ตอนที่ 99 กู้หมิงฉือใช้เงินแก้ปัญหา

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 99 กู้หมิงฉือใช้เงินแก้ปัญหา

ตอนที่ 99 กู้หมิงฉือใช้เงินแก้ปัญหา

หลังจากขึ้นไปบนภูเขา ซูเถาก็เดินสำรวจไปรอบ ๆ โรงแรม และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะสร้างห้องให้ตัวเองที่ด้านหลังโรงแรม

เธอวางแผนง่าย ๆ เมื่อเดินเข้าไปที่ห้องอาหารชั้นแรก ก็จะเป็นประตูเปิดสองบ้าน และมีทางเดินสั้น ๆ อยู่ตรงกลาง พื้นที่ด้านซ้ายเป็นที่พักของเธอ และพื้นที่ด้านขวาจะเป็นส่วนห้องพักพนักงาน

เธอต้องการห้องที่มีขนาดเล็กลง เธอจึงสร้างแค่ห้องนอนธรรมดา 1 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง และห้องน้ำอีก 1 ห้อง

เมื่อเดินเข้ามาในทางเดินสั้น ๆ เลี้ยวไปทางซ้ายมือแล้วเปิดประตูเข้าไปก็จะเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะทำจากไม้เนื้อแข็งให้ความรู้สึกอบอุ่น มีทีวี โต๊ะกาแฟ โซฟานุ่ม ๆ และชั้นวางของ

เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างในก็จะเป็นในส่วนห้องนอนเล็ก ๆ มีเตียงคู่วางอยู่มุมห้อง แล้วก็มีตู้เสื้อผ้าที่มีความสูงจากพื้นจรดเพดาน

ห้องน้ำอยู่ตรงข้ามกับเตียงนอน มีประตูเลื่อนเข้า ด้านในมีอุปกรณ์ครบครัน

หลังจากตกแต่งห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำและเฟอร์นิเจอร์ มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,000 เหลียนปัง

ซูเถานอนลงบนเตียงเล็ก ๆ ในห้องใหม่ของเธอสักพัก จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นเปิดผ้าม่านในห้องนั่งเล่น และมองออกไปเห็นวิวหุบเขา

จัดเครื่องปรับอากาศอีกสักเครื่องแล้วกัน หลังจากอัปเกรดร้านค้าตกแต่งบ้าน ไม่เพียงแต่เครื่องปรับอากาศฝังเพดานเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้น เครื่องปรับอากาศแบบแขวนอีกด้วย มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาก

ซูเถาติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบแขวนไว้ในห้อง ราคา 3,000 เหลียนปัง ถ้าเปิดโหมดทำความเย็นสำหรับห้องนอนเล็กและห้องนั่งเล่นก็น่าจะเพียงพอ

เมื่อถึงเวลาที่เธอเปิดโรงแรม เธอก็สามารถมานอนที่ห้องนอนนี้แล้วเปิดเครื่องปรับอากาศ และเฝ้าดูผู้เข้าพักที่ขึ้นลงผ่านกล้องวงจรปิด เป็นเถ้าแก่ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง

กว่าจะทำเรื่องที่พักเล็ก ๆ ของเธอเสร็จก็เจ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว ซูเถาไม่อยากกลับไปกินอาหารเช้าที่เถาหยาง เธอจึงทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ตัวเองในห้องครัวด้านหลังของโรงแรม

ซูเถานั่งอยู่ในร้านอาหารที่ว่างเปล่าในชั้นแรก ในขณะที่เธอกินเธอก็ตั้งหน้าตั้งตารอความพลุกพล่านของสถานที่แห่งนี้ เป็นภาพที่นักท่องเที่ยวที่กำลังสั่งอาหาร หรือพนักงานในร้านกำลังคิดเงิน…

หลังจากที่เธอสร้างชั้น 5 แล้ว เธอจะเริ่มรับสมัครพนักงาน!

ซูเถาเต็มไปด้วยพลังอีกครั้ง เธอเริ่มต้นสร้างชั้นที่ 4 ของโรงแรม และในที่สุดเธอก็สร้างเสร็จก่อนที่คนของกู้หมิงฉือจะมา

นอกจากนี้เธอสร้างห้องพักพนักงานไว้ที่ด้านหน้าของโรงแรม เป็นห้องพักสำหรับสองคน ซึ่งสะดวกสำหรับแผนกงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมเนื่องจากทำงานกะ

เมื่อเธอมองไปที่จอแสดงผลกล้องวงจรปิด ก็เห็นว่าทุกคนมาถึงที่หน้าประตูแล้วจึงรีบลงลิฟต์ไปรับพวกเขา

ในเวลานี้ มีดวงจันทร์ที่มืดมิดและลมแรง พวกของหม่าต้าเพ่ารวม 5 คนเห็นกำแพงสูงและรั้วลวดหนามที่ปรากฏขึ้น พวกเขาก็รู้สึกงงเล็กน้อย พวกเขาจำได้ว่าภูเขาลูกนี้ เป็นที่กันดารมาก่อน

เมื่อนึกถึงการจัดการศพที่ได้รับมอบหมาย ทำไมพวกเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

หม่าต้าเพ่ากลืนน้ำลายลงคอ และกำลังจะกดกริ่ง เมื่อประตูเหล็กเปิดออกก็พบคนที่คุ้นเคยก็เดินออกมา

ซูเถาถามว่า “บอสกู้ส่งมาใช่ไหม?”

