บทที่ 88 ลักษณะที่สง่างามของสตรีที่แข็งแกร่ง
บทที่ 88 ลักษณะที่สง่างามของสตรีที่แข็งแกร่ง
พ่อและลูกสาวยังคงมีความสุขเมื่อได้ชอป!
อย่างไรก็ตามความเร็วในการใช้จ่ายเงินก็ลื่นไหลมากเช่นกัน ทั้งซื้อนมผง แปรงสีฟันไฟฟ้า เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า หมวก แว่นตา ตุ๊กตาหมี
เมื่อออกจากจัตุรัสเต๋อจี่ มือของพวกเขาก็เต็มไปด้วยถุงข้าวของพะรุงพะรังแล้ว
“พ่อคะ เราจะไปไหนกันต่อ?” ถังเหมียวเหมี่ยวในอ้อมแขนของโจวอี้ถามอย่างเกียจคร้านขณะนั่งแท็กซี่
“กลับบ้านไปเก็บของพวกนี้เข้าบ้านก่อน แล้วพ่อจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ พอเรากินเสร็จแล้ว พ่อจะพาไปสถานที่ดี ๆ นะ” โจวอี้กล่าวอย่างร่าเริง
“สถานที่ดี ๆ?” ถังเหมียวเหมี่ยวได้ยินก็พลันกระตือรือร้นขึ้นมา
“ไว้เป็นความลับก่อนน่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายค่อยรู้” โจวอี้กล่าวอย่างลึกลับ
“โอเคค่ะ!”
เมื่อเขากลับไปที่ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า และเก็บข้าวของเสร็จ โจวอี้ก็เปิดทีวีให้ลูกสาวของเขาและปล่อยให้เธอดูเอง ส่วนเขาสวมผ้ากันเปื้อนและเข้าไปทำอาหารในครัว
เขาทำอาหารสี่จานและน้ำแกงหนึ่งอย่าง มีครบทั้งสี กลิ่น และรส
ถังเหมียวเหมี่ยวที่เล่นมาตลอดเช้าก็หิวมากแล้ว ดังนั้นเธอจึงเขมือบลงไปราวกับหมาป่าจนปากชุ่มเยิ้มไปด้วยน้ำมัน
หลังอาหารกลางวันก็พลันรู้สึกง่วงนอน
เธอเล่นกับโจวอี้ก่อนผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของเขา
โจวอี้นั่งบนโซฟาพลางอุ้มลูกสาวไว้ เขาไม่มีความคิดที่จะวางเธอลงบนเตียงในห้องนอน ยิ่งเขาเข้ากับลูกสาวได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น นางฟ้าตัวน้อยที่พระเจ้ามอบให้นี้ทำให้เขาใจละลายเสมอ
จินหลิงฟอร์จูนพลาซ่า
ถังหว่านจับแขนของจางซิ่วจือและเดินไปรอบ ๆ ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพบกันตอนสิบเอ็ดโมงเช้า จางซิ่วจือก็แสดงความกระตือรือร้นอย่างมาก ในตอนแรกถังหว่านไม่ค่อยสบายใจนัก แต่พวกเธอก็สนิทกันมากขึ้นหลังจากได้พูดคุย กิน และเดินเล่นไปรอบ ๆ
จางซิ่วจือเป็นผู้หญิงเฉลียวฉลาดที่มีความฉลาดทางสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์สูง แม้ว่าเธอกับถังหว่านจะมีช่องว่างระหว่างวัยอยู่แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา ซึ่งทำให้ถังหว่านรู้สึกเหมือนอยู่กับพี่สาวใจดีคนหนึ่ง
“เสี่ยวหว่าน โซนเสื้อผ้าเด็กอยู่ข้างหน้านะ ไปซื้อเสื้อผ้าให้ลูกชายกับฉันหน่อยไหม เด็กซนของฉันกลับมามอมแมมทุกวันจนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งหลายตัว” จางซิ่วจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายจนใจแต่ก็เปี่ยมด้วยความสุขมากเช่นกัน
“ได้ค่ะ!” ถังหว่านยิ้ม
“เสี่ยวหว่าน เธอแต่งงานแล้วใช่ไหม? ไห่เทาบอกว่าสามีของเธอเป็นหมอน่ะ” จางซิ่วจือถามด้วยรอยยิ้ม
ถังหว่านไม่ต้องการตอบคำถามนี้แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรปฏิเสธ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและพูดว่า “ลูกสาวของฉันอายุสี่ขวบครึ่ง”
“เธอมีลูกสาวแล้วเหรอ” จางซิ่วจือดูประหลาดใจขณะมองถังหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า และพูดด้วยความอิจฉา “เธอหุ่นดีจัง ฉันนี่สิที่อ้วนขึ้นนิดหน่อยหลังคลอดลูก รู้ไหมว่าสามีแกล้งฉันเรื่องอะไร เขาบอกว่าชาติที่แล้วฉันต้องเป็นหมูแน่ ๆ ถึงเอาแต่กินกับนอนจนอ้วน ตอนนั้นฉันโกรธมากจนไล่เขาไปทั่วบ้านแน่ะ ฮ่าๆๆ……”
“อุ๊บ…”
ถังหว่านอดที่จะหัวเราะไม่ได้จนต้องยกมือขึ้นปิดปาก
ทั้งสองได้เข้าไปในโซนเสื้อผ้าเด็กแล้ว
จางซิ่วจือบอกว่าจะซื้อเสื้อผ้าให้ลูกชาย แต่เมื่อรู้ว่าถังหว่านมีลูกสาวแล้ว เธอก็แสดงออกชัดเจนถึงความอิจฉาทั้งสีหน้าและน้ำเสียง เพราะคิดว่าเจ้าหญิงน้อยดีกว่าเด็กซนเสียอีก และเสื้อผ้าเด็กทั้งหมดที่เธอเลือกก็เป็นของเด็กผู้หญิง ดังนั้นเธอจึงยืนกรานที่จะซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้ถังเหมียวเหมี่ยว
“เอ๊ะ? ถังหว่าน?”
ผู้หญิงสองคนถือถุงชอปปิงมาจากระยะไกล เมื่อเห็นถังหว่านและจางซิ่วจือ หนึ่งในนั้นก็อุทานด้วยความประหลาดใจ
“พี่เฉิน ช่างบังเอิญเหลือเกินค่ะ” ถังหว่านกล่าวเบา ๆ
“บังเอิญจริง! ฉันมาซื้อของขวัญวันเกิดให้ลูกของลูกค้าพอดี! เลือกมาตั้งนานแล้ว แต่มันก็แพงเกินไปหรือไม่ก็คุณภาพไม่ดีพอ นี่ยังเลือกไม่เสร็จเลย!” เฉินอ้ายหลินส่ายหน้า ก่อนเอ่ยถามต่อ “ทำไมเธอไม่อยู่ที่บริษัทล่ะ ไม่กลัวที่จะถูกแฟน ๆ จำได้เหรอ? แถมตอนนี้เป็นเวลาทองของเธอด้วย รีบอัดอัลบั้มสักทีสิจะได้กลับมามีคะแนนนิยมเท่ากับก่อนหน้านี้”
“ค่ะ” ถังหว่าน พยักหน้า
“แล้วนี่ใครเหรอ?” เฉินอ้ายหลินมองไปที่จางซิ่วจือ รู้สึกคลุมเครือว่าอีกฝ่ายค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตา ดูเหมือนเธอจะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนสักแห่ง แต่เธอจำจางซิ่วจือไม่ได้เลยสักนิด
“เธอคือพี่สะใภ้ซิ่วจือ เป็นเพื่อนของฉันค่ะ” ถังหว่านพูดจบก็ชี้ไปที่เฉินอ้ายหลิน แล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ นี่คือเฉินอ้ายหลิน ผู้จัดการของฉันค่ะ”
“สวัสดีค่ะ!” เฉินอ้ายหลินไม่เคยได้ยินว่าถังหว่านยังมีพี่สะใภ้ในจินหลิง แต่ก็รู้สึกเป็นกลางกับอีกฝ่าย เธอจึงพยักหน้าไปแกน ๆ และพูดกับถังหว่านว่า “เธอไม่ควรออกไปไหนนะ รีบกลับไปอัดเพลงเถอะ ฉันได้ติดต่อคุณเถาอ้ายหลิงแล้วและขอให้เขาเขียนเพลงดี ๆ ให้อยู่ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอตอนนี้คือต้องรีบอัดอัลบั้มซะ จะได้กลับมามีฐานแฟนคลับเท่ากับก่อนหน้านี้”
“ฉัน…”
“ผู้จัดการเฉินใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่าคุณเข้มงวดเกินไปหน่อยนะ ต่อให้งานจะมีความสำคัญ แต่ก็ไม่ควรทุ่มเทชีวิตไปกับงานให้มากเกินไปไม่ใช่เหรอคะ? เสี่ยวหว่านทำงานหนักพอแล้ว คุณไม่ให้เธอพักบ้างหรือไง?” เมื่อจางซิ่วจือทราบถึงตัวตนของเฉินอ้ายหลิน เธอจึงเอ่ยอย่างสุภาพ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่พอใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
เธออุตส่าห์ใช้โอกาสนี้ในการเข้าถึงถังหว่านเพื่อเซ็นสัญญาและพาถังหว่านออกไปรับประทานอาหารกลางวันและซื้อของเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพวกเธอ จะให้ผู้จัดการตัวเล็ก ๆ คนนี้ทำลายแผนของเธอไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
“หมายความว่ายังไง ถังหว่านเรียกคุณว่าพี่สะใภ้ก็แปลว่าคุณสนิทกับเธอ ในฐานะคนสนิท คุณไม่ควรสนับสนุนเรื่องของเธอเหรอ?” เฉินอ้ายหลินเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
“ฉันสนับสนุนอาชีพของเธออยู่แล้วค่ะ แต่คุณเข้าใจเรื่องสมดุลการทำงานและการพักผ่อนบ้างไหม? ใครจะรับผิดชอบถ้าเสี่ยวหว่านเหนื่อยเกินไป?” จางซิ่วจื่อถาม
“คุณ…”
“คุณเป็นใครคะ คุณเป็นแค่ผู้จัดการของเธอก็อย่าเข้มงวดมากนักสิคะ เสี่ยวหว่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันเป็นอิสระของเธอในการทำงานหรือซื้อของ” จางซิ่วจือเอ่ยอย่างวางอำนาจ
ใบหน้าของเฉินอ้ายหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในฐานะผู้จัดการในวงการบันเทิง เธอได้เห็นผู้คนมากมายทุกประเภทและคิดว่าเธอมีสายตาที่เฉียบแหลม
ตอนนี้เธอพบว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างถังหว่านเป็นเหมือนพี่สาวคนโตในละแวกนั้นมากกว่า แม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมเสื้อผ้าที่แปลกไปจากเดิมก็ตาม
เวลานี้เธอรู้ตัวแล้วว่ามันผิดคาด
ผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแสดงท่าทางทรงอำนาจออกมาแบบนี้ เธอก็รู้สึกราวกับเห็นหน้าใครบางคนอย่างเลือนราง
“คุณคือใครคะ?” เฉินอ้ายหลินถามอย่างลังเล
“ถ้าคุณไม่ใช่ผู้จัดการของถังหว่าน ฉันก็ไม่อยากตอบนักหรอกค่ะ” จางซิ่วจือเยาะเย้ยก่อนหยิบนามบัตรจากกระเป๋าของเธอยื่นให้เฉินอ้ายหลิน และกล่าวว่า “ฉันชื่อจางซิ่วจือ ผู้จัดการของอัญมณีสีฟ้า”
อัญมณีสีฟ้า?
ดวงตาของเฉินอ้ายหลินหดเกร็งขณะหยิบนามบัตรขึ้นมาดูสองสามครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจอย่างแรงกล้า
เธอรู้ดีเกี่ยวกับขนาดและมูลค่าตลาดของบริษัทอัญมณีนี้
เดี๋ยวนะ!
จู่ ๆ เฉินอ้ายหลินก็จำบางอย่างได้ ใบหน้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีขาวในครู่หนึ่ง และก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
จางซิ่วจือ เจ้าของกิจการอัญมณีสีฟ้า ไม่ใช่ภรรยาของหยางเซี่ยวหางแห่งหยางกรุ๊ปเหรอ?
ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง
แม้แต่ในมณฑลเจียงซูทั้งหมด หยางกรุ๊ปก็ยังถือเป็นยักษ์ใหญ่
เธอ!
ถังหว่านมองไปที่เฉินอ้ายหลินซึ่งหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมากจนเธอรู้สึกหมดหนทาง
“พี่สะใภ้ พี่เฉินก็ดีสำหรับฉันเหมือนกัน ไม่เป็นไร แต่วันนี้ฉันจะพักผ่อนและใช้เวลากับคุณ!” ถังหว่านกล่าว
จางซิ่วจือยิ้มอย่างอบอุ่น เธอจับมือถังหว่านแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคงเหนื่อยมากเพราะงานยุ่ง ฉันจะพาคุณไปที่ศาลาเสี่ยวชิงเพื่อหาหมอนวดที่ดีที่สุด คุณจะได้ผ่อนคลาย”
“ดีค่ะ!” ถังหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเธอก็มองไปที่เฉินอ้ายหลินและพูดเบา ๆ ว่า “พี่สาวเฉิน ไปก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปบริษัทเพื่ออัดเพลงค่ะ”