ตอนที่ 100 อดีตของหลิวพ่านพ่าน
ตอนที่ 100 อดีตของหลิวพ่านพ่าน
ซูเถาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบล็อกเก็ตขนาดเล็กนั่นขึ้นมาแล้วพบว่ามันเชื่อมอยู่กับเครื่องมือสื่อสาร
ส่วนเครื่องสื่อสารนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง และหน้าจอก็แตกละเอียด
ซูเถามองที่รูปถ่าย มองดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแม่ลูกในรูปถ่าย นี่ใช่หลิวพ่านพ่านหรือเปล่า?
เด็กชายตัวน้อยอายุสี่หรือห้าขวบที่ยืนข้าง ๆ เธอ คือลูกชายที่จากไปแล้วของเธอหรือเปล่า?
การมาเจอที่นี่ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ
ซูเถาเก็บมันไว้อย่างดี หลังจากนั้นเธอก็ค้นดูในกระเป๋าหนังงูนั่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้นเธอจึงคืนกระเป๋าให้หม่าต้าเพ่า
“หาที่ฝังไว้ที่ใต้เขานี่แหละ”
หม่าต้าเพ่าสับสนเล็กน้อย “เครื่องมือสื่อสารข้างในนั่นมันเอาไปขายได้ ถ้าคุณไม่เอายกให้ผมได้ไหม?”
ซูเถาส่ายหัว “ไม่ได้ อย่าเอาสิ่งของของคนตายไป แต่ให้นำไปฝังไว้ พวกเขาล้วนเป็นคนที่น่าสงสารในวันสิ้นโลก บางทีเขาอาจมีญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ และพวกเขาก็อาจอยากได้ของเหล่านี้คืน”
หม่าต้าเพ่ายอมแพ้ เขาถูมือของตัวเองพร้อมกับถามซูเถา
“เถ้าแก่ซู ข้าง ๆ นี้เป็นห้องเฝ้ายามใช่ไหม?”
พอดีเมื่อคืนมันมืดเกินไปเขาเลยมองได้ไม่ชัดเจนนัก พอฟ้าสว่างเขาถึงได้รู้ว่ามันเป็นห้องเฝ้ายามที่มีโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ โซฟา และตู้กดน้ำดื่ม!
งานเฝ้ายามนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเขามองอีกครั้ง ก็เห็นตู้จ่ายน้ำมันและแท่นชาร์จ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของใหม่เอี่ยม!
หม่าต้าเพ่าเริ่มได้กลิ่นของเงิน
เถ้าแก่ซูคนนี้ทั้งรวยและมีเส้นสาย!
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
หม่าต้าเพ่าตาเป็นประกาย
“คุณต้องการสร้างจุดแวะพักใช่ไหม กำลังขาดกำลังคนหรือเปล่า? คุณว่าผมเหมาะสมไหม ผมความจำดีนะ เจอกันแค่ครั้งเดียวผมก็จำได้แล้ว ผมมีประสบการณ์มากมาย ทั้งรถเล็กรถใหญ่ที่เข้า ๆ ออก ๆ ทั้งกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ พวกกลุ่มทหารรับจ้าง ผมสามารถแยกแยะได้หมด ทั้งความดีความชั่ว คนดีคนไม่ดี ดังนั้นผมน่าจะรักษาความปลอดภัยให้คุณได้”
ซูเถาชำเลืองมองอีกฝ่าย “ถ้าคุณมีประสบการณ์มากขนาดนี้ ทำไมคุณไม่ทำงานที่จุดแวะพักเดิม บางทีคุณอาจจะก้าวหน้าก็ได้นะ”
หม่าต้าเพ่าตบต้นขาตนเองดังฉาด
“เถ้าแก่ซู ผมไม่กลัวคุณจะดูถูกผมหรอกนะ ผมทำงานให้พวกเขามาหกปีแล้ว ผมก็ยังเป็นแค่คนเรียกลูกค้าที่หน้าประตู ผู้คนที่จุดแวะพักกอดตำแหน่งแน่น คนที่เป็นผู้ดูแลก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ ใครจะปีนขึ้นไปก็ลำบาก”
