ตอนที่ 52.2 ขอบคุณทัณฑ์สวรรค์ที่สละเวลาจากตารางงานแน่นขนัดเพื่อมาที่นี่ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลี่ฉางโซ่วหลับตาและเข้าฌาน เขาทำสมาธิฝึกบำเพ็ญเพียรต่อไป ในขณะที่ค่ายกลรวบรวมลมปราณที่เขาสร้างขึ้นโดยใช้ศิลาวิญญาณก็ได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาให้เขาดูดซับเข้าไปทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ

ขณะนี้มีตุ๊กตากระดาษสองสามตัวซ่อนตัวอยู่ที่ก้นทะเลเพื่อเฝ้าติดตามสำรวจพื้นที่ในสถานที่ต่างๆ ทุกทิศทางภายในรัศมีสิบลี้ และพร้อมที่จะเรียกร้องความสนใจจากทุกคนที่พยายามจะลอบโจมตีเขา

มีอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งอยู่บนแนวปะการังไม่มากนัก เพราะพวกมันทั้งหมดรวมถึงสถานที่แห่งนี้ จะถูกทำลายจนหมดสิ้นอย่างแน่นอนเมื่อทัณฑ์สวรรค์มาถึง

ดังนั้นเขาจึงได้จัดวางค่ายกลต่างๆ เอาไว้ในพื้นที่ที่ห่างไกลออกไป ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อการป้องกัน แต่ล้วนถูกจัดวางเอาไว้เพื่อใช้ในการหลบหนี

ค่ายกลเหล่านั้นจะช่วยให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายไปได้อย่างรวดเร็วหลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เสร็จสิ้นแล้ว

ที่นี่…เขาได้พบกับสถานที่ในอุดมคติที่จะก้าวข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว ที่นี่ไม่มีผู้ฝึกบำเพ็ญในรัศมีหลายพันลี้ บางครั้งผู้ฝึกบำเพ็ญอาจบินผ่านไปในอากาศ แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้

สถานการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการกระจายเมืองใหญ่บนแผ่นดินของมนุษย์

หลังจากนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญเป็นเวลาครึ่งเดือน จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา จากนั้นสัมผัสเต๋าที่คลุมเครือและอธิบายไม่ได้พลันปรากฏขึ้นรอบตัวเขา

ทัณฑ์สวรรค์กำลังจะมาถึงแล้ว

ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเต๋าสวรรค์นั้นช่าง ‘ใจกว้าง’ อย่างยิ่ง ที่ให้เวลานานเป็นครึ่งเดือนกับเขาหลังจากที่บรรลุขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นเก้า เพื่อทำให้ขอบเขตพลังมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น และทำให้รากฐานเต๋าของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น จึงจะมอบทัณฑ์สวรรค์ให้แก่เขา

หลี่ฉางโซ่วพลันกลายร่างเป็นปลา และใช้หลีกลี้วารีเร้นกายเพื่อแหวกว่ายลาดตระเวนไปรอบๆ ในรัศมีร้อยลี้เป็นเวลาสองวัน ก่อนจะว่ายกลับไปที่แนวปะการัง

มาเลย เขาพร้อมแล้ว

ความรู้สึกนี้ค่อนข้างประหลาดจริงๆ

มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังเผชิญกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาในคืนที่นอนไม่หลับก่อนวันสอบ หลังจากร่ำเรียนอย่างหนักมาตลอดสิบสองปีอันแสนขมขื่น…

“อย่าใจร้อน จงสงบใจและตั้งสมาธิให้ดีสิ”

หลี่ฉางโซ่วนั่งสมาธิและสวดมนต์ชำระจิตใจของเขาเงียบๆ และนำพระสูตรนิรกรรมซึ่งเขาถืออยู่ในมือมาทำความเข้าใจอย่างละเอียด

ยิ่งเขามีความเข้าใจได้มากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งพร้อมมากขึ้นเท่านั้น และโอกาสที่เขาจะรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ก็จะยิ่งมากขึ้นเช่นกัน

สามวันต่อมา ลางสังหรณ์ว่าทัณฑ์สวรรค์กำลังจะมาถึงเขาแล้วก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

บทสวดชำระจิตใจไม่อาจมีผลใดกับเขาได้อีก เขาไม่อาจนั่งสมาธิ ตีความหมายพระสูตรหรือทำความเข้าใจอะไรได้อีกต่อไป ในขณะที่อากาศภายในรัศมีสามร้อยจั้งก็ถูกกดดันจนทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต้องหลีกเลี่ยงออกไปให้ห่างจากพื้นที่นี้ทันที

คราวที่แล้วทัณฑ์สวรรค์ของอาจารย์ของเขาก็เป็นเยี่ยงนี้ กระดากอายและอืดอาด ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงไม่แน่ใจว่า ทัณฑ์สวรรค์ของเขาจะอ่อนโยน หรือจะดุร้ายและโกลาหล…

หลี่ฉางโซ่วเดาว่า ทัณฑ์สวรรค์ของเขาน่าจะมีสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์เจ็ดหรือแปดสาย

เมื่อหลี่ฉางโซ่วคิดเช่นนั้นในใจ เขาจึงผ่อนคลายจิตใจ และไม่บังคับตัวเองให้สงบลง ทว่าตรงกันข้าม เขากลับพยายามรับรู้เข้าใจในความไม่สบายใจและความวิตกกังวลในใจเหล่านั้นอย่างทั่วถึง

นี่เป็นปฏิกิริยาที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะรู้สึกเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสวรรค์ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับระดับฐานพลังแห่งเต๋าว่าสูงหรือต่ำ

การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุเป็นเซียนยังเป็นที่รู้จักกันในนามทัณฑ์แห่งเฉิงเต๋า[1] นานมาแล้วที่หลี่ฉางโซ่วได้ใคร่ครวญว่าเหตุใดมันถึงเกี่ยวข้องกับ ‘เฉิงเต๋า’

และวันนี้เขาก็ได้รับคำตอบแล้ว

ขอบเขตหลอมรวมปราณ สร้างปราณวิญญาณเทพ คืนกลับอนัตตา และคืนกลับเต๋าวิถี ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิบัติที่เรียนรู้จากธรรมชาติและเลียนแบบธรรมชาติสำหรับผู้บำเพ็ญ และเมื่อผ่านกระบวนการนี้ พวกเขาก็จะสามารถสรุปและตระหนักรู้ถึงเต๋าของพวกเขาเองได้ ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานเต๋าที่จะสนับสนุนวิถีเซียนและมีอายุยืนยาวเป็นอมตะ

การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุเป็นเซียนเป็นการทดสอบที่เต๋าสวรรค์ดำเนินการกับผู้ฝึกบำเพ็ญเต๋าเพื่อดูว่า เต๋าของพวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเซียนหรือไม่

ในเวลาเดียวกัน ทัณฑ์สวรรค์ยังเป็นประสบการณ์ที่จะช่วยให้ผู้ฝึกบำเพ็ญหลุดพ้นจากสิ่งธรรมดาสามัญ เพื่อให้ผู้ฝึกบำเพ็ญสามารถทำให้ตนเองบริสุทธิ์ได้ด้วยวิธีการใช้เต๋าของพวกเขาเอง

เกิดเป็นปราณวิญญาณ กลายร่างเป็นเซียน

ในมุมมองของหลี่ฉางโซ่ว คำว่า ‘เต๋า’ และ ‘ขอบเขตหรือระดับเต๋า’ นั้น ไม่ควรนำมารวมกัน เขา รู้สึกว่าไม่ควรตั้งนามเต๋าของตัวเอง

เช่นเดียวกับธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไปซึ่งมีอารมณ์สงบนิ่งไม่หวั่นไหว แต่วุ่นวายไร้สติได้เช่นกัน และยังกล้าหาญ ทว่าเขินอาย ทั้งมีความวิตกจริตจิตกังวล แต่ก็ยังใจกว้างปล่อยวางได้เช่นกัน

ซึ่งเป็นเฉกเช่นเดียวกับธรรมชาติแห่งเต๋า

“ข้าก็เช่นกัน”

หลี่ฉางโซ่วหลับตาลงและเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นก็มีลมกระโชกแรงพัดโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า

เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ลมและเมฆเหนือทะเลพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และที่เหนือท้องฟ้าสูงขึ้นไปหลายร้อยจั้ง หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์สีเทาดำก็รวมตัวกันและขยายขนาดออกไปอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมพื้นที่บริเวณใกล้เคียงในรัศมีราวสิบลี้

บางครั้งเมฆก็ดูเหมือนภูเขา บางครั้งก็ดูเหมือนเจดีย์ และบางครั้งก็ดูเหมือนกองทัพสวรรค์ หรือยักษ์ตีกลองและฆ้อง

หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์แสดงปรากฏการณ์ประหลาดมากมายออกมา ทว่าที่ด้านล่างของหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์นั้น อากาศก็เริ่มปั่นป่วน เมื่อมองจากระยะไกล ก็ดูเหมือนว่าน้ำจะก่อตัวเป็นพายุหมุนกลางทะเล

แต่พายุหมุนในทะเลนี้ มีสายฟ้าอยู่ภายในนั้นกว่าครึ่งหนึ่ง และมีฟ้าร้องคำราม!

ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากแนวปะการังและสะบัดเสื้อผ้าของเขา จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปในอากาศอย่างสบายๆ และกรงฟาราเดย์พับได้จำนวนสิบสองกรงก็ถูกกางออกมารายล้อมเขาเอาไว้ ในขณะที่มีเม็ดโอสถหลายชนิดถูกเตรียมไว้ในแขนเสื้อของเขาแล้ว

ร่างเต๋าของเขาสาดแสงสีฟ้าออกมาในขณะที่ปราณวิญญาณของเขาได้ควบแน่นขึ้นมาอย่างเต็มที่

หลังจากหายใจเอาไอขุ่นออกมาหนึ่งครั้ง หลี่ฉางโซ่วก็เงยหน้าขึ้นมองด้านบน จากนั้นเขาก็ทำการคารวะเต๋าโดยเลือกใช้ทำการคารวะเต๋าแบบโบราณดั้งเดิมที่เหมาะสมที่สุด

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวประกาศเสียงดังว่า “วันนี้ ศิษย์แห่งสำนักเต๋าปรารถนาจะแจ้งสวรรค์ว่า ข้ายอมรับทัณฑ์แห่งเฉิงเต๋าที่สวรรค์กำลังจะมอบให้ข้าอย่างซาบซึ้งใจ ข้าปรารถนาจะสร้างเต๋าของข้าและกลายเป็นเซียนผู้สงบไร้ความกังวลใดๆ…

หากทัณฑ์สวรรค์มาถึงและศิษย์ไม่อาจต้านทานมันได้จนต้องสิ้นชีพไป นั่นก็เป็นเพราะเต๋าของข้า ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแบ่งปันอายุขัยกับสวรรค์และปฐพี ตัวข้าจะไม่คับข้องใจใดๆ เพราะนั่นย่อมเป็นความเที่ยงธรรมแห่งเต๋าสวรรค์แล้ว…

ขอบคุณเต๋าสวรรค์สำหรับความห่วงใยดูแล และมอบโอกาสแห่งการบรรลุเซียนให้แก่ข้า!”

ตูม!

ดูเหมือนหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์จะตอบสนอง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินในสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกล่าว เพราะในเวลานั้นพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

มีจุดกำเนิดสายฟ้าขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งกะพริบอยู่ภายในกระแสวังวนของหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ และมีกระแสไฟฟ้าปรากฏขึ้นรอบๆ ร่างของหลี่ฉางโซ่ว

ร่างของเขาค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ และกรงฟาราเดย์ทั้งสิบสองกรงก็ค่อยๆ ลอยออกไปในทะเล แล้วเคลื่อนตัวแยกออกจากกันในระยะทางเท่ากันเพื่อเตรียมพร้อมใช้ในภายหลัง

เมื่อเขาลอยขึ้นไปเหนือพื้นดินที่ความสูงเก้าจั้ง จุดกำเนิดสายฟ้าสีขาวเงินสามจุดก็ลุกเป็นไฟ และสายฟ้าราวกับอสรพิษสีเงินจำนวนหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาอย่างกะทันหัน!

จุดกำเนิดสายฟ้าเหล่านี้รวมตัวกันและก่อให้เกิดสายฟ้าจำนวนมากมีความหนาขนาดเท่าแผ่นเจียรโม่หิน แล้วพุ่งฟาดใส่หลี่ฉางโซ่ว ทว่าเขาไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ ในขณะที่ยังคงใช้พลังเวทแผ่ออกไปทั่วร่างกายของเขา

ร่างเต๋าของเขาเปล่งแสงบางเบาก่อนที่จะถูกห่อหุ้มไปทั่วด้วยสายฟ้าฟาด!

พลังแห่งสายฟ้าสายแรกนั้นใกล้เคียงกับสายฟ้าสายที่สามยามเมื่ออาจารย์ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์?

ทัณฑ์สวรรค์ของเขาเองนั้นไม่ควรประมาทจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วต้านทานสายฟ้าทั้งหมดที่ฟาดลงมาในขณะที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเฝ้ารออย่างเงียบสงบ

ทว่าผลพวงของ ‘การต้านทาน’ สายฟ้าฟาดเมื่อครู่นี้…

มีอาการคันยิบๆ ชาๆ และมีปราณวิญญาณเซียนบางส่วนได้ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของเขา ส่วนวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็จมอยู่ในสายฟ้า

น่าประหลาดใจ…

มันค่อนข้างสบายทีเดียว

……………………………………………………………

[1] เฉิงเต๋า คือ การตรัสรู้ และนั่นก็คือการบรรลุเต๋า