บทที่ 96 ยังจะทำให้ข้ารังเกียจด้วยอย่างนั้นหรือ (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 96 ยังจะทำให้ข้ารังเกียจด้วยอย่างนั้นหรือ? (ปลาย)

บทที่ 96 ยังจะทำให้ข้ารังเกียจด้วยอย่างนั้นหรือ? (ปลาย)

ผ่านมาหลายวัน บุตรศักดิ์สิทธิ์พักอยู่ในห้องโถงทางตะวันตก เพราะไป๋ชิวเอ๋อร์แวะเวียนมาหาที่นี่หลายครั้ง ทำให้เขาต้องอยู่รอนาง

คนที่เหลือจากตระกูลมาเยี่ยมคนแล้วคนเล่า บอกว่าพวกเขาอยากพบคุณชายลู่ แต่ก็ถูกกันออกไปเช่นกัน

จนกระทั่งงานเลี้ยงวันเกิดเริ่มขึ้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ออกจากห้องโถงใหญ่ เสิ่นซูเหยียนที่รออยู่นอกห้องโถงทางตะวันตกอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าลู่หยวนออกมา นางจึงกล่าวทักทายทันทีด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน “ลู่หยวน โปรดตามข้ามา”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้กล่าวอะไร เขาเดินตามนางจนไปถึงห้องโถงผู้นำตระกูลของตระกูลเสิ่น

ฉินอี่หานและไป๋ชิวเอ๋อร์เดินอยู่ข้างเขาตลอดเวลา ส่วนเทียนเม่ยเอ๋อร์กลายร่างเป็นจิ้งจอก ยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขนของบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบงัน

ไม่นานกลุ่มคนก็มาถึงนอกห้องโถงผู้นำตระกูล

มันถูกสร้างอยู่บนเทือกเขาที่ถูกผ่าครึ่งจนดูราวกับแท่นขนาดใหญ่ โดยปกติมันคือสถานที่ที่ลูกหลานตระกูลเสิ่นใช้เป็นลานฝึกฝนกระบี่ แต่ในตอนนี้มีที่นั่งจำนวนมากถูกตระเตรียมไว้

ลู่หยวนเพิ่งก้าวขาเข้าสู่ห้องโถงผู้นำตระกูล ก็พบเสิ่นโตวคลี่ยิ้มรออยู่แล้ว พร้อมเข้ามาทักทายด้วยตัวเอง “เชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์!”

คนในห้องโถงยกมือขึ้นคารวะทันที พร้อมกล่าวทักทายชายหนุ่มเช่นกัน

ผู้นำเสิ่นนำทางด้วยตัวเอง เพื่อพาอีกฝ่ายมานั่งที่

ฉินอี่หานและไป๋ชิวเอ๋อร์คุกเข่าอยู่เคียงข้างบุตรศักดิ์สิทธิ์ดังบุปผางามประดับซ้ายขวาอย่างเป็นธรรมชาติ ยามนี้หลายคนเข้ามารวมตัวอยู่ในห้องโถงแล้ว

ผู้ที่สามารถเข้ามานั่งประจำที่ต้องเป็นคนจากตระกูลยิ่งใหญ่ หรือไม่ก็เป็นบุคคลสำคัญของแผ่นดินหยวนหง

พวกเขาส่วนใหญ่ยังคงครั่นคร้ามในเกียรติยศของไป๋ชิวเอ๋อร์ นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ และว่าที่นายหญิงคนถัดไป ในห้องโถงนี้น่าจะมีที่นั่งสำหรับนางอยู่แล้ว แต่ตอนนี้โฉมสะคราญผู้เย็นชากลับนั่งอยู่ข้างกายลู่หยวนราวกับสาวใช้ …ถึงขั้นรินชาให้เสียด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นดังนี้ คุณชายจำนวนมากจากตระกูลใหญ่จึงนึกริษยาชายหนุ่ม พวกเขาหลายคนเดินทางมาตระกูลเสิ่นเมื่อไม่กี่วันก่อน การได้พบกับไป๋ชิวเอ๋อร์นับว่ามีวาสนามากพอแล้ว ด้วยใบหน้าที่งดงามราวกับเซียน หากได้มองสักครั้งก็ยากจะลืมเลือน

ตอนแรกเหล่าคุณชายเริ่มวางแผนในใจว่า หลังจากกลับไป จะต้องรีบเร่งให้ผู้อาวุโสในตระกูลทำเรื่องขอหมั้นหมายกับตระกูลไป๋ด้วยตัวเอง

แต่ตอนนี้ แผนที่วางไว้จบสิ้นแล้ว!

ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะภูมิหลังตระกูลหรือการบ่มเพาะ ลูกหลานตระกูลใหญ่ที่นี่ก็ไม่อาจเทียบเคียงบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้

บางคนแม้กระทั่งรูปลักษณ์หน้าตาก็ยังห่างชั้นจากเขาคนนี้ถึงสิบขั้น!

ลู่หยวนย่อมสังเกตเห็นสายตาของชายเหล่านี้ เขาเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นแววตาอันเย็นเยียบ เพราะชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครหน้าไหนปรารถนาของของตน

ทุกคนก้มศีรษะทันที และไม่กล้ามองมาอีก!

อีกด้านหนึ่ง เสิ่นซูเหยียนยืนอยู่ด้วยท่าทางงุ่มง่าม นางวางแผนจะนั่งกับลู่หยวนเพื่อตีสนิทชิดใกล้ ต่อให้ต้องยกชายกน้ำให้เขาเหมือนสาวใช้ก็ยอม ขอเพียงแค่มีโอกาสสนทนากับชายหนุ่ม ย่อมสามารถหวนคืนความสัมพันธ์ในวันวานกลับคืนมาได้

แต่ตอนนี้ ชายที่หมายปองไม่เพียงถูกสตรีผู้งดงามขนาบข้างเท่านั้น เขาถึงขั้นมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในอ้อมแขนอีก แล้วนางจะไปอยู่ตรงไหนได้?

เสิ่นโตวขยิบตาให้บุตรสาว อีกฝ่ายจึงถอยออกมาอย่างไม่เต็มใจ

ผู้นำตระกูลเสิ่นยิ้มแล้วกล่าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ให้เกียรติมาเช่นนี้ ตระกูลเสิ่นย่อมเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นแน่! เมื่องานเลี้ยงนี้สิ้นสุดลง หากท่านสนใจ ข้าสามารถวานให้ลูกสาวพาไปเดินชมรอบ ๆ ตระกูลเสิ่นได้ ที่นี่ยังมีน้ำพุกระบี่ที่ท่านยังไม่ได้เห็นอยู่อีก”

“ข้าไม่สนใจสิ่งนี้”

ลู่หยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “ลูกสาวของเจ้าไม่ได้ดีอย่างที่นางคิด รูปลักษณ์และพฤติกรรมสมควรแก่การรังเกียจตนเองยังไม่พอ ยังอยากทำให้ข้ารังเกียจไปด้วยงั้นหรือ?”

เสียงของชายหนุ่มไม่ดัง แต่มันก็มากพอจะทำให้ผู้คนได้ยิน ห้องโถงผู้นำตระกูลพลันตกอยู่ในความเงียบ ทว่าไม่มีใครกล้าระบายโทสะออกมา

ไม่มีใครในที่นี่รู้ว่าเสิ่นโตวรักลูกสาวเหมือนกับรักชีวิตตัวเอง แต่ลู่หยวนคนนั้นถึงกับพูดถึงเสิ่นซูเหยียนต่อหน้า สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ไม่เกรงกลัว!

ถึงแม้เสิ่นซูเหยียนจะเป็นสตรีผู้สูงส่ง มิได้ด้อยไปกว่านางทั้งสองผู้กำลังคุกเข่าอยู่เคียงข้างลู่หยวน ความแตกต่างแทบจะไม่มี

แต่ถึงอย่างไรพรสวรรค์ของสองคนนั้นไม่เหมือนใครในโลก หากบอกว่าพวกนางคือบุตรีแห่งสวรรค์ก็ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

แต่ด้วยรูปลักษณ์ของเสิ่นซูเหยียน จะใช้คำว่า ‘น่ารังเกียจ’ ก็กระไรอยู่

ทุกคนที่นี้ ขอเพียงไม่ใช่คนไร้ฝีมือก็ย่อมได้ยินคำด่าทอต่อคุณหนู

เมื่อเสิ่นโตวได้ฟัง ใบหน้าที่กำลังยิ้มอยู่พลันเคร่งขรึม พร้อมโทสะแผ่แรงกดดันหนักอึ้งออกมา

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่พูดจาไม่เหมาะสมเกินไปหน่อยหรือ?!”

