ตอนที่ 123 – สังคมประกาศว่าคุณตาย

  ทุกอย่างในคืนนี้ล้วนเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปแล้ว

  คลื่นลูกแรกยังไม่สงบ คลื่นอีกลูกก็มาอีกแล้ว

  ชิ่งเฉินเดาว่าตระกูลจินไดอาจจะมีแผนการลับอะไรที่อยากดำเนินการ ดังนั้นไม่อยากให้คนรู้ว่าพวกเขาเปลี่ยนแผนการเดินทางอย่างปุบปับ อยากจะฆ่าคนปิดปาก

  เพียงแต่ ยังไม่ทันที่ตระกูลจินไดจะลงมือก็มีขบวนรถมาถึงที่นี่อีก

  เขาสัมผัสได้ว่าคืนนี้ดราม่าเกินไปจริง ๆ อย่างกับว่าทุกคนปรึกษากันว่าจะมารวมตัวเข้าฉากด้วยกันเลย

  ขบวนรถที่เพิ่งมาถึงที่นี่ไม่มีความตั้งใจจะหลบให้ตระกูลจินไดเลย โดรนเปียนเจี้ย-011 สิบกว่าตัวบินไปกลางอากาศเหนือแคมป์จินได กึ่ง ๆ รวมทุกคนเข้าไปในระยะโจมตี

  เป็นทีมล่าฤดูใบไม้ร่วง

  เห็นแค่ว่าด้านหน้าสุดของขบวนรถล่าฤดูใบไม้ร่วง รถออฟโร้ดขนาดมหึมาหนึ่งคันใช้แผงกันชนสีดำที่แข็งแรงทนทานชนทะลวงรถออฟโร้ดพวกจินไดที่อยู่บนถนน

  บนรถยนต์ของทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงมีรูกระสุนและรอยถลอกอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งรถหายไป 3 คัน

  บนรถหัวขบวนอันโหดร้ายป่าเถื่อนมีเด็กสาวกำยำหนึ่งคนกระโดดลงมา ถึงกับเป็นหลี่อีนั่ว

  เธอเดินอาด ๆ เข้าไปในแคมป์จินได กล่าวกับจินได โจสุเกะเสมือนรอบด้านไร้ผู้คนว่า “ตามแผนของพวกคุณ ตอนนี้ควรจะอยู่บนถนนมุ่งหน้าไปเมืองหมายเลข 7 แล้วปะคะ ทำไมมาหยุดอยู่ที่นี่ล่ะ”

  ชิ่งเฉินตระหนักว่า หลี่อีนั่วพุ่งเป้ามาที่ตระกูลจินได

  แต่ก่อนครูก็เคยพูดว่าในสายสงครามหลักที่ต่อต้านตระกูลจินไดกับตระกูลคาชิมะ ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่มุ่งมั่นที่สุด

  จินได โจสุเกะเห็นหลี่อีนั่วก็ยืนตัวตรงทันที จากนั้นค้อมเอวโค้งคำนับ “ที่แท้เป็นคุณหนูอีนั่ว จากกันที่เมืองหมายเลข 18 คิดไม่ถึงว่าจะได้พบหน้ากับเร็วขนาดนี้”

  หลี่อีนั่วขมวดคิ้ว “คุณอายุมากกว่าฉันตั้งยี่สิบกว่าปี จะโค้งคำนับฉันทำอะไร ตระกูลจินไดเมื่อไหร่จะสามารถเลิกนิสัยสุภาพจอมปลอมนี่สักที”

  พูดแล้ว เธอเดินไปที่ข้างกองไฟมองไปทางเด็กสาวที่เดิมทีร้องไห้คร่ำครวญอย่างยิ้มแย้ม “หน้าตาค่อนข้างดีเลย กำไรเฉินเหย่หูไป ไม่งั้นเธออย่าไปตระกูลเฉินเลย มาที่ตระกูลหลี่ฉัน ติดตามฉันเถอะนะ?”