หม่าต้าเพ่าเบิกตากว่าง “คุณ คุณคือคนที่พี่กวานพามาวันก่อนใช่ไหม?”

เนื่องจากว่ามืดเกินไป ซูเถาเพ่งเล็งเขาเป็นเวลานานกว่าที่จะจำเขาได้ เธอเคยเจอเขาที่จุดแวะพักมาก่อน

ซูเถาคิดว่าพรุ่งนี้คงต้องติดไฟที่ถนน เพราะว่าหากมีแสงไฟไม่เพียงพอ เธอก็ไม่สามารถมองใครได้อย่างชัดเจน

“คุณนั่นเอง ใช่แล้ว เชิญเข้ามาก่อน ทำไมวันนี้คุณถึงรับงานบอสกู้ได้ล่ะ ไม่ต้องเรียกลูกค้าแล้วเหรอ?”

หม่าต้าเพ่าตอบอย่างเป็นกันเอง เขาเกาหัวแล้วพูดพร้อมหัวเราะ

“บอสกู้น่ะใจกว้าง เขาให้ค่าเคลื่อนย้ายศพคนละสองพันต่อคืน ซึ่งมันมากกว่าที่ผมได้จากการร้องเรียกลูกค้าอีก”

เมื่อซูเถาได้ยินดังนั้น คนดีจริง ๆ กู้หมิงฉือคนนี้รู้จักใช้เงินแก้ปัญหาดีมาก

เธอปิดปากและจมูกแล้วเปิดประตูโรงรถ “ถ้าอย่างนั้นเชิญเลยค่ะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกฉันได้”

หม่าต้าเพ่าไม่ได้สนใจกลิ่นเหล่านี้เลย เขาตอบรับพร้อมกับเดินเข้าไปกับคนอีก 4 คน

เมื่อซูเถาเปิดจอมอนิเตอร์ดู เธอก็เห็นภาพภายในโรงรถนั้นชัดเจน เธอหยุดมองไปที่สถานที่แห่งนั้น และเทเลพอร์ตตัวเองกลับไปที่เถาหยาง

เมื่อหลินฟางจือเห็นเธอกลับมา เขาก็รีบวางหนังสือลงและวิ่งไปยืนข้างหน้าเธอโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องมองเธอราวกับว่าไม่ได้เห็นเธอมาหลายร้อยปี

เสวี่ยเตาและพวกเฮยไป๋จือหม่าก็วิ่งเข้ามาหาเธอ พร้อมกับวิ่งวนไปรอบ ๆ ตัวเธอ

ซูเถาเอามือก่ายหน้าผาก มองดูการกระทำที่เหมือนเด็กของพวกมัน

เอาล่ะ ลองดูสักตั้งว่าถ้าเธอจะเทเลพอร์ตพวกมันไปด้วยกัน มันจะสามารถทำได้ไหม

เธอยื่นมือไปหาหลินฟางจือ

หลินฟางจือจับมือเธอเอาไว้ และแสดงห้วงมิติของตนเองให้ซูเถาดู

ซูเถาหัวเราะ “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้จะเอาของ นายแค่หลับตาก็พอ”

ในวินาทีถัดมา เธอและหลินฟางจือก็ปรากฏตัวขึ้นที่เชิงเขาผานหลิว และมีเสียงคนทั้งห้าที่กำลังทำความสะอาดโรงรถอยู่ข้างใน

หลินฟางจือมองไปรอบ ๆ ด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่าเขาเคยมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้

เมื่อซูเถาเห็นว่าประสบความสำเร็จแล้ว เธอก็ดีใจมาก ในอนาคตเธอสามารถพาหลินฟางจือไปไหนมาไหนด้วยได้ เขาจะได้ไม่ต้องเป็นเด็กที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลัง

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าหลินฟางจือสามารถมาที่นี่ได้ นั่นก็หมายความว่าเขาก็น่าจะสามารถนำสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ในมิติของเขาออกมาได้

“ฟางจือ นำขวดน้ำจากห้วงมิติมาให้ฉันหนึ่งขวด”

หลินฟางจือหยิบขวดน้ำออกมาให้ซูเถาอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับคลายฝาเกลียวและมอบให้เธอ

