไปหลายก้าวด้วยความเร่งร้อน “อย่าทำแบบนี้ครับ แต่ผมรับปากว่าจะออกไปข้างนอกพร้อมกับคุณ”

เพราะจวนตัว อู๋ฝานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมไปกับถังอวี่เฟย หากไม่แล้ว อีกฝ่ายคงไม่ยอมปล่อยเขาไปโดยง่าย

“งั้นก็ได้ค่ะ พวกเราไปกัน” ถังอวี่เฟยใบหน้ามีรอยยิ้มประหนึ่งนางจิ้งจอกสาวที่ล่อเหยื่อมาได้ รอยยิ้มเช่นนี้มันถูกแทนที่รอยยิ้มพราวเสน่ห์เช่นก่อนหน้า เพียงแต่ไม่ได้ชวนให้รู้สึกว่าน่าหงุดหงิดใจ แต่ยิ่งดึงดูดให้เข้าหามากยิ่งขึ้น

อู๋ฝานและถังอวี่เฟยเดินไปด้วยกัน เพียงแต่ระหว่างคนทั้งสองมีการรักษาระยะห่าง อู๋ฝานยังคงหวาดเกรงถังอวี่เฟย ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายทำอะไรที่ยากจะต้านทานรับได้

ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานที่อยู่ข้างกาย ก่อนจะหันศีรษะเอียงเปรยสายตามองยังสนามกีฬาที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้าเผยรอยยิ้มเยาะ ก่อนจะหันกลับและเดินหน้าเข้าใกล้อู๋ฝานให้มากขึ้น อู๋ฝานที่ยังมองว่าระยะห่างพอได้อยู่ จึงไม่ได้พูดโต้แย้งอะไร

และสายตาที่ถังอวี่เฟยมองเปรยไปเมื่อครู่ คือตำแหน่งที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยืนอยู่ เธอจึงได้เห็นแผ่นหลังของถังอวี่เฟยและอู๋ฝานเดินไปพร้อมกัน เธอที่เดิมแล้วเย็นเยือก ขณะนี้ราวกับปรากฏชั้นเยือกแข็ง คนที่ผ่านไปผ่านมา จึงรู้สึกราวกับอุณหภูมิในพื้นที่รอบตัวเธอลดลงต่ำกว่าที่ตรงอื่น

“เหอะ! ผู้ชายก็แบบนี้!” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ฮึมฮัมกับตัวเองเสียงเบา

หากว่ามีใครพิจารณาสีหน้าของเธออย่างถี่ถ้วน จะได้พบคำว่า ‘กำลัง’ เขียนอยู่บนแก้มซ้าย และคำว่า ‘หึง’ อยู่บนแก้มขวา

ท่าทีเช่นนี้ปรากฏกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ผู้มักเย็นชา มันมากพอทำให้หลายคนต้องรู้สึกประหนึ่งพบเห็นสิ่งอัศจรรย์

โชคไม่ดี ที่นักเรียนนักศึกษารอบด้าน แม้มีหลายคนกำลังแอบมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อยู่ แต่กลับไม่มีใครเข้าไปใกล้ตรงหน้าเพื่อดูสีหน้าและท่าทีของเธออย่างถี่ถ้วนแม้สักคน