ตอนที่ 101 ตอนนี้เถาหยางเป็นความศรัทธาของทุกคน
ตอนที่ 101 ตอนนี้เถาหยางเป็นความศรัทธาของทุกคน
ซูเถาไม่รู้ว่าสิ่งที่น่าเศร้านั้นซ่อนอยู่ในล็อกเก็ตขนาดเล็ก
เมื่อสายตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเยี่ยนเยี่ยนในภาพถ่าย จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับว่าเคยเห็นเขามาก่อน
แต่หลังจากคิดดูแล้ว หลิวพ่านพ่านกับเขาเป็นแม่ลูกกัน บางทีความคล้ายคลึงนี้คงสร้างภาพลวงตาให้กับเธอ
ซูเถาพยายามปลอบโยนอีกฝ่ายและพูดว่า “บางทีเยี่ยนเยี่ยนอาจจะยังมีชีวิตอยู่ คุณต้องการตามหาเขาไหมคะ?”
หลิวพ่านพ่านสะอื้นและส่ายหัว “มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นเขาติดเชื้อแล้ว แม้ว่าเขาจะรอดจากระยะติดเชื้อและรักษาตัวได้ เขาก็ต้องเจ็บปวดเพราะเนื้องอกในกระดูก แพทย์บอกว่าเขาคงไม่มีชีวิตอยู่ถึงห้าขวบ…. ฉันยังรู้สึกว่า การที่เขาติดเชื้อเป็นซอมบี้ยังดีกว่าถูกทรมานด้วยโรคร้าย”
ซูเถาทนฟังไม่ได้ เด็กน้อยผู้นี้ถูกแยกจากแม่ของเขา และอยู่ในยุควันสิ้นโลก เป็นไปไม่ได้จริง ๆ ที่เด็กน้อยคนนี้จะมีชีวิตอยู่รอดได้นานขนาดนี้
ผู้อาวุโสเหม่ยที่เข็นรถเข็นออกมาคงจะได้ยินเรื่องราวนี้แล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ
หลิวพ่านพ่านร้องไห้อยู่พักใหญ่ จากนั้นก็เช็ดน้ำตาและพยายามเข้มแข็ง ก่อนจะเอ่ยขอบคุณซูเถา
“เถ้าแก่ซู ขอบคุณจริง ๆ ฉันคิดไว้แล้วว่าเยี่ยนเยี่ยนจะต้องทนทุกข์ทรมานทุกวันที่เขามีชีวิตอยู่ ความตายเท่านั้นที่จะทำให้เขาพ้นทุกข์ ฉันหวังว่าทั้งเขาและฉันจะได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีกในชาติหน้า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูเถาก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อเธอกลับไปที่ห้อง เธอก็ยังคงคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ และหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการของโรคเนื้องอกในกระดูกทางอินเทอร์เน็ต เมื่ออาการรุนแรงจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดและเกิดอาการบวมอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
มันโหดร้ายเกินไปที่จะแบกรับโชคชะตานี้ไว้ตั้งแต่สี่ขวบ
ไม่แปลกใจเลยที่หลิวพ่านพ่านยอมรับการตายของเยี่ยนเยี่ยนอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะเธอเฝ้าดูลูกต้องทนทุกข์ทรมานวันแล้ววันเล่า และหวังว่าเขาจะยุติความเจ็บปวดโดยเร็วที่สุด
เพราะว่าแม่ไม่สามารถช่วยชีวิตของลูกไว้ได้ และเธอก็ตกอยู่ในภาวะจำยอมให้ลูกจากไป
ซูเถาลูบศีรษะของหลินฟางจือโดยไม่รู้ตัว “นายต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงนะ ฉันจะได้หายห่วง เข้าใจไหม?”
ฟลินฟางจือพยักหน้า
ก่อนเข้านอนในตอนกลางคืน ซูเถายังคงเห็นภาพใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูคุ้นเคยของเยี่ยนเยี่ยนในภาพถ่ายเป็นระยะ ๆ จากนั้นเธอก็ส่ายหัวไล่คำพูดนั้นออกไปและกำลังจะนอนลง แต่จู่ ๆ เผยตงก็โทรเข้ามา
ซูเถาลุกขึ้นนั่งแล้วกดรับสายทันที
เผยตงน่าจะยังอยู่ข้างนอก เพราะเสียงของเธอเจือด้วยเสียงสายลมอันเยือกเย็น
“ฉันได้รับกล้องวงจรปิดแล้ว ขอบคุณมากนะ ฉันกำลังต้องการมันอย่างเร่งด่วน แล้วก็พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเย่เซี่ยชิง เธอขอให้ฉันเชิญเธอไปงานวันเกิดของเธอ”
เย่เซี่ยชิง?
ซูเถานึกย้อนกลับไป และจำได้ว่าเป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความสดใส และมีชีวิตชีวาในวัยยี่สิบต้น ๆ ที่อยู่ข้างกายเผยตงและตอนนั้นก็มาเถาหยางเพื่อทานซาวเข่าด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่อาคารสำนักงานที่เถาหยางถูกสร้างขึ้น เย่เซี่ยชิงรู้สึกอิจฉามาก โดยกล่าวว่าน่าเสียดายที่เธอไม่เคยไปโรงเรียน เธอเขียนหนังสือไม่ได้แม้แต่ตัวอักษรเดียว และดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกระหายในความรู้ทางวัฒนธรรม
ซูเถาตอบตกลงทันที “ตกลง”
เผยตงที่ปลายสายหัวเราะ “เซี่ยชิงต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เซี่ยชิงชอบเธอมาก ฉันจะไปรับเธอก่อนอาหารเย็นวันพรุ่งนี้”
หลังจากพูดจบเธอก็ทำเสียงเคร่งขรึม
“มีอีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ เคียวโลหิตได้รุกรานชายแดนตงหยางของเราบ่อยครั้ง มีการปะทะกันหลายครั้งและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เธอควรเพิ่มความระมัดระวังที่เถาหยางให้มากกว่านี้”
ซูเถาตอบกลับ “ฉันเข้าใจแล้ว แล้วกำแพงเมืองคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
“ยังสร้างไม่ถึง 1 ใน 5 เลย ตอนนี้สร้างไปทำการสู้รบไป ก็เลยช้าลงหน่อย”
ซูเถารู้สึกกังวลแทนอีกฝ่าย “งั้นมันเป็นไปไม่ได้เหรอที่จะสร้างให้เสร็จในปีหน้า? ฉันก็ช่วยพี่ไม่ได้เหมือนกัน เมื่อครั้งก่อนฉันเองก็เพิ่งรู้ว่ากำแพงของฉันสร้างได้เฉพาะในเถาหยางเท่านั้น เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะถูกฝังอยู่ในดิน ไม่สามารถนำออกไปนอกเถาหยางได้”
เดิมทีคิดว่าหลังจากปลดล็อกร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้างแล้ว เธอจะสามารถช่วยตงหยางได้ แต่กลับกลายเป็นว่าความคิดของเธอนั้นง่ายเกินไป
มันไม่ใช่อาณาเขตของเธอ เธอทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
เผยตงก็ไม่เคยคิดจะขอให้เธอช่วย ดังนั้นเธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องของตงหยางหรอก มันเป็นความรับผิดชอบของกองกำลังปกป้องเมืองและกองทัพบุกเบิก คุณแค่ต้องปกป้องสวรรค์ของคุณ ตอนนี้เถาหยางเป็นความศรัทธาของทุกคน”
ซูเถาตกตะลึง “ศรัทธา?”