ซูเถามีความสุขมากขึ้น มันสามารถทำได้จริง ๆ เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ เธอดื่มน้ำอึกใหญ่อย่างมีความสุข

รอผลผลิตของไร่เถาหยางเพิ่มขึ้น พอสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ผักบางชนิดที่สามารถใส่เข้าไปในห้วงมิติของฟางจือ เธอก็จะนำไปขายที่ภูเขาผานหลิว

ราคาจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นซูเถาก็นำเสวี่ยเตา เฮยจือหม่า และไป๋จือหม่ามาที่นี่ด้วย

มันค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เพราะสามารถพามาได้แค่ครั้งละ 1 ตัว เท่านั้น เธอต้องกลับไปกลับมาหลายรอบจนปวดหัว

เมื่อเธอพิจารณาแล้วว่าหลินฟางจือน่าจะมาที่นี่บ่อย ๆ เธอจึงสร้างห้องเล็ก ๆ ให้เขาที่ภูเขาผานหลิวเหนือห้องนั่งเล่นของเธอ โดยมีบันไดเล็ก ๆ ให้เขาสามารถปีนขึ้นไปได้

เธอทำเป็นเตียงสองชั้น ชั้นบนวางที่นอน ส่วนชั้นล่างเป็นโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือ

แล้วก็มีห้องน้ำเล็ก ๆ แยกต่างหาก รูปแบบการตกแต่งคล้าย ๆ กับห้องเธอ

ซูเถาพาหลินฟางจือปีนขึ้นไป และค่อย ๆ แนะนำเขาทีละอย่าง และในที่สุดเธอก็พูดอย่างจริงจัง

“ด้านล่างเป็นห้องของฉันนะ ใกล้นิดเดียว แต่ว่าตอนกลางคืนห้ามแอบลงมานอนที่หน้าประตูห้องฉันนะเข้าใจไหม ไม่งั้นฉันจะย้ายห้องนายไปที่ห้องพักพนักงานฝั่งตรงข้าม ถึงเวลานายก็ต้องเดินมาหาฉัน”

หลินฟางจือเม้มปากและพยักหน้าภายใต้การจ้องมองของเธอ

ซูเถากล่าวว่า “เก่งมาก งั้นคืนนี้พวกเราจะนอนกันที่นี่แหล่ะ”

หลินฟางจือพยักหน้า

ซูเถาเรียกเสวี่ยเตาและเฮยจือหม่า

เสวี่ยเตาที่กำลังขุดหลุมอยู่บนภูเขา ก็รีบกลับมาทันทีที่เธอตะโดนเรียก

ส่วนเฮยจือหม่า เมื่อมันมาถึงสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ มันก็จะตระเวนไปทั่ว รอให้มันคุ้นเคยก่อนมันถึงจะกลับมาเอง

ซูเถาไม่สนใจมัน เธอเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับไป๋จือหม่าที่น่ารักที่เกาะติดเธอแน่น

เมื่อรุ่งเช้าวันถัดไปซูเถาตื่นขึ้น เมื่อเธอเปิดประตูเธอก็เห็นหลินฟางจือนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น โดยที่จวงหว่านเป็นคนมอบหนังสือเล่มในให้แก่เขา มันเป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กที่วาดโดยเฉินซีและเฉินหยางสมัยเด็ก ๆ มันไม่ได้มีตัวอักษรใด ๆ

หม่าต้าเพ่าที่ทำงานอยู่ที่เชิงเขา ส่งข้อความมาบอกเธอว่าเขาได้จัดการทุกอย่างเรียนบร้อยหมดแล้ว

ซูเถาบอกกับหลินฟางจือสองสามคำแล้วก็รีบลงจากเขาไป

หม่าต้าเพ่าทำงานไม่เลวทีเดียว ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ เขาไม่เพียงแต่ขนศพทั้งหมดไปทิ้งให้เธอ แต่เขายังเผาและไปฝังกลบไว้ในที่ห่างไกล กำจัดกลิ่นในโรงรถให้เธอ ทั้งยังมอบกระเป๋าหนังงูให้เธออีก 1 ใบอีกด้วย

“เถ้าแก่ซู นี่คือสิ่งของทั้งหมดของคนตาย ของบางอย่างของพวกเขายังอยู่ในสภาพดี ผมไม่กล้าทิ้ง ก็เลยเก็บเอาไว้แล้วเอามาให้คุณเป็นคนจัดการ”

ซูเถาเปิดกระเป๋าและมองดูข้างใน มันมีกระเป๋าสตางค์ เครื่องมือสื่อสาร และของกระจุกกระจิกอื่น ๆ

และมีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ล็อกเก็ตรูปถ่ายขนาดเล็ก เธอวางมันไว้บนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง มันเป็นรูปของพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง