เหตุใดอาจารย์ถึงประสบกับความเจ็บปวดมากเมื่อเขาต้านทานทัณฑ์สวรรค์ เป็นเพราะเขาไม่ได้ขอบคุณเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสงสัย เขาหวนนึกถึงความรู้สึกยามเมื่อเผชิญทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองที่เขาเพิ่งประสบมาและวิเคราะห์ผลกระทบของพลังแห่งเต๋าสวรรค์ที่มีต่อเขา
ไม่น่าจะเป็นเพราะการขอบคุณเต๋าสวรรค์ก่อนที่เขาจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ เพราะอย่างไรเสียทัณฑ์สวรรค์ย่อมคงความยุติธรรม และเขาก็แค่ลองทำดูโดยไม่คิดอะไร ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ
ทว่าสาเหตุที่สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สองสายแรกรู้สึกสบายมากเช่นนี้ก็คือ…
เขารู้สึกว่าทัณฑ์สวรรค์สองครั้งแรกไม่สามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่เขาได้
เรื่องนี้อันที่จริงเข้าใจได้ไม่ยาก
เช่นเดียวกับบรรดาแขกที่ไปสำนักโคมเขียวแล้วต่างก็ถูกสตรีคนเดียวกันทุบตีอย่างประจบประแจงแล้วกล่าวว่า “อ๊าย ทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
เพราะความเป็นมืออาชีพของนาง ท่าทางของหญิงสาวที่แกล้งทุบตีแบบมีจริตกระชดกระช้อยและแรงที่ทุบตีผู้คนก็เหมือนกัน แต่ขึ้นอยู่กับระดับความอ่อนแอของแขก รวมถึงความรู้สึกของแขกก็แตกต่างกันอีกด้วย…
สถานการณ์นี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
บัดนี้ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สามกำลังควบแน่นและก่อตัวขึ้นอยู่เหนือศีรษะของหลี่ฉางโซ่ว แต่เขาก็รับรู้และทำความเข้าใจได้มากขึ้นแล้ว
ดูเหมือนทัณฑ์สวรรค์สองครั้งก่อนหน้านี้จะแยกช่องว่างออกต่อหน้าเขา และทำให้เขามองเห็นโลกลึกลับที่ลึกซึ้ง
นี่น่าจะเป็นผลมาจากเต๋าอันยิ่งใหญ่หรือเต๋าสวรรค์เข้ามาเชื่อมโยงกับเต๋าของตนเอง
นี่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป็นเซียนหรือไม่
ตูม!
พื้นผิวทะเลเกิดระลอกคลื่นอันเป็นผลมาจากทะเลสั่นสะเทือนด้วยสายฟ้าฟาด
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องคำราม มีจุดกำเนิดสายฟ้าหลายจุดสาดประกายระยิบระยับออกมา และสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรงอีกสายก็ซัดลงมาอีกระลอก!
หลี่ฉางโซ่วซึ่งลอยอยู่ในอากาศ ถูกสายฟ้าฟาดลงจนร่างของเขาลดระดับลงมาสามฉื่อก่อนที่เขาจะสามารถหยัดร่างของเขาให้กลับมามั่นคงได้อีกครั้ง และต้านทานสายฟ้าฟาดเข้ากระแทกใส่เขา และสายฟ้าหลายสายก็แตกแยกออกเหนือศีรษะของเขา แล้วตกกระทบไปทั่วทุกที่บนพื้นผิวทะเล
โชคดีที่กรงฟาราเดย์ทั้งสิบสองกรงอยู่ห่างไกลออกไป ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเขาจะถูกฆ่าตายได้ในเวลานี้
เวลานี้… เขาได้รับบาดเจ็บบางส่วนเนื่องจากทัณฑ์สวรรค์
หลี่ฉางโซ่วมองดูเส้นผมยาวจำนวนหนึ่งที่เขาถืออยู่ โชคยังดีที่ยังมีเส้นผมยาวสีขาวที่เขาย้อมไว้เพื่อปลอมตัว เขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยในใจ
ทัณฑ์สวรรค์ของเขาไม่แตกต่างจากผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ
บัดนี้เสื้อคลุมเต๋าสีดำที่เขาสวมอยู่นั้นไหม้เกรียมเล็กน้อย
