ตอนที่ปิคอัพสองคันของครอบครัวเหล่าฉินเลี้ยวเข้าทางภูเขาเล็ก ๆ เส้นนี้แล้วเห็นขบวนรถของตระกูลจินได คิดอยากจะถอยออกไปแต่ไม่ทันแล้ว

  คืนนี้จวนจะคืนกลับอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับเรื่องซวยประเภทนี้

  ชิ่งเฉินไม่เข้าใจเลยว่าครูจะทาฝุ่นบนหน้าทำไม

  ขณะนี้ขบวนรถสองกลุ่มพบเจอกัน ถ้าข้างหน้าคือตระกูลจินได ถึงแม้อีกฝ่ายจะจำครูซึ่งเป็นคนที่เร้นกายมาหลายปีไม่ออก แต่จินได โซราเนะจะต้องสามารถจำตนเองออกแน่ ๆ

  ทาฝุ่นนิดหน่อยก็ไม่มีผลอันใด

  หลี่ซูถงเหมือนจะมองทะลุความคิดของเขา จึงลดเสียงยิ้มเอ่ยว่า “วางใจ คนคนนั้นที่สามารถจำเธอออกไม่ได้อยู่ในขบวนรถของจินไดเลย”

  ชิ่งเฉินผ่อนลมหายใจ

  ประเทศจีนโลกภายนอกมีเมือง 19 เมืองตรงกันกับกับโลกภายใน แต่ในความเป็นจริง ทั้งสหพันธรัฐมีเมือง 25 เมือง หกเมืองในนั้นแบ่งกันถูกจินไดกับตระกูลคาชิมะควบคุม ตรงกับหกเมืองของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

  แต่สองตระกูลนี้ล้วนเป็นคนนอกที่อพยพมา ดังนั้นตระกูลหลี่, ตระกูลเฉิน, ตระกูลชิ่งล้วนไม่ยอมรับพวกเขามาโดยตลอด

  หลี่ซูถงกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ตอนแรกสุด ตระกูลจินไดคล้ายจะเป็นราชวงศ์บนประเทศเกาะ หลังจากอพยพมาถึงจะไม่มีธรรมเนียมศักดินา แต่ที่จริงมีนามสกุลใหญ่หลายสกุลรับใช้พวกเขามาโดยตลอด นามสกุลใหญ่หลายอันนี้ถึงตอนนี้ก็ยังมี ทาคาฮาชิ, ยามากุจิ, อิโนะอุเอะ, มุโตะ……หลายร้อยปีแล้ว ตระกูลเหล่านั้นล้วนเป็นตระกูลบริวารของจินไดมาโดยตลอด”

  ชิ่งเฉินถามว่า “ตระกูลจินไดใหญ่ยักษ์เลยเหรอครับ”

  ”ธุรกิจครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง” หลี่ซูถงกล่าว

  ระหว่างที่พูด ชิ่งเฉินเห็นราง ๆ ว่าข้างหน้ารถออฟโร้ดสีดำมีเต้นท์ขนาดมหึมา รวมทั้งกองไฟที่ส่ายไหว เหมือนกับว่าอีกฝ่ายตั้งเต้นท์อยู่ที่นี่แล้ว

  ชายที่สวมสูทดำทั้งตัวหลายคนเคลื่อนมาใกล้ขบวนรถครอบครัวเหล่าฉิน บนหูพวกเขาติดชุดหูฟังสื่อสาร ตอนที่เดิน ชิ่งเฉินยังสามารถได้ยินเสียงโลหะเสียดสีกันของอวัยวะจักรกลดังออกมาจากใต้เสื้อผ้าของพวกเขาด้วย

  ฉินเฉิงกล่าวลงในวิทยุสื่อสารว่า “ทั้งหมดนั่งบนรถอย่าขยับ”

  ดูเหมือนว่าตอนที่ชาวบ้านทั่วไปเจอกับกลุ่มการเงิน สิ่งที่สามารถทำได้ก็คืออย่าขยับ พยายามไม่ไปยั่วโมโหอีกฝ่ายสุดความสามารถ

  ชายสูทดำสิบกว่าคนปิดล้อมปิคอัพสองคัน คนหนึ่งเห็นสัญลักษณ์และรหัสนักล่าบนรถก็ลดเสียงลงพูดอะไรใส่หูฟัง

  อย่างรวดเร็ว หนึ่งคนในนั้นถามด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าว่า “คนไหนเป็นหัวหน้าทีมของทีมล่าชุดนี้”

  ฉินเฉิงยกมือ “สวัสดีครับท่าน ผมเอง”

  ”คืออย่างนี้นะ บอสพวกเราเชิญทุกท่านลงรถมารวมตัวกันหน่อย มีธุระจะปรึกษา” ชายสูทดำยิ้มเอ่ย น้ำเสียงสุภาพและเป็นมิตรเป็นพิเศษ

  หลี่ซูถงพลิกตัวลงรถ ในปากยังงึมงำเสียงเบาว่า “เป็นพวกสุภาพจอมปลอมชั่วกัปชั่วกัลป์เลยนะ”

  ชิ่งเฉินตามหลังเขาเงียบ ๆ เด็กหนุ่มจู่ ๆ รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตระกูลจินไดจะต้องเคยล่วงเกินครูตัวเองแน่ ๆ

  รอจนพวกเขาทุกคนลงจากปิคอัพ กลับเห็นชายสูทดำสิบกว่าคนนั้นดำเนินการตรวจค้นปิคอัพของพวกเขาอย่างครอบคลุมทันที ถึงขนาดที่ยังมีคนหยิบมีดออกมาตัดหนังหุ้มเบาะบนรถ ตรวจดูว่าข้างในมีวัตถุอันตรายหรือไม่

  หลังจากการตรวจสอบละเอียดพวกนี้ บอดี้การ์ดของตระกูลจินไดหยิบอุปกรณ์หนึ่งชิ้นออกมาจากรถออฟโร้ดสีดำ เริ่มทำการสแกนถังน้ำมันและยางรถยนต์ของปิคอัพสองคัน

  ถัดจากนั้น มีคนหยิบเครื่องตรวจประเภทมือถือ ทำการสแกนพวกฉินเฉิงทุกคนไปทีละคน

  ตอนที่ถึงตาเด็กสาวอย่างฉินอี่อี่ อีกฝ่ายถึงกับมีบอดี้การ์ดหญิงโดยเฉพาะมาตรวจค้นร่างกายหนึ่งต่อหนึ่งด้วย

  จนกระทั่งหลังจากอีกฝ่ายแน่ใจว่าหาอาวุธทั้งหมดออกมาแล้วจึงพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรว่า “ขอโทษนะครับ ทำตามขั้นตอน ทุกท่านโปรดอย่าได้ถือสา” อาวุธปืนพวกเราขอเก็บรักษาไว้ชั่วคราว ภายหลังจะคืนดังเดิม ยังมี สิ่งของที่เสียหายพวกเราจะชดใช้ให้ทั้งหมดเลยครับ”

  พูดตามจริง ชิ่งเฉินรู้สึกว่าการตรวจค้นนี้เกินจำเป็นมาก ถึงอย่างไรในทีมก็มีคนคนหนึ่งที่สามารถใช้มือเปล่าป่นกระดูกทั้งตัวของคนอื่นอยู่……

  คนสิบกว่าคนมาถึงข้างกองไฟ กลับเห็นชายกลางคนสวมชุดกิโมโนคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พับ ข้างกายเขายังมีเด็กสาวหนึ่งคน กำลังจ้องมองกองไฟอย่างเหม่อลอย

  มองอย่างละเอียด บนใบหน้าของอีกฝ่ายถึงกับยังมีคราบน้ำตา

  ชายกลางคนเห็นฉินเฉิงกับพวกมาถึง ลุกขึ้นยิ้มแย้มต้อนรับทันที แต่เด็กสาวนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ขยับเขยื้อน

  สีหน้าชายกลางคนเย็นชาขึ้นมา กล่าวกับเด็กสาวว่า “いつまで泣くんだ。 お客さんが来ているんだぞ。 せめて陳氏のエリートと結婚して欲しかった、神代空音の旦那は慶氏のゴミだ、こんな結果でも喜べ。”

  ภาษาญี่ปุ่นอีกแล้ว

  อีกฝ่ายไม่อยากให้ฉินเฉิงกับพวกฟังว่าพวกเขาพูดอะไรกันอยู่เข้าใจเลย

  เพียงแต่ ในพริบตาที่ชายกลางคนพูดนี้ ชิ่งเฉินถึงกับค้นพบว่าครูข้างตัวเลิกคิ้วขึ้นมา

  เขาลดเสียงลงถามว่า “ครูครับ ท่านหลังเข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรเหรอครับ”

  หลี่ซูถงเหล่มองเขา เอ่ยอย่างชืดชาว่า “เธอไม่ทราบเกี่ยวกับความรอบรู้ของครูเลยสักนิด”

  ครั้งนี้ชิ่งเฉินตกตะลึงจริง ๆ “งั้นพวกเขาพูดอะไรครับ”

  หลี่ซูถงคิดแล้วกล่าวว่า “ไอ้หนุ่มนี้แนะนำเด็กสาวว่าอย่าร้องไห้ เขาบอกว่าเด็กสาวแต่งให้กับคนชั้นยอดของรุ่นเยาว์ตระกูลเฉิน จินได โซราเนะน่ะแต่งให้กับสวะอย่างเธอ ดังนั้นเด็กสาวก็ไม่มีอะไรให้ร้องไห้ ชีวิตของเธออย่างน้อยก็ดีกว่าจินได โซราเนะ”

  ชิ่งเฉินตะลึงงัน ที่แท้เด็กสาวร้องไห้คร่ำครวญเพราะเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์

  กลับได้ยินหลี่ซูถงกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ไอ้หนุ่มนี้บอกว่านักเรียนฉันเป็นสวะ ยังไงฉันฆ่าพวกมันให้เหี้ยนเลยเถอะนะ”

  ชิ่งเฉินนิงอึ้งไร้วาจา พูดในใจว่าคุณครูสรุปว่าฟังเข้าใจหรือเปล่าเนี่ย ฟังเข้าใจจริง ๆ หรือว่าหลอกอำคนอยู่ที่นี่กันนะ?

  ขณะนี้เด็กสาวก็ปาดน้ำตาลุกขึ้นแล้ว

  ชายกลางคนนั้นมองไปทางทุกคนแล้วเอ่ยแนะนำตัวเองว่า “สายันต์สวัสดิ์ครับทุกท่าน ผมชื่อจินได โจสุเกะ พบกันครั้งแรกยินดีที่ได้พบมาก ๆ ครับ”

  ฉินเฉิงไม่เคยเห็นงานใหญ่ชนิดนี้เลย รีบกล่าวว่า “เกรงใจครับท่าน ๆ พวกเราผ่านทางมาเท่านั้นเองครับ”

  จินได โจสุเกะกล่าวว่า “อยากจะขอถามสักหน่อย ทุกท่านนี่อยากจะไปที่ไหนเหรอครับ”

  ฉินเฉิงตอบอย่างสุภาพว่า “พวกเราได้รับภารกิจหาแร้งฟานซานและลิงขนหกแขนครับ ที่ทิศเหนือหาไม่เจอ ได้แต่ลงมาเสี่ยงดวงที่ทิศใต้”

  ณ ขณะนี้เอง สมาชิกตระกูลจินไดในสูทดำคนหนึ่งเดินเข้ามา พวกเขาคล้ายกับจะตรวจสอบปิคอัพเสร็จแล้ว ยืนยันว่าพวกเขาเป็นเพียงนักล่าธรรมดา ไม่ได้มีสถานะพิเศษ ฆ่าได้

  จินได โจสุเกะพิจารณาน้ำเสียงแล้วกล่าวว่า “เพราะว่าพวกเราเปลี่ยนแผนการเดินทางกะทันหัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ภายนอกรู้ร่องรอยของพวกเรา ได้แต่ขอให้ทุกท่านอยู่ที่นี้ไปตลอดกาลแล้ว”

  หลี่ซูถงลดเสียงกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ฉันแปลให้เธอหน่อยนะ ความหมายของประโยคนี้ของเขาคือ เขาอยากตายที่นี่”

  ชิ่งเฉินตกตะลึง “ครูครับ ประโยคนี้เป็นภาษาจีน ผมฟังเข้าใจนะครับ ไม่ต้องแปล”

  แถมคนเขาก็ไม่ได้หมายความอย่างนี้ด้วย!

  ตอนนี้ ชิ่งเฉินระแวงกว่าประโยคก่อนหน้าก็เป็นครูหลอกอำเขาแล้ว!

  ยังไม่ทันที่หลี่ซูถงจะพูดอะไรอีก กลับได้ยินว่านอกทางภูเขาเกิดเสียงเครื่องยนต์คำรามดังขึ้นมาอีก แล้วยังมีเสียงดนตรีแสบแก้วหู

………………………………………..

ตอนหน้า อีเวนต์สุดท้ายก่อนคืนกลับ 5555