บทที่ 113 เพื่อนของคุณชาย

คิงดราก้อน

“แจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!” ผู้จัดการร้านพูดกับพนักงานที่อยู่ด้านหลัง

พนักงานร้านมองผู้จัดการร้านแล้วพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “ผู้จัดการคะ พวกเรารออีกสักหน่อยเถอะค่ะ ฉันว่าเขาไม่เหมือนขโมยนะคะ!”

“ขโมยมันจะเขียนบอกอาชีพตัวเองไว้บนหน้าหรือไง? รีบแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!” ผู้จัดการร้านพูดดุเสียงดัง

พนักงานร้านไม่มีทางเลือก จึงต้องจำใจโทรแจ้งตำรวจตามคำสั่งของผู้จัดการร้าน

เซียวหยางไม่สนใจสายตาของคนอื่นเลยสักนิด เขามองเย่หยุนซูแล้วเอ่ยถาม “เธอเชื่อฉันไหม?”

เย่หยุนซูพยักหน้า

เซียวหยางยิ้มออกมา ขอแค่เย่หยุนซูเชื่อเขาก็พอแล้ว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? รีบร้อนโทรหาพ่อฉันขนาดนั้น เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

ด้านนอกมีเสียงที่ฟังดูหงุดหงิดของชายหนุ่มคนหนึ่งดังเข้ามา

อู่ส้วยดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อน ๆ แถวนี้พอดี เมื่อได้รับสายจากพ่อของเขากะทันหันบอกว่าที่ร้านสาขาแห่งนี้เกิดเรื่องขึ้น จึงให้เขามาดูหน่อย

ผู้จัดการเห็นเจ้านายน้อยมาแล้วก็รีบยิ้มเดินออกไปต้อนรับทันที “คุณชายน้อย คุณมาแล้ว! ฉันจับโจรขโมยแหวนเพชรได้คนหนึ่งค่ะ รบกวนคุณจัดการหน่อย!”

“ขโมยงั้นเหรอ งั้นต้องลงโทษให้หนัก!” อู่ส้วยพูดเสียงแข็งหน้าตาดุดัน

ผู้จัดการสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที กำลังจะชี้บอกว่าเซียวหยางคือขโมย จู่ ๆ ก็ถูกเสียงประหลาดใจของอู่ส้วยขัดเอาไว้ก่อน

“พี่เซียว ทำไมพี่ถึงได้มาอยู่ที่นี่?”

ขณะที่อู่ส้วยพูดก็หันไปมองเย่หยุนซูที่ยืนอยู่ข้างเซียวหยาง ทันใดนั้นก็เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมา จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “คนนี้น่าจะเป็นพี่สะใภ้ใช่ไหม รูปร่างหน้าตาดูโดดเด่นไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย มิน่าล่ะพี่เซียวถึงได้รีบกลับบ้าน!”

เซียวหยางกระแอมออกมา “อู่ส้วย จริงจังหน่อย”

เย่หยุนซูถูกอู่ส้วยพูดอย่างนี้ใส่ก็หน้าแดงระเรื่อทันที

เห็นเซียวหยางกับคุณชายน้อยขานเรียกกันว่าพี่น้อง ผู้จัดการก็ตกตะลึงมาก พูดติด ๆ ขัด ๆ ทันที “คุณ……คุณชายน้อย พวกคุณรู้จักกันเหรอคะ?”

เติ้งเจียเฉิงและเสิ่นเจียเจียอึ้งกันไปเลย

“นี่คือเพื่อนสนิทของฉัน” ขณะที่พูด อู่ส้วยก็โอบไหล่เซียวหยางเอาไว้ แล้วหันไปถามผู้จัดการร้านว่า “เมื่อกี้นี้เธอว่าใครเป็นขโมยนะ?”

เซียวหยางพูดอย่างจนปัญญา “เรื่องมันเป็นแบบนี้ ฉันเอาแหวนเพชรวงนั้นที่คุณลุงให้ฉันมา มอบให้กับภรรยาของฉัน แต่หล่อนเอาแต่ยืนกรานว่าฉันขโมยมาจากคุณลุง”

“อะไรนะ?” ทันใดนั้น อู่ส้วยก็โมโหเป็นอย่างมาก “เธอแม่งเอาตาไปไว้ในเป้ากางเกงหรือไง!”

“รีบไปเคลียร์เงินที่ฝ่ายบัญชี แล้วไสหัวไปซะ! ร้านของพวกเราไม่ต้องการพนักงานที่ชอบดูถูกคนอื่นแบบเธอ”

เห็นเจ้านายน้อยเกรี้ยวกราดขึ้นมา ผู้จัดการร้านก็ขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด “คุณชายคะ ขอร้องล่ะค่ะอย่าไล่ฉันออกเลย ครอบครัวของฉันหวังพึ่งพาฉันเลี้ยงดูอยู่นะคะ!”