  ชิ่งเฉินตัวสั่นอย่างตะลึง คิดในใจว่าหลี่อีนั่วนี่ยังฮึกเหิมว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก

  คนหนุ่มสาวในทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงล้วนลงจากรถแล้ว ชายกลางคนที่นั่งเฝ้าขบวนรถมาตลอดคนนั้นพูดกับต้นหนสองประโยคแล้วตามติดมาอยู่ข้างกายหลี่อีนั่ว ป้องกันตระกูลจินไดทำร้ายคนอย่างกะทันหัน

  เวลานี้ ชิ่งเฉินหันหน้ามองไปทางหลี่ซูถง กลับค้นพบว่าครูคนนี้กำลังกอดอกดูละครอย่างเพลิดเพลิน

  ”ครูครับ? ตอนนี้จะว่ายังไง พวกเราจะทำยังไงครับ” ชิ่งเฉินถาม

  ”รีบไปไหน” หลี่ซูถงกล่าวปนหัวเราะ “มีคนมาก่อกวนย่อมเป็นเรื่องดี หลี่อีนั่วเด็กหญิงคนนี้ถึงจะดูกำยำไปหน่อย แต่วิธีการกระทำเรื่องราวโดนใจมาก”

  ขณะนี้ หลี่อีนั่วนั่งลงบนเก้าอี้พับที่เดิมเป็นของจินได โจสุเกะแล้ว เธอเงยหน้ายิ้มถามว่า “คุณวางแผนจะลงใต้ไปหาชิ่งไฮวลูกชายคนโตบ้านสี่ของครอบครัวชิ่งสินะ ได้ยินว่าพวกคุณอยากให้ตระกูลชิ่งเปลี่ยนสัญญาแต่งงาน ไม่อยากให้จินได โซราเนะคนนั้นแต่งให้คู่หมายคนเดิม”

  จินได โจสุเกะตอบว่า “พวกเราก็แค่ขับผ่านที่นี่โดยบังเอิญ ค้นพบว่าทิวทัศน์งดงามฤดูใบไม้ร่วงของที่นี่เปรียบได้กับแดนเหนือ ดังนั้นตั้งแคมป์ชื่นชมอยู่ที่นี่”

  จินได โจสุเกะที่อายุเกือบห้าสิบปียืนอยู่ข้าง ๆ หลี่อีนั่วถึงกับนอบน้อมอย่างกับเป็นลูกน้องคนหนึ่ง

  มีเพียงคนจำนวนน้อยที่รู้ว่าตระกูลจินไดเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด มีเพียงตอนที่ตระกูลนี้อำมหิตขึ้นมาอย่างแท้จริงจึงจะเผยเขี้ยวเล็บของตนเองออกมา

  หลี่อีนั่วนั่งบนเก้าอี้พับยกขาไขว่ห้าง “ได้ยินว่าตัวชิ่งไฮวเองไม่เต็มจะดองกับจินไดของพวกคุณ จริง จินได โซราเนะก็คล้ายจะไม่ตกลง แต่พวกคุณน่าจะไม่แคร์ความเห็นของจินได โซราเนะเลย ดังนั้นอยากจะไปเกลี้ยกล่อมชิ่งไฮวด้วยตัวเองสินะ? ที่ฉันเดาไม่ผิดใช่ปะคะ”

  ณ ขณะนี้ ชิ่งเฉินได้ยินคีย์เวิร์ดบ้านสี่ตระกูลชิ่งคำนี้ ก็คล้ายกับจะเชื่อมโยงเรื่องราวมากมายขึ้นมาได้แล้ว

  นักฆ่าพลีชีพที่อยากสังหารเขาในเรือนจำก่อนหน้านี้ก็คือคนของบ้านสี่ตระกูลชิ่งนี่

  ตอนนี้ชิ่งไฮวอยู่ทางใต้ ส่วนที่หลี่ซูถงครั้งนี้พาตนเองออกมาแล้วตรงดิ่งไปทิศใต้ก็มีความเกี่ยวข้องกับชิ่งไฮวลูกชายคนโตบ้านสี่ตระกูลชิ่งคนนี้ นี่เดิมก็คือส่วนหนึ่งในแผนการของครู

  ชิ่งเฉินมองไปทางครูข้างกายเงียบ ๆ

  เวลานี้ หลี่ซูถงยิ้มเหลือบมองเขา แต่กลับไม่พูดไม่จา

  หลี่อีนั่วหัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง กล่าวกับคนของตระกูลจินไดว่า “ไม่ต้องเล่นทริคเล็ก ๆ พวกนี้แล้ว ฉันแนะนำว่าพวกคุณยังคงกลับทางเหนือไปอย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ เถอะ”

  จินได โจสุเกะโค้งกายเล็กน้อย แต่คำที่พูดจากปากกลับไม่ยอมให้สักนิดเดียว “การกระทำของท่านตอนนี้เป็นการทำการแทนตระกูลหลี่หรือ เกรงว่าตระกูลหลี่ก็ไม่มีอำนาจสั่งการตระกูลจินได”