ซูเถาถาม “มีคนมากมายตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณเหรอ? พวกเขาเองก็ทำงานที่จุดแวะพักเก่ามาหลายปีแต่ไม่มีทางไปอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ไม่น้อยนะ ก็มีคนที่มากับผมวันนี้ 4 คน คนหนึ่งซ่อมรถได้ อีกสองคนอ่านออกเขียนได้ แล้วก็มีผู้ที่มีพลังวิเศษอีกคน ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขานั้นดีมาก พวกเขาระส่ำระสายมาหกเจ็ดปีแล้ว ตอนนี้ก็เหมือนกับผมนั่นแหละ มารับงานเสริมจัดการเก็บซากศพ”
ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาล่ะ งั้นคุณช่วยฉันหาคนมาสักสองสามคน เอาคนที่มีความสามารถในการทำอาหารก่อน อายุมากหน่อย และจะดีมากถ้าเป็นคนที่เคยทำอาหารก่อนวันสิ้นโลก แล้วก็หาสาวสวยมาอีกสองคน เพื่อมาเป็นพนักงานต้อนรับในส่วนด้านหน้าของโรงแรม แล้วก็แม่บ้านอีกสองคน ขอคนที่มีไหวพริบและรักในการทำความสะอาด ไม่จำกัดอายุหรือเพศ มีอาหาร มีที่พักให้ เงินเดือนต่อรองได้”
ในที่สุดเธอก็ให้คำมั่นสัญญาว่า “ถ้าคุณทำได้ดีในการหาบุคลากรมาอยู่เคียงข้างฉันเพื่อแบ่งเบาในเรื่องต่าง ๆ ฉันจะตอบแทนคุณอย่างดีแน่”
ดวงตาของหม่าต้าเพ่าเบิกกว้างเมื่อได้ยินว่ามีสวัสดิการรวมถึงอาหาร
ซูเถาพาเขาขึ้นลิฟต์ และเริ่มแนะนำเขาทีละจุด
“มีห้องอยู่ติดกับแผนกต้อนรับ ซึ่งมีเตียงคู่และตู้เสื้อผ้า มีห้องน้ำแยก แผนกต้อนรับเป็นผู้หญิงทั้งสองคน ทั้งกะกลางวันและกลางคืน ต้องเปลี่ยนเวรกัน และต้องมีคนไม่ขาดตลอด 24 ชั่วโมง”
ดวงตาของหม่าต้าเพ่าฉายแววความแน่วแน่!
เขากดถ่ายรูปสองรูป “เถ้าแก่ซู อย่ารับสมัครง่ายเกินไปนะ ในสถานการณ์แบบนี้ นับประสาอะไรกับเงินเดือน อาจมีคนมาจ่ายเงินให้คุณก็ได้”
ซูเถายิ้ม “นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องการให้คุณช่วยคัดเลือกคนให้ ไม่เอาคนที่นิสัยไม่ดีและมีพฤติกรรมที่ไม่ดี”
หลังจากพูดจบเธอก็พาไปดูห้องอาหารที่ชั้นแรก ครัวหลังโรงแรม และส่วนอื่น ๆ
ยิ่งหม่าต้าเพ่ามอง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าโอกาสที่จะเติบโตมาถึงแล้ว!
สภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ของจุดแวะพักที่เก่า เมื่อภูเขาผานหลิวเปิดขึ้น ตราบใดที่ราคาไม่สูงเกินไป แขกจะเลือกพักที่ไหนคงไม่ต้องพูด
ธุรกิจไปได้ดี เขาได้เป็นรัฐบุรุษของภูเขาผานหลิว อนาคตของเขาต้องสดใสแน่
เลือดของหม่าต้าเพ่าพลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เขามุ่งมั่นที่จะตามหาใครสักคนมาทำงานให้ซูเถา
หลังจากที่ซูเถาแนะนำเขาเสร็จ ก็ให้เขากลับไป แล้วเธอก็ไปทำการปรับปรุงโรงรถชั้นใต้ดินอย่างรวดเร็ว
พื้นดินที่แต่เดิมเต็มไปด้วยคราบเลือดและสิ่งสกปรก ถูกปูใหม่ด้วยกระเบื้องปูพื้น ที่จอดรถถูกแบ่งสัดส่วนใหม่ และผนังทั้งหมดถูกทาสีใหม่อีกครั้ง
ในที่สุดก็สามารถเข้ามาในนี้ได้แล้ว โรงจอดรถนี้ ไว้สำหรับให้ขบวนรถที่ไปมาเข้ามาจอด ซึ่งสะดวกมาก
การก่อสร้างที่ภูเขาผานหลิวคืบหน้าไป 80% แล้ว นอกจากนี้ยังมีหอพักพนักงาน ห้องน้ำสาธารณะ และที่อยู่อาศัยบนชั้นห้าที่ยังไม่ได้ทำการก่อสร้าง