“หลายปีก่อนตู้เซฟของท่านประธานเคยถูกคนงัดไม่ใช่เหรอคะ ฉันก็แค่เป็นห่วงว่า……”

“อย่าพูดมากอยู่! รีบไสหัวไปซะ!” อู่ส้วยพูดอย่างหงุดหงิด

เห็นผู้จัดการร้านร้องไห้จนตาแดง เซียวหยางก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมา “อู่ส้วย หล่อนเองก็ลำบาก ลดตำแหน่งก็พอ!”

“ขอบคุณค่ะคุณเซียว ขอบคุณมากค่ะคุณเซียว!” ผู้จัดการกล่าวขอบคุณ

“แต่ว่า……” อู่ส้วยยังรู้สึกผิดต่อเซียวหยาง พนักงานของตัวเองมีตาแต่หามีแววไม่ เลยทำให้เซียวหยางได้รับความไม่เป็นธรรมขนาดนี้

เซียวหยางโบกมือ มองไปที่พนักงานร้านพลางยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เลวนะ สุขุมเป็นมืออาชีพดี ตำแหน่งผู้จัดการร้านพิจารณาให้เธอก็ได้นะ!”

“ยังต้องพิจารณาอะไรอีก พี่ว่าเธอโอเคงั้นก็เลือกเธอเลยแล้วกัน! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอคือผู้จัดการร้านคนใหม่ของสาขานี้” อู่ส้วยเอ่ยพูด

พนักงานขายคนนั้นประหลาดใจมาก เธอมองเซียวหยางแล้วรีบเอ่ยขอบคุณ

ผู้จัดการร้านคิดเองเออเองไปหมด สุดท้ายเกิดผลเสียกับตัวเอง เดิมทีคิดจะทำดีเอาหน้าต่อหน้าท่านประธานสักหน่อย หวังว่าครั้งนี้จะได้เลื่อนตำแหน่งเพิ่มเงินเดือน แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังต้องเสียข้าวสารไปอีกหนึ่งกำมือ เสียตำแหน่งผู้จัดการร้านไปซ้ำยังถูกลดเงินเดือนอีกด้วย

เธอยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองหนึ่งฉาด โทษที่ตัวเองมีตาแต่หามีแววไม่ ถึงได้ไปล่วงเกินเพื่อนสนิทของคุณชาย

อู่ส้วยมองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ข้างเซียวหยาง แล้วเอ่ยถาม “พี่เซียว สองคนนี้คือ?”

เติ้งเจียเฉิงและเสิ่นเจียเจียวิตกกังวลมาก!

เมื่อครู่ตอนที่เซียวหยางถูกเข้าใจผิด เติ้งเจียเฉิงซ้ำเติมไม่หยุด เขากำมือทั้งสองข้างจนแน่น ตื่นเต้นกังวลใจมาก เชื่อว่าเซียวหยางต้องใช้โอกาสนี้เอาคืนตัวเองแน่นอน

เสิ่นเจียเจียก็จับแหวนเพชรในมือเอาไว้จนแน่น กลัวว่าเซียวหยางจะแก้แค้นไม่ยอมให้อู่ส้วยขายแหวนเพชรวงนี้ให้กับเธอ

เธอชอบแหวนเพชรวงนี้เป็นอย่างมาก ยังไงก็ต้องซื้อให้ได้!

เซียวหยางยิ้มแล้วแนะนำกับอู่ส้วยว่า “คนนี้คือเสิ่นเจียเจีย เป็นเพื่อนรักของเย่หยุนซูภรรยาฉัน ส่วนคนนี้คือคู่หมั้นของเธอชื่อเติ้งเจียเฉิง วันนี้ตั้งใจมาเลือกแหวนแต่งงานที่ร้านของพวกนาย”

เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเมื่อครู่นี้เลย เหมือนกับเมื่อครู่นี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“ในเมื่อเป็นเพื่อนของพี่สะใภ้ งั้นผมต้องไว้หน้าพี่เซียวอยู่แล้ว”

“เอาแบบนี้แล้วกัน วันนี้ไม่ว่าพวกคุณเลือกแหวนเพชรวงไหน ผมจะขายให้พวกคุณเพียงครึ่งราคา” อู่ส้วยพูดอย่างใจกว้าง

เติ้งเจียเฉิงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ดูดีใจเป็นอย่างมาก ครึ่งราคางั้นก็จ่ายแค่หนึ่งแสนหยวนเองน่ะสิ แบบนี้ก็ลดภาระเขาลงได้เยอะเลย

“ขอบคุณครับ ขอบคุณ!”

อู่ส้วยยิ้มพลางเอ่ยพูด “คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ถ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณพี่เซียวของผมเถอะ!”