ก่อนที่ทัณฑ์สวรรค์จะมาถึง เขาได้ถอดชิ้นส่วนโลหะทั้งหมดที่อยู่บนตัวเขาแล้ว และบริเวณสีดำที่ไหม้เกรียมบนเสื้อคลุมของเขานั้น เกิดจากการระเบิดของลูกปัดหยกประดับตกแต่งในตอนนี้
เวลานี้ ทั่วทั้งร่างของหลี่ฉางโซ่วยังคงสาดประกายแสงไฟน้อยๆ ออกมา
ในขณะที่กระแสปราณเซียนรวมตัวกันรอบแขนและไหล่ของเขา และร่างเต๋าของเขาก็ก่อตัวจนมีขนาดเท่ากับเล็บมืออยู่ที่ส่วนบนของศีรษะของเขา และเขาก็เริ่มเปลี่ยนสู่ร่างเซียนแล้ว
เขาบินกลับขึ้นไปอยู่ที่ความสูงเหนือพื้นดินเก้าจั้งอีกครั้ง ในขณะที่เขาเรียกพลังเวททั้งหมดของเขาพร้อมๆ กับปราณวิญญาณเซียนในร่างที่เขามีอยู่แล้วในตอนนี้ เพื่อรอทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สี่ที่จะมาถึง
ชั่วขณะนั้นก็มีเสียงคำรามจากกระแสวังวนที่อยู่ด้านบนเหนือเขา และหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้มีปรากฏการณ์หลากหลายแปลกๆ มากมายปรากฏขึ้นที่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์อีกครั้ง ราวกับว่ามีสัตว์ดุร้ายหลายสิบตัวที่ถูกกักขังอยู่ในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ซึ่งกำลังพยายามหลบหนีให้หลุดพ้นการผูกมัดก่อนจะพุ่งลงไปที่ด้านล่างแล้วเขมือบร่างของหลี่ฉางโซ่วเข้าไปทั้งหมด
“ทัณฑ์สวรรค์จะเปลี่ยนไปในทุกๆ สามครั้ง และทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป”
ในเวลานี้ก็มีมีดแกะสลักที่เรียบง่ายและเป็นสนิมปรากฏขึ้นในมือขวาของหลี่ฉางโซ่ว อย่างไรก็ตาม เขาลังเลเล็กน้อยและเก็บมันออกไปอีกครั้ง แล้วเลือกที่จะใช้กายเนื้อ ปราณวิญญาณ และพลังเวทของเขาเพื่อต้านทานทัณฑ์สวรรค์ และด้วยวิธีนี้เต๋าอันยิ่งใหญ่และเต๋าของเขาเองจะยังคงปะทะกันต่อไปตามวิถีของมันเอง
เขาต้องการการปะทะกันในครั้งนี้!
ประตูที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ถูกผลักเปิดออกอีกครึ่งหนึ่ง และเขาได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากมายข้างหน้าแล้ว
ปราณวิญญาณดั้งเดิมของเขาจมดิ่งอยู่ในสายฟ้า ตกอยู่ในสภาวะลึกลับ และเริ่มดูดซับกระแสสายฟ้าขนาดเล็กเหล่านั้นเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาเอง
สถานการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า หลี่ฉางโซ่วจะสามารถ ‘ทะยานขึ้น’ ได้อย่างแน่นอนเมื่อเขารอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์
เพียงแต่ว่าโอกาสที่เขาจะทะยานขึ้นในยามนี้ก็ไม่ได้มากนัก เพราะทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับทัณฑ์สวรรค์ที่ตามมาเพื่อดูว่าเขาจะได้รับโอกาสมากขึ้นหรือไม่
ชู่ว์ๆ
บัดนั้น จุดกำเนิดสายฟ้าขนาดใหญ่หกจุดที่จัดเรียงเป็นรูปหกเหลี่ยมก็ปรากฏขึ้นภายในกระแสวังวนเหนือศีรษะ และสามารถมองเห็นใบหน้าเลือนรางของพยัคฆ์ขาวอยู่ภายในนั้นได้
ในเวลาต่อมาพยัคฆ์ขาวก็คำรามออกมาในขณะที่สายฟ้าพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง แล้วรวมตัวกันก่อตัวขึ้นเป็นลำแสงสายฟ้าที่พุ่งดิ่งลงมา!
ฉับพลันนั้นทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สี่ก็ฟาดลงมา!
ด้วยพลังอุดมท่วมท้นของเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่พุ่งดิ่งลงไปด้านล่างตามการนำแห่งสายฟ้า ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมา ขณะที่ร่างของเขาซึ่งกำลังลอยอยู่ถูกกดลงไปหลายสิบฉื่ออีกครั้ง
ในขณะนั้นบนชายฝั่งที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ก็มีชาวประมงกลุ่มหนึ่งมองข้ามมายังสถานที่แห่งนี้จากระยะไกล และบางคนก็เริ่มก้มกราบไปในทิศทางนั้นพร้อมกับสวดวิงวอนขอพร
ภายในรัศมีสามร้อยลี้นั้น ก็มีเหล่าเซียนและผู้บำเพ็ญหลายคนที่ผ่านมาโดยบังเอิญแต่ไกลๆ และมองมาเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงแห่งทัณฑ์สวรรค์
“ผู้ใดกันที่มาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในสถานที่เช่นนี้”
“หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ น่าจะสามารถครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่นับสิบลี้ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า นั่นอาจจะเป็นแปดสายฟ้าในตำนาน”
แน่นอนว่าเมื่อมีคนข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ผู้คนย่อมจะหลีกเลี่ยงพื้นที่นั้นและอยู่ให้ห่างจากทัณฑ์สวรรค์เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญจากทัณฑ์สวรรค์
แล้วจากนั้นสายฟ้าก็แยกย้ายกระจายหายไปในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็ลอยขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง
ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สี่นี้ไม่เลว มันทรงพลังรุนแรงและแม่นยำเพียงพอ ทำให้ข้าได้รับรู้เข้าใจมากขึ้นโดยไม่ทำร้ายปราณวิญญาณของข้า
นี่เป็นทัณฑ์สายฟ้าที่วิเศษยิ่ง หากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่ห้าและหกยังคงเป็นเช่นนี้ก็ย่อมจะดีอย่างยิ่ง
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ยังแอบรู้สึกผิดหวังในใจเช่นกัน
เมื่อพิจารณาจากความรุนแรงแล้ว ความเร็วที่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ใช้ไปน่าจะกำลังจะหมดลงรวมถึงกฎต่างๆ ที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ ทัณฑ์สวรรค์ของเขาน่าจะเป็นแปดสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์อย่างแน่นอน
เขารู้ว่าจุดแข็งของเขาอยู่ที่ความรอบรู้ เขามีความสามารถในการหยั่งรู้ ความคิดเชิงรุกและมีวิธีการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นในขณะที่คุณสมบัติของเขาไม่ได้สร้างข้อได้เปรียบให้เขามากนัก
กฎแห่งเต๋าสวรรค์กล่าวว่า ทักษะความสามารถต่างๆ นับตั้งแต่ที่คนผู้หนึ่งเริ่มฝึกบำเพ็ญจะเป็นตัวกำหนดทัณฑ์สวรรค์ที่พวกเขาจะต้องข้ามผ่าน
นอกเหนือกว่านั้น ทัณฑ์สวรรค์ของเขานั้นน่าประทับใจ
ทว่าเมื่อทัณฑ์สวรรค์มาถึง เขาก็พบว่ามันแตกต่างไปจาก ‘เก้าสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์’ ที่เขากังวลมานานกว่าหกสิบปี
ดังนั้นแน่นอนว่าเขาย่อมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งย่อมเป็นเฉกเช่นเหรียญที่มีสองด้านอยู่เสมอเช่นกัน หลี่ฉางโซ่วน่าจะสามารถข้ามผ่านแปดสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จอย่างแน่วแน่ และยังไม่จำเป็นต้องเปิดเผยไพ่ตายของเขามากจนเกินไปอีกด้วย
ที่สำคัญกว่านั้น การปะทะกันระหว่างเต๋าอันยิ่งใหญ่และเต๋าของเขาเอง ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมาย มองเห็นขอบเขตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างข้อมูลเชิงลึกมากมายในหัวใจของเขา
การได้เข้าใกล้กับการบรรลุถึงสวรรค์ย่อมเป็นเรื่องดี
ตูม-
ครั้นเมื่อสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่ห้าฟาดลงมา หลี่ฉางโซ่วก็ทุ่มเททุกอย่างเต็มที่เพื่อต้านรับมัน และพลังเซียนในร่างของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ชั่วขณะนั้นก็มีลำแสงเจ็ดสีสาดประกายออกมาจากหน้าผากของเขา นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายของเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นร่างเซียนรวดเร็วขึ้นแล้ว!
จากนั้นก็ตามมาด้วยสายฟ้าสายที่หก…
และสายฟ้าสายที่เจ็ด…
เมื่อมองดูจากระยะไกลแล้ว ยังคงเห็นหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์พลุ่งพล่านปั่นป่วน และสัตว์อสูรโบราณจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นเหนือหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์นั้น
เช่น ฉยงฉีที่กางปีกออกเพื่อเตรียมพร้อมเหินเวหา ฉีหลินที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีเทา เทาเที่ยซึ่งมีปากขนาดใหญ่บนท้องของมัน และเถาอู้ซึ่งมีหนามแหลมยาวทั่วร่างกาย[1]
มีสัตว์อสูรร้ายทั้งหมดสามสิบสองตัว ซึ่งผลัดกันปรากฏออกมาให้เห็นบนเมฆทัณฑ์สวรรค์นั้น
และทุกครั้งที่สัตว์อสูรร้ายเหล่านี้ปะทะกัน ลำแสงสายฟ้าขนาดใหญ่จะพุ่งออกมา แล้วฟาดลงไปยังร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศเบื้องล่าง
…………………………………………
[1] ฉยงฉี เทาเที่ย เถาอู้ และฮุ่นตุ้น เป็นสี่สัตว์ร้ายบรรพกาลที่มีชื่อเสียงในตำนานจีน
ฉีหลิน หรือ กิเลน นั้นถือเป็นสัตว์มงคล