ซูเถาตัดสินใจว่าจะชะลอเอาไว้ก่อน รอจนกว่าบุคลากรทั้งหมดจะได้รับการยืนยัน จากนั้นเธอจึงจะทำทุกอย่างให้เสร็จในคราวเดียวแล้วทำการเปิดกิจการทันที
เมื่อเธอกลับถึงห้องที่เถาหยางก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ซูเถาแตะล็อกเกตเล็ก ๆ ที่อยู่ในกระเป๋า แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเคาะห้องผู้อาวุโสเหม่ย
หลิวพ่านพ่านเป็นคนเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าเป็นซูเถา หลิวพ่านพ่านก็คลี่ยิ้มกว้าง และเชิญซูเถาเข้าไปในห้อง
“ผู้อาวุโสเหม่ย เถ้าแก่ซูมาค่ะ”
“เถ้าแก่ซู เข้าไปนั่งข้างในก่อนค่ะ”
ซูเถาเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น มองไปรอบ ๆ ห้องที่สะอาดสะอ้าน หลิวพ่านพ่านจัดทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอเห็นแล้วรู้สึกดีไม่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะวันสิ้นโลก หลิวพ่านพ่านน่าจะมีครอบครัวที่มีความสุข มีสามีที่รักเธอ และลูกชายที่น่ารัก…
ซูเถาบีบล็อกเก็ตที่อยู่ในกระเป๋าอีกครั้ง และในที่สุดก็หยิบออกมา
“พี่พ่าน สิ่งนี้เป็นของพี่หรือเปล่าคะ?”
เดิมทีใบหน้าของหลิวพ่านพ่านเปื้อนไปรอยยิ้ม แต่ทันทีที่เธอเห็นล็อกเก็ต รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ชะงักทันที
ซูเถาถอนหายใจ เธอรู้ว่าสิ่งนี้เหมือนมีดคมที่สามารถกรีดเปิดแผลของหลิวพ่านพ่านได้เพียงครั้งเดียว
หลิวพ่านพ่านหยิบมันขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “…ใช่ มันเป็นของฉัน คุณเจอมันที่ไหน”
ซูเถากล่าวว่า “ภูเขาผานหลิว ในสถานที่ที่ห่างไกล”
หลิวพ่านพ่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนจากความเศร้าเป็นความตกใจ แล้วก็ทรุดตัวลง
เธอปิดหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่น “ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว พวกเขาโกหกฉัน ตอนนั้นเยี่ยนเยี่ยนของฉันยังไม่ตาย พวกเขาทิ้งเยี่ยนเยี่ยนไว้ที่โรงรถโดยไม่บอกฉัน”
ซูเถาก็ตกตะลึงเช่นกัน
เรื่องราวมันเป็นมายังไง?
หลิวพ่านพ่านเต็มไปด้วยน้ำตาและพูดว่า
“เมื่อตอนเดือนมกราคมปีนี้ ฉันหนีไปที่ตงหยางกับคนกลุ่มหนึ่ง เมื่อผ่านภูเขาผานหลิว เยี่ยนเยี่ยนก็ถูกซอมบี้จับไป ฉันกังวลมากจนล้มป่วย เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อนที่มาด้วยกันบอกว่าเยี่ยนเยี่ยนตายแล้ว”
“แต่ฉันเพิ่งดูที่ล็อกเก็ตนี้ มีกลไกเล็ก ๆ อยู่ข้างหลัง กดมันเพื่อเปิดยาที่เยี่ยนเยี่ยนต้องกินเป็นประจำ เขาเป็นเนื้องอกในกระดูกแต่กำเนิด ยาที่อยู่ข้างในนั้นถูกกินจนหมดแล้ว มีแค่ฉันและลูกเท่านั้นที่รู้กลไกนี้ เห็นได้ชัดว่าตอนที่เขาจากฉันไป เขายังมีชีวิตอยู่…”
“ไร้สาระสิ้นดี ฉันนึกว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆ ทั้งยังฝังเสื้อผ้าที่เขาเคยใส่ แม้แต่พระเจ้าก็รู้ว่าเขายังเด็กมาก เขาใช้เวลาอยู่ในโรงรถที่ทั้งมืดและเย็นได้ยังไง…”