น้ำเสียงของเผยตงอ่อนลง “สถานการณ์ความรุนแรงในวันสิ้นโลกนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งอาหาร น้ำดื่ม อุณหภูมิที่สูงขึ้น ไหนจะซอมบี้ที่ทรงพลัง ความสิ้นหวังมันมีอยู่ทุกที่ ผู้คนในตงหยางมีความหวังอยู่ในใจของพวกเขา พวกเขาอยากที่จะอยู่ให้ห่างกับความยากลำบากในวันสิ้นโลกนี้ ไปในที่ที่เหมือนสวรรค์ที่คุณได้สร้างขึ้นมา เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
“เมื่อเทียบกับฐานอื่น ๆ อัตราการฆ่าตัวตายของตงหยางต่ำมาก แม้แต่ฉางจิงผู้มั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองก็ไม่มีความมั่นคงของประชาชนเหมือนกับเรา”
“ซูเถา เธอเป็นคนนำสิ่งพวกนี้มาให้พวกเรา”
หัวใจของซูเถาเต้นเร็วขึ้น เหมือนเลือดในใจของเธอสูบฉีดขึ้นมาอีกครั้ง
หายากที่เผยตงจะมีมุมอ่อนโยน “นี่ก็ดึกแล้ว เข้านอนเถอะ ฝันดี”
หลังจากวางสาย ซูเถาก็ลูบจมูกตนเองเบา ๆ แล้วล้มตัวลงนอน จากนั้นก็ลุกขึ้นอีกครั้ง เธออุ้มเฮยจือหม่าไป๋จือหม่าไว้ในอ้อมแขนแล้วหอมพวกมันหนึ่งฟอด
วันรุ่งขึ้นจวงหว่านทนไม่ได้กับคำถามและคำกระตุ้นจากผู้เช่า เธอจึงมาหยุดที่ประตูห้องของซูเถาและถามว่า
“เถ้าแก่ที่รัก ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว เรายังไม่ได้ปล่อยห้องว่างสักห้อง ฉันถูกผู้คนถามเข้ามาวันละไม่ต่ำกว่า 800 คน ฉันทนไม่ได้แล้ว ได้โปรดช่วยฉันด้วย เปิดห้องเดี่ยวไม่ก็ห้องคู่สักห้องเถอะ”
ปฏิกิริยาแรกของซูเถาคือการตรวจสอบสภาพคล่องของเธอ
เหลือเงินอยู่หนึ่งแสนกว่าเหลียนปัง
จะต้องใช้เงินประมาณ 50,000 ถึง 60,000 เพื่อสร้างภูเขาผานหลิวให้เสร็จสมบูรณ์
ที่เหลืออีกกว่า 40,000 สามารถนำไปขยายห้องได้
แต่มันจำเป็นต้องเพิ่มลิฟต์ ไม่เช่นนั้นจำนวนชั้นจะสูงเกินไป และการขึ้นบันไดก็ไม่สะดวกสบาย
เธอถามจวงหว่าน “ห้องประเภทไหนเป็นที่ต้องการมากกว่ากัน?”
จวงหว่านพูดโดยไม่ลังเล “มีความต้องการสูงทุกประเภท แต่ถ้าต้องการเปรียบเทียบจริง ๆ ความต้องการห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นนั้นสูงที่สุด ห้องประเภทนี้คุ้มค่าที่สุดและสามารถรองรับได้ครอบครัวละสามคนหรือสี่คน”
ซูเถาอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
งบประมาณ 40,000 เหลียนปังเพียงพอที่จะขยายได้ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นได้แค่ 1.5 ห้องเท่านั้น ไม่ถึง 2 ห้องด้วยซ้ำ
“พรุ่งนี้ฉันจะรายงานจำนวนห้องให้ทราบ ฉันขอคำนวณก่อน” เถ้าแก่ผู้น่าสงสารต้องการคำนวณอย่างรอบคอบ
เมื่อซูเถากลับไปที่ห้อง เธอก็ส่งตัวเองและเหล่าลูก ๆ ไปที่ภูเขาผานหลิว
เธอสร้างชั้นที่ห้าของโรงแรมในคราวเดียว แล้วปิดการก่อสร้าง!