  บรรยากาศในแคมป์ตึงเครียดขึ้นมาทันควัน

  คนของตระกูลจินไดค่อย ๆ ขยับไปสู่กระบวนทัพต่อสู้ ชายกลางคนข้างหลังหลี่อีนั่วมองทุกอย่างนี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่ปริปากสักคำ

  หลี่ซูถงกล่าวกับชิ่งเฉินเสียงเบา ๆ ว่า “ฉันแปลความหมายของคำพูดประโยคนี้ของจินได โจสุเกะให้เธอสักหน่อย ก็คือ……”

  ”ครูครับ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างจริงใจ “ได้โปรดอย่าดูถูกไอคิวของผม”

  ”เอาเหอะ” หลี่ซูถงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง

  หลี่อีนั่วยิ้มแล้วลุกขึ้นมา ตะโกนบอกทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ไม่ไกลว่า “คืนนี้ตั้งแคมป์ที่นี่ ต่อไปตระกูลจินไดไปไหน พวกเราก็ไปนั่น ถึงยังไงแขกเขามาจากแดนไกล พวกเราในฐานะเจ้าบ้านย่อมจะต้องดูแลดี ๆ”

  พูดจบ เธอเดินอาด ๆ ไปยังที่ว่างด้านข้าง

  ตอนที่หลี่อีนั่วเดินผ่านข้างกายฉินเฉิง จู่ ๆ เอ่ยอย่างประหลาดใจอยู่บ้างว่า “พวกคุณเป็นใครอีกล่ะเนี่ย”

  ฉินเฉิงรีบกล่าวว่า “พวกเราเป็นทีมล่าที่ผ่านทางมา ก่อนหน้านี้ทีมของท่านทำลายโดรนของพวกเรา ท่านให้พวกเขาชดใช้เงิน พวกเราผ่านทางมาที่นี่ ตระกูลจินไดอยากจะฆ่าคนปิดปาก”

  เวลานี้ ตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดก็คือเลือกฝ่าย

  สายตาของหลี่อีนั่วกวาดไปข้างหลังฉินเฉิงหนึ่งรอบ เธอยิ้มขึ้นมา “ฉันจำพวกคุณได้แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องตระกูลจินไดนี่ พวกคุณก็มาตั้งแคมป์ข้างพวกเรา ต่อไปก็ตามพวกเราไป”

  ฉินเฉิงรีบตอบรับ “โอ้ ตกลงครับ ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ!”

  ฉินอี่อี่ถอนทอดใจอยู่ด้านหลังกลุ่มคน “อันตรายจังเลย โชคดีที่ทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงนี่มา”

  ชิ่งเฉินมองครูข้างตัวแวบหนึ่ง คิดในใจว่าอันตรายจริง ๆ ตระกูลจินไดเกือบจะตายหมู่อยู่ที่นี่แล้ว

  หลี่อีนั่วกลับไปบนรถตัวเองคันนั้น ยกตัวคนคนหนึ่งจากที่นั่งข้างคนขับเดินกลับไปที่แคมป์อีกรอบ

  ตอนที่เธอกับชิ่งเฉินเดินเฉียดไหล่กัน คนที่ถูกยกอยู่ในมือคนนั้นมองชิ่งเฉินด้วยใบหน้าสิ้นหวัง……

  ในความสิ้นหวังยังเจือความอับอายสามส่วน……

  เริ่มตั้งแต่ ณ ขณะนี้ หนานเกิงเฉินตายทางสังคมไปแล้ว

  คนเขามักพูดกันว่าคนคนหนึ่งจะตายสามครั้ง ครั้งแรกคือความตายทางกายภาพ หัวใจหยุดเต้น

  ครั้งที่สองคือสังคมประกาศว่าคุณตาย

  ครั้งที่สามคือคนที่จดจำคุณได้เป็นคนสุดท้ายลืมเลือนไป

  แต่มีบางคนค่อนข้างพิเศษ ยังไม่ต้องประสบกับความตายครั้งที่หนึ่งก็โดนสังคมประกาศว่าตายไปแล้ว

  นับถอยหลังสิ้นสุด เตรียมคืนกลับ

……………………………………….

น้องหนานเกิงเฉินจะแก้ตัวได้อย่างไร โปรดติดตาม

ตอนที่ 124 – ลี้ภัย