เสียงต่ำดังมาจากลำคอของเสิ่นโตว เขาจับจ้องลู่หยวนด้วยดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ตั้งแต่เป็นผู้นำตระกูลเสิ่นมา เสิ่นซูเหยียนไม่เคยถูกทำให้ขายหน้าเช่นนี้มาก่อน!

ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็ควรต้องรู้บ้างว่าที่นี่ไม่ใช่ตระกูลลู่ หรือสำนักอักขระสวรรค์!

ถึงแม้บุตรศักดิ์สิทธิ์จะเป็นดั่งมังกรกล้าแกร่งมาจากไหน แต่จะมายั่วยุงูเจ้าถิ่นไม่ได้!

ลู่หยวนย่อมสัมผัสโทสะของเสิ่นโตวได้ เขาจึงพิงเก้าอี้พลางเงยหน้าขึ้น มองกลับมาด้วยสายตาเย็นเยียบ “มีอะไร? ท่าทีของเจ้าตอนนี้อยากจะโต้แย้งบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”

ทันทีที่ชายหนุ่มกล่าวจบ บรรยากาศด้านหลังสั่นไหว พริบตาต่อมา ยอดฝีมือขั้นเซียนยุทธ์สามคนพลันปรากฏตัวขึ้น

คนแรกคือผู้คุมกฎอาวุโสนามจงซื่อ ทันทีที่ปรากฏตัว กลิ่นอายมหาศาลก็แผ่ไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ในพริบตา หลายคนในที่นั้นหน้าซีด แรงกดดันกดทับหน้าอกพวกเขาเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออก ทำให้ต้องรวบรวมพลังวิญญาณก่อนถอยออกไปนอกห้องโถง

“เหอะ!”

เสิ่นโตวเย้ยหยันว่า “ก็แค่เซียนยุทธ์สามคน”

ยังไม่ทันพูดจบ จงซื่อพลันยกยันต์สองใบขึ้น กล่าวเสียงต่ำว่า “เสิ่นโตว ถ้าเจ้ากล้าลงมือในวันนี้ ท่านเจ้าสำนักอักขระสวรรค์และผู้นำตระกูลลู่จะมาที่นี่ในทันที”

เพราะการปรากฏตัวของยันต์สองใบ ทั่วห้องโถงใหญ่จึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของยอดฝีมือน่าเคารพทั้งสอง!

กลิ่นอายเหล่านี้ราวกับราชสีห์และพยัคฆ์ แรงกดดันอันน่าสะพรึงพุ่งแผ่ไปหาเสิ่นโตวในทันที เขาผู้มีรากฐานการบ่มเพาะครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ยังตกตะลึงเมื่ออยู่ภายใต้กลิ่นอายทั้งสองนี้

ภายใต้พลังและอิทธิพลดังกล่าว ทำให้ห้องโถงใหญ่ของตระกูลเสิ่นแทบจะไม่อาจแบกรับไหว ก่อเกิดควันขึ้นโดยรอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสลายไป ในขณะที่จัตุรัสนอกห้องโถงใหญ่แตกสลาย!

คนที่เหลือผู้ไม่มีเวลาออกจากห้องโถงใหญ่ ถูกกลิ่นอายทั้งสองนี้กดทับจนกระอักโลหิตออกมา เหงื่อเย็นบนแผ่นหลังเปียกชุ่มเสื้อผ้าทันที

เสิ่นโตวหลุบตาต่ำ พบว่าลู่หยวนเอนตัวอยู่ข้างหน้าอย่างเกียจคร้าน เรียวปากเผยรอยยิ้มเยาะ

ด้านหลังของเขาราวกับภาพลวงตา คล้ายกับมีภาพมายาสองร่างปรากฏขึ้น เป็นอู่หมิงเสวี่ยและลู่เทียนเหอ!

สายตาของสองคนนั้นฉายแววทิ่มแทงก้มมองมายังโลก เพียงแค่ได้สบตากับพวกเขา เสิ่นโตวก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองสูญเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่ง!

โทสะที่เพิ่งฉายในดวงตาของผู้นำเสิ่นหายไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงความหวาดกลัว

เสิ่นโตวรู้ว่า …แค่เพียงเขาลงมือในวันนี้ ตระกูลเสิ่นจะถูกกวาดล้างให้หายไปจากแผ่นดินหยวนหง!