เติ้งเจียเฉิงหันไปโค้งคำนับให้กับเซียวหยาง น้ำเสียงที่พูดก็เหมือนกำลังจะร้องไห้ “น้องชาย เรื่องเมื่อครู่นี้ฉันผิดเอง หวังว่านายจะไม่เก็บไปใส่ใจนะ”

ขณะที่พูด เติ้งเจียเฉิงก็โผเข้าไปกอดเซียวหยางแล้วร้องไห้โฮ โตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยพบเจอคนที่ใจกว้างขนาดนี้มาก่อนเลย

เซียวหยางรีบดันเติ้งเจียเฉิงออกไป ลูกผู้ชายอกสามศอกมากอดมาร้องไห้อะไรกัน ไม่เข้าท่าเลย!

“ขอโทษด้วยนะ!” เสิ่นเจียเจียก้มหัวแสดงความขอโทษต่อเซียวหยาง

คิดถึงคำพูดเหล่านั้นของตัวเองเมื่อครู่นี้ เสิ่นเจียเจียก็รู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

หลังจากที่เติ้งเจียเฉิงและเสิ่นเจียเจียซื้อแหวนเสร็จ ก่อนกลับไปก็ได้กำชับกับเย่หยุนซูว่าต้องพาเซียวหยางมาร่วมงานแต่งของพวกเขาให้ได้

หลังร่ำลากับอู่ส้วยแล้ว เซียวหยางก็เดินตามเย่หยุนซูไปขึ้นรถ

“ทำไมนายถึงได้รู้จักกับคุณชายน้อยของร้านลาวเฟิงเซียง?” เย่หยุนซูเอ่ยถาม

ตอนที่เธอขับรถ ได้หันมองแหวนเพชรเม็ดโตที่ส่องประกายอยู่บนนิ้วนางมือขวาของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง รู้สึกเหมือนฝันไม่มีผิด!

เซียวหยางครุ่นคิดแล้วเอ่ยพูด “หลายวันก่อนฉันออกไปซื้อกับข้าว เดินไปถึงสี่แยกก็บังเอิญได้พบกับรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังขับย้อนศร ฉันเลยรีบวิ่งไปเตือนอู่ส้วยที่กำลังขับรถอยู่ได้ทันเวลาพอดี เลยช่วยชีวิตเขาไว้ได้”

ได้แต่หาข้ออ้างมาหลอกเย่หยุนซูไปก่อน ถ้าหากบอกความจริงออกไปกลัวว่าเย่หยุนซูจะถีบเขาลงจากรถ

สำหรับข้ออ้างนี้ของเซียวหยาง เย่หยุนซูเชื่ออย่างสนิทใจ เธอรู้ว่าเซียวหยางไม่มีความสามารถอะไร ก็มีแค่เรื่องพวกนี้แหละที่พอจะทำได้

เมื่อกลับถึงบ้าน เซียวหยางรีบไปเตรียมมื้อค่ำ ยุ่งจนถึงสามทุ่มถึงจะได้ทานมื้อค่ำกัน

ทานมื้อค่ำเสร็จ เซียวหยางก็ปูที่นอนบนพื้น เย่หยุนซูขมวดคิ้วนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ดูแผนความร่วมมือที่จะทำกับบริษัท บริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ป

“มีอะไรเหรอ?” เซียวหยางเอ่ยถาม

เย่หยุนซูส่ายหน้า “ฉันกำลังอ่านแผนความร่วมมืออยู่ ไม่รู้ว่าแผนความร่วมมือฉบับนี้ส่งไปให้ประธานเฉียนแล้วเขาจะพอใจหรือเปล่า ประธานเฉียนของบริษัทบริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ปเป็นนักลงทุนมือหนึ่งของเมืองหยินโจว”

“ลือกันว่าเขามีฝ่ายรัฐบาลคอยหนุนหลังอยู่ ธุรกิจที่สามารถร่วมงานกับพวกเขาต่างได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำ ฐานะในวงการธุรกิจก็ยกระดับสูงขึ้นเหมือนเรือที่สูงขึ้นตามระดับน้ำ”

เซียวหยางพยักหน้า “งั้นก็ไม่เลวเลยนะ!”

“แต่ว่าคนที่อยากร่วมงานกับประธานเฉียนมีเยอะแยะมากมาย คู่แข่งของพวกเรามีไม่ต่ำกว่าห้าสิบบริษัท” เย่หยุนซูพูดพลางส่ายหน้า แววตาบ่งบอกว่าจนปัญญา

“วางใจเถอะ บริษัทหยุนซูต้องเป็นบริษัทที่พิเศษสุด” พูดจบ เซียวหยางก็นอนลง

เย่หยุนซูมองเซียวหยางแล้วยิ้มออกมา จากนั้นก็หาวหนึ่งครั้ง ยุ่งมาทั้งวันก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน!