บทที่ 97 เสิ่นโตวถูกหลอก

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 97 เสิ่นโตวถูกหลอก

บทที่ 97 เสิ่นโตวถูกหลอก

เมื่อเห็นความขลาดกลัวในแววตาของคู่กรณี จงซื่อจึงเก็บยันต์ไป ทำให้กลิ่นอายน่าสะพรึงหายไปทันที คนที่เหลือจึงสามารถหายใจได้สะดวก

เสิ่นซูเหยียนผู้อยู่ไม่ไกลนักลุกขึ้น มองชายหนุ่มด้วยความเกรี้ยวกราด

เดิมนางคิดว่าตนเองกับลู่หยวนเป็นสหายกันมาหลายปี อย่างน้อยเขาก็ยอมรับทุกสิ่งที่นางทำในอดีต แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมีทีท่าเฉยชา ระหว่างพวกเขากลับกลายเป็นคนแปลกหน้าเพียงเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมาปีสองปี นางเคยคิดว่าขอเพียงสนทนาสักพัก ความสัมพันธ์น่าจะยังสามารถกลับไปเป็นดังเดิมได้

แต่ตอนนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงหงุดหงิดกับนางเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นถูกเขม่นเสียด้วยซ้ำ!

มาบอกว่านางน่ารังเกียจอย่างนั้นหรือ?!

ความอัปยศอดสูเช่นนี้ คุณหนูเสิ่นจะทานทนได้อย่างไร?!

เสิ่นซูเหยียนไม่รอให้ตัวเองปรับลมหายใจให้ดีก็พุ่งตรงเข้าไปหา กล่าวอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “ลู่หยวน เจ้ากล้าดูถูกข้า?! อย่าคิดว่าเจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตระกูลลู่แล้วพ่อของข้าจะไม่กล้าทำอะ…”

เพียะ!

ก่อนนางจะได้กล่าวจบ พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ใบหน้า ทำเอาทั้งร่างเซไปด้านข้าง

เมื่อได้สติขณะกุมแก้ม นางก็มองบิดาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านพ่อตบลูกหรือ”

ตั้งแต่เล็กจนโต อย่าว่าแต่ตีนางเลย ผู้เป็นพ่อยังไม่เคยพูดจาต่อว่าสักครั้ง แต่ตอนนี้กลับมาตบหน้านางเพราะลู่หยวนที่เป็นคนนอกอย่างนั้นหรือ?!

สายตาของเสิ่นโตวเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “หุบปากได้แล้ว! ข้าเอาใจเจ้ามากเกินไป ถึงได้กล้าไม่ให้ความเคารพต่อบุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้!”

ผู้นำตระกูลเสิ่นเกรงว่าบุตรสาวจะพูดอะไรอีก ดังนั้นจึงสะบัดมือทันที ส่งเสิ่นซูเหยียนออกไปหลายสิบจั้ง พร้อมมีโล่รอบกายปรากฏขึ้น ขังนางเอาไว้ข้างใน แม้คุณหนูเสิ่นจะตะโกนเพียงใดก็ไม่มีใครได้ยิน

จากนั้นเขาก็หันหลังไปคารวะคุณชายลู่ “ลูกสาวข้าทำให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจเสียแล้ว อภัยให้ข้าด้วย!”

ลู่หยวนเย้ยหยันอยู่ในใจ สายตาจับจ้องโล่ที่กันเสิ่นซูเหยียนเอาไว้ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าต่อให้เป็นเซียนยุทธ์ก็ไม่สามารถทะลวงโล่นี้ได้

สำนึกผิดตรงไหนกัน? อีกฝ่ายแค่เกรงว่าเขาจะบันดาลโทสะจนสังหารลูกสาว จึงปกป้องเสิ่นซูเหยียนด้วยการอ้างคำว่าขออภัย!

บุตรศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเสียงดัง พลางจิบชาที่ไป๋ชิวเอ๋อร์รินให้ “ไม่มีปัญหา”

เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นโตวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาไม่สามารถลงมือกับลู่หยวนได้ จึงต้องยับยั้งตนเองไว้ก่อน

หนี้แค้นนี้ ข้าจะไปสะสางทีหลัง!

ลู่หยวนวางถ้วยชาแล้วถามว่า “เจ้าเพิ่งบอกว่าคำพูดของข้ามันไม่เหมาะสมไม่ใช่หรือ? มันไม่เหมาะสมอย่างไรล่ะ?”

หัวใจของผู้ฟังถูกบีบรัดในทันที เขาสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ บังคับให้มุมปากยกขึ้น และก้มศีรษะตอบว่า “สิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์พูดมามันไม่เหมาะสมจริง ๆ รูปลักษณ์และพฤติกรรมของนางไม่เพียงแค่สมควรแก่การรังเกียจเท่านั้น แต่มันควรค่าแก่การสมเพชเวทนาต่างหาก!”

“นับจากวันนี้ไป ข้าจะขังนางไว้ในน้ำพุกระบี่ เพื่อให้นางมองภาพสะท้อนความเลวร้ายของตนเอง ไม่มีวันมาปรากฏตัวต่อหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก ไม่ให้ระคายสายตาของท่านอีกอย่างแน่นอน!”

หลังจากนั้น เสิ่นโตวก็กล้ำกลืนฝืนทน หยิบกระบี่ยาวสามฉื่อออกมา “ตระกูลเสิ่นขอมอบกระบี่ยุวชนให้ หวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะให้อภัย ไม่ใส่ใจสาวน้อยผู้นั้นอีก”

ทันทีที่ลู่หยวนยกมือขึ้น กระบี่ยุวชนก็ตกลงมาอยู่ในมือของชายหนุ่ม เมื่อรับมันมา กลิ่นอายหนักอึ้งก็แผ่มาจากฝักกระบี่

ลู่หยวนปลดปล่อยพลังวิญญาณจนกระบี่ยุวชนส่งเสียงครวญครางต่ำออกมา จากนั้นคมกระบี่สีเขียวก็พลันถูกดึงออกจากฝัก ทำให้กลิ่นอายเย็นเยียบปะทะใบหน้าของเขา

กระบี่นี่ไม่เลว… น่าจะอยู่ระดับครึ่งก้าวสู่จักรพรรดิ

หึ! ตระกูลเสิ่นนี้ใจกว้างเสียจริง เพียงเพื่อให้อภัยถึงกับมอบอาวุธระดับนี้ให้

แบบนี้ก็กดดันเพื่อให้แสดงความขอโทษมากกว่านี้ไม่ได้แล้วสิ!

ลู่หยวนเก็บกระบี่ยุวชนไป “ในเมื่อผู้นำตระกูลเสิ่นกล่าวเช่นนั้น ข้าก็ขอรับไว้ด้วยความเกรงใจ แต่ว่านะ”

ภูเขาใหญ่ที่เสิ่นโตวกำลังจะยกออกจากอกเมื่อครู่ย้อนกลับมาอีกครั้ง เขายิ้มออกมา “บุตรศักดิ์สิทธิ์เชิญพูดมา”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ชี้ไปที่ไป๋ชิวเอ๋อร์ จากนั้นกล่าวว่า “ชิวเอ๋อร์เป็นผู้ฝึกกระบี่เช่นกัน ตอนนี้นางยังไม่มีอาวุธที่เป็นประโยชน์ ผู้นำตระกูลเสิ่นเลื่องชื่อว่าเป็นสำนักกระบี่แดนเหนือไม่ใช่หรือ? เจ้าย่อมสามารถหากระบี่ยาวที่เหมาะกับนางได้เป็นแน่”

เขาถึงขั้นกล่าวอย่างใจกว้างว่า “ไม่ต้องห่วง… ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามอบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์หรือระดับสวรรค์ให้ แค่เพียงระดับจักรพรรดิก็พอแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นโตวก็แทบกระอักโลหิตออกมา

คิดจะเอาอาวุธระดับจักรพรรดิเชียวหรือ?

นี่มันอาวุธระดับจักรพรรดินะ ไม่ใช่ผักกาดขาวตามตลาดเสียหน่อย!

ทั่วทั้งตระกูลเสิ่นไม่มีใครที่สามารถผลิตอาวุธระดับจักรพรรดิได้!

เมื่อตระกูลเสิ่นที่เหลือได้ยินคำขอของลู่หยวน พวกเขาก็ลอบมีน้ำโหขึ้นมา นี่มันปล้นกันชัด ๆ!

เสิ่นโตวก้มศีรษะ ผ่านไปหลายอึดใจจึงเงยหน้าขึ้น ในใจขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จากนั้นหยิบกระบี่ยาวออกมา และได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าหากไม่ทำให้เจ้าหนุ่มคนนี้พึงพอใจ ย่อมเป็นการยั่วโมโหอู่หมิงเสวี่ยและลู่เทียนเหอให้มาเยือน …เรื่องแบบนี้ไม่ดีแน่!

หากการมอบกระบี่เล่มนี้ ทำให้รอดจากช่วงเวลานี้ไปได้ ต่อให้ผู้นำตระกูลเสิ่นต้องเสี่ยงชีวิต ก็จะต้องเอากระบี่เล่มนี้กลับมาให้ได้!

ทันทีที่กระบี่เล่มนี้ถูกนำออกมา พลังวิญญาณทั่วพื้นที่พลันปั่นป่วน! กระบี่ยาวคล้ายกับมีลมหายใจ จังหวะหายใจนั้นประหนึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณรอบข้างได้

“นี่คือกระบี่หงส์ทองระดับจักรพรรดิ คุณหญิงชิวเอ๋อร์ลองดูได้หรือไม่?”

ไป๋ชิวเอ๋อร์ชำเลืองมองชายหนุ่ม เมื่อได้รับอนุญาตจากอีกฝ่าย นางจึงลุกขึ้นแล้วถือกระบี่ยาวไว้ในมือ

ทันทีที่กระบี่หงส์ทองตกอยู่ในมือของไป๋ชิวเอ๋อร์ มันก็สั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นส่งเสียงร่ำร้องออกมา กระบี่ออกจากฝักทันทีราวกับยอมจำนนให้นางเป็นเจ้าของ

ลู่หยวนพยักหน้า “ดูท่าว่าชิวเอ๋อร์กับกระบี่เล่มนี้จะเหมาะสมกันดี รีบทำสัญญากับมันเถอะ”

ไป๋ชิวเอ๋อร์พยักหน้าอย่างมีความสุข เค้นพลังวิญญาณพื้นฐานถ่ายทอดไปที่มัน กระบี่หงส์ทองดูดกลืนพลังวิญญาณของนางทั้งหมดเข้าไป ก่อนจะส่องแสงสว่างวูบไหว และเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บของของไป๋ชิวเอ๋อร์

หลังจากนางได้รับอาวุธทรงพลังเช่นนี้มาแล้ว จึงหันไปด้านข้างแล้วยกมือไปทางลู่หยวน “ขอบคุณคุณชาย!”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เหลือบตามอง พบว่าใบหน้าของเสิ่นโตวมืดมนจนแทบจะกลั่นออกมาเป็นหยดได้

เด็กเปรตคนนี้อาจจะวางแผนเอาไว้อยู่แล้ว ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะยอมปล่อยมือจากอาวุธเหล่านี้หรือไม่ ขอเพียงผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ เขาจะต้องวางแผนกลับไปเอามาอย่างแน่นอน!

แต่ตอนนี้… กระบี่หงส์ทองถึงกับยอมรับไป๋ชิวเอ๋อร์เป็นเจ้าของไปเสียแล้ว!

แบบนี้ คนอยู่กระบี่รอด คนสิ้นกระบี่สลาย!

นี่มันอ้อยเข้าปากช้างชัด ๆ ให้แล้วให้เลย!

ผู้นำตระกูลเสิ่นรู้สึกได้ว่าโลหิตกำลังเคลื่อนมาตามลำคอ อาวุธระดับจักรพรรดิ… หายไปเสียแล้ว!

ลู่หยวนยิ้มรับอย่างใจกว้าง กล่าวกับไป๋ชิวเอ๋อร์ว่า “เด็กโง่ ไม่ต้องขอบคุณข้า ขอบคุณผู้นำตระกูลเสิ่นสิ ข้าเพียงแค่กล่าวไปทั้งอย่างนั้น คาดไม่ถึงว่าผู้นำตระกูลเสิ่นจะตรงไปตรงมา ถึงกับมอบกระบี่ระดับจักรพรรดิให้”

พรวด!

เสิ่นโตวกระอักโลหิตออกมา เขารู้สึกว่าดวงตามืดบอดไปแล้ว

แค่พูดไปทั้งอย่างนั้นหรือ?!

เจ้าเด็กนี่กำลังหลอกกันหรืออย่างไร?!

สมาชิกทุกคนของตระกูลเสิ่นก้าวมาข้างหน้าเพื่อพยุงร่างของชายวัยกลางคนทันที

เสียงของลู่หยวนยังคงดังต่อไป “จุ๊ ๆๆ ผู้นำตระกูลเสิ่น เจ้านิสัยไม่ดีเลย มากระอักโลหิตหลังจากมอบอาวุธระดับจักรพรรดิให้ หากอาวุธระดับจักรพรรดิของตระกูลเสิ่นเหล่านั้นหายไปขึ้นมา เจ้าจะไม่คิดฆ่าตัวตายเพื่อขอโทษฟ้าดินเอาหรอกหรือ?”

ตอนนี้อารมณ์ของผู้นำตระกูลเสิ่นแทบไม่เหลือ พอคิดว่าอาวุธตระกูลหลายชิ้นที่ตระกูลเสิ่นสั่งสมมานับหมื่นปี ยังไม่ทันได้ส่งมอบให้กับลูกหลานก็กลับถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์พรากไป กลิ่นโลหิตก็พลันคละคลุ้งในปากทันที ทุกคนในตระกูลรีบหยิบยาเม็ดออกมาทำให้อาการเขาพอทรงตัวได้

ผู้คนจากตระกูลใหญ่จำนวนมากอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าเสิ่นโตวถูกหลอกเช่นนี้ ก็อดที่จะก้าวถอยหลังสองสามก้าวไม่ได้ ด้วยเกรงว่าจะถูกลู่หยวนจ้องมองมา

พวกเขาไม่มีทรัพยากรมากเท่าตระกูลเสิ่น หากถูกหลอกให้ยกอาวุธระดับจักรพรรดิไป พวกเขาอาจจะต้องคุกเข่ากับพื้นเพื่อร่ำไห้!