จากนั้นก็สร้างห้องน้ำสาธารณะทั้งหมด 6 ห้อง
มีการสร้างหอพักสำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่ด้านบนของห้องเฝ้ายาม เมื่อขึ้นบันไดไปจะพบกับห้องคู่
และสุดท้าย ห้องคู่ 2 ห้องถูกสร้างขึ้นในบริเวณหอพักพนักงานทางด้านขวาที่อยู่ด้านหลังโรงแรม เธอวางแผนให้พ่อครัวและพนักงานทำความสะอาดสองคนอยู่อาศัย
ภูเขาผานหลิวเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องทยอยสร้าง
ตอนนี้รอให้หม่าต้าเพ่าหาคนมาทำงาน
เธอตรวจสอบยอดเงินอีกครั้ง เหลือเงิน 60,000 เหลียนปัง!
อย่างน้อยก็พอที่ขยายห้องได้
แต่วันนี้น่าจะไม่ทันแล้ว เพราะรถของเผยตงรออยู่นอกเถาหยางแล้ว
ซูเถารีบส่งคน สุนัขและแมวทั้งหมดกลับไป เธอชำระล้างร่างกายของตัวเอง พร้อมกับเอาของขวัญไปให้เย่เซี่ยชิงด้วย ลงไปชั้นล่างและกระโดดขึ้นรถของเผยตง
กวานจือหนิงนั่งอยู่เบาะหลังและเห็นได้ชัดว่าเธอรอเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังรีบ จึงถามว่า
“ทำไมช่วงนี้คุณหายหน้าหายตาไป คุณยุ่งอะไรอยู่”
ซูเถาพูดอย่างเป็นกันเอง “ยุ่งอยู่กับการกอบกู้โลก ทำไมคุณถึงไปที่นั่นมือเปล่า? ไปกินอย่างเดียวเหรอ?”
กวานจือหนิงตะคอก “ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
ขณะที่พูดก็หยิบถังใบเล็ก ๆ ขึ้นมาจากพื้น และเมื่อเปิดออกก็มีไอเย็นลอยขึ้นมา มีของเป็นก้อน ๆ สีสันอยู่ในนั้น
“ฉันซื้อไอศกรีมแต่ละรสชาติมาส่วนหนึ่ง เมื่อนำมาเทรวมกัน จะได้ไอศกรีมถังใหญ่ เซี่ยชิงจะต้องชอบแน่ ๆ”
ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่ง “น่าภาคภูมิใจจริง ๆ”
งานเลี้ยงวันเกิดของเย่เซี่ยชิง ถูกจัดขึ้นในหอพักทหาร มีหญิงสาว 6 คนอาศัยอยู่ในห้องที่มีขนาดไม่ถึง 10 ตารางเมตร
ห้องนั้นเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อซูเถามาถึง เย่เซี่ยชิง ผู้เป็นเจ้าของวันเกิดยังไม่ได้ส่งเวร เธอยังคงทำหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ห่างออกไปสามกิโลเมตร
เขตตะวันตกที่ยังไม่สร้างกำแพงเมือง จำเป็นต้องทำหน้าที่เป็น ‘กำแพง มนุษย์’ เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เคียวโลหิตจู่โจมและทำลายกำแพงเมืองที่กำลังก่อสร้าง และเพื่อปกป้องชีวิตรวมถึงทรัพย์สินของชาวตงหยาง
ซูเถามองรูปภาพของเย่เซี่ยชิง และทหารหญิงคนอื่น ๆ ที่แขวนอยู่บนผนังที่เป็นหลุมเป็นบ่อของหอพัก พวกเธอทั้งหมดมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์
ก่อนที่เย่เซี่ยชิงจะกลับมา สหายและพี่สาวต่างก็วางเค้กอย่างตื่นเต้น แม้กระทั่งเป่าลูกโป่งและพันริบบิ้นรอบ ๆ เค้ก
จากนั้นพวกเธอก็พูดคุยกันถึงวิธีการจับตัวเย่เซี่ยชิงปิดตา จะพูดอย่างไร และทำเซอร์ไพรส์อะไรดี
หอพักที่เรียบง่ายเต็มไปด้วยบรรยากาศของงานวันเกิด
ซูเถากับทุกคนตื่นเต้นและเริ่มตั้งตารอ
แต่รอมาสักพักแล้ว ผ่านเวลาไปเกือบชั่วโมง เจ้าของวันเกิดก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมา