ตอนที่ 9: รู้วิธีหนี

หลี่ต้าจวงวางปืนลงบนโต๊ะและหยิบบุหรี่ออกมาเช่นกัน

เสี่ยวเฉิงพลันพ่นควันออกมาพร้อมหรี่ตา

“ก็มีแต่มือใหม่ที่ประสบการณ์น้อยเท่านั้นแหละที่ต้องใช้สองมือ พวกทหารผ่านศึกที่ผ่านการต่อสู้มาหลายร้อยครั้งใช้เพียงแค่มือเดียวทั้งนั้นแหละ”

เสี่ยวเฉิงกล่าวคำพูดเช่นนั้นออกมาพร้อมมองไปยังหลี่ต้าจวง “แล้วก็… อย่าลืมเคารพลูกพี่ของนายด้วยล่ะ”

จากนั้น เขาก็เคาะก้นบุหรี่และยืนขึ้น “ส่วนเธอ กลับห้องไปก็อย่าลืมทำความสะอาดด้วยแล้วกันนะ แต่ถ้าไม่อยากอยู่ที่นั่นแล้ว จะไปอยู่ที่อื่นก็ได้”

จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เดินออกไปโดยไม่ได้ดูผลลัพธ์เลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่ามันไม่จำเป็นเลย

“แกจะไปไหน? ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรือยังไงกัน?” หลี่ต้าจวงตะโกนเสียงดัง

หรานจิงเผยหน้าแดงด้วยความโกรธ “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว หัดดูตัวเองบ้างสิ!”

จากนั้น เธอก็โยนเป้ากระดาษของเสี่ยวเฉิงลงบนโต๊ะ “กระสุนหกนัด… เข้าเป้ากลางทุกนัด! รวมแล้วสามสิบคะแนน! นายประกอบปืนแพ้ยังไม่พอ ยังแพ้เสี่ยวเฉิงเรื่องนี้อีก!”

ดวงตาของหลี่ต้าจวงเบิกกว้าง เพื่อนร่วมงานอีกสองคนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

“ให้ตายเถอะ! นี่มันระดับมืออาชีพเชียวนะ!” เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนร้องอุทานเสียงดัง “เขาประกอบปืนพร้อมหมุนตัวยิงภายในสามวิ อีกทั้ง ยังยิงเข้าทุกเป้า! ไม่น่าเชื่อ!”

หลี่ต้าจวงรู้สึกเจ็บแปลบราวกับโดนตบหน้า ความเจ็บปวดที่เสียดแทงอยู่ในใจนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เขาต้องมาเสียหน้าต่อหญิงที่รัก…

ก่อนที่เสี่ยวเฉิงจะเดินออกไปจากสนามยิงปืน หลี่ต้าจวงก็พลันตะโกนขึ้น “คิดว่าหน่วยสวาทจะเก่งน้อยกว่าตำรวจธรรมดาหรือยังไงกัน?”

เสี่ยวเฉิงหยุดเดินและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาหันกลับมาและมองไปยังหลี่ต้าจวง “ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรือยังไงกัน? โวยวายอยู่ได้ น่ารำคาญ!”

หลี่ต้าจวงแทบจะพูดอะไรไม่ออก

จากนั้น เขาก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อหน่วยเราต้องออกไปจับอาชญากร ใครจะไปมีเวลาว่างไปนั่งประกอบปืนกันล่ะ? ถึงแกจะยิงเข้าเป้าทั้งหกนัด แต่ในระยะนั้น ฉันเองก็ทำได้เหมือนกัน! ยังไงก็เถอะ ในฐานะเจ้าหน้าที่หน่วยตำรวจหน่วยพิเศษ ฉันคงต้องสั่งสอนแกให้รู้ซึ้งถึงความแตกต่างที่แท้จริงของอำนาจระหว่างเราหน่อยแล้ว”

เสี่ยวเฉิงจ้องมองอย่างใจเย็น “งั้นมีอะไรจะแข่งอีกไหมล่ะ?”

“แกกล้าหรือยังไง?” หลี่ต้าจวงตอบกลับ

เสี่ยวไม่สนใจอะไรมากนัก เขากล่าวคำพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ใช่ว่าไม่กล้าแข่งนะ แต่คนแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ยังไงก็เถอะ เรียกฉันว่า “ลูกพี่” ก่อนสิ”

“ไอ้…” ท่าทีของหลี่ต้าจวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ถ้านายไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร งั้นฉันขอตัว” ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็หันกลับไป แต่ทว่า ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลี่ต้าจวงจะกัดฟันและตะโกนคำพูดที่ตนไม่อยากจะพูดออกมาด้วยสายตาแห่งโทสะที่กำลังลุกโชน

“ลูกพี่!”

ทันใดนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยหันหลังให้พวกเขาทุกคน

หลี่ต้าจวงพลันกัดฟันพร้อมคิดว่าเดี๋ยวเสี่ยวเฉิงก็จะหัวเราะได้อีกไม่นานแน่

“พูดให้มันดูมีความรัก ความอบอุ่นหน่อยไม่ได้หรือยังไงกัน?” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว หน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยสวาทคือการต่อสู้! กล้าที่จะสู้กับฉันบนสังเวียนไหมล่ะ? ถ้าไม่ งั้นก็ไปให้พ้นแล้วก็อย่ามายุ่งกับหรานจิงอีก” หลี่ต้าจวงกล่าว

“นายต้องทำความเข้าใจใหม่ก่อนนะเพื่อน ฉันไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับหรานจิง มันเป็นเพราะเธอเองต่างหากล่ะที่อยากจะอยู่ในที่ของฉัน”