บทที่ 95 ยังจะทำให้ข้ารังเกียจด้วยอย่างนั้นหรือ (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 95 ยังจะทำให้ข้ารังเกียจด้วยอย่างนั้นหรือ? (ต้น)

บทที่ 95 ยังจะทำให้ข้ารังเกียจด้วยอย่างนั้นหรือ? (ต้น)

“มันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ธรรมดาที่ชีวิตในปัจจุบันจะเปลี่ยนไป”

ลู่หยวนยิ้มอ่อน เศษผ้าสองชิ้นได้มาจากดินแดนลับของป่าเรืองแสง

เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าอะไรถูกวาดไว้บนแผนที่ ดังนั้นจึงทำแค่พึมพำตำแหน่งของเผ่ามังกรโดยไม่คิดอะไร แต่คาดไม่ถึงว่าเทียนเม่ยเอ๋อร์จะจดจำได้ว่ามันคือแผนที่หุบเขาบูรพา

สถานที่ที่ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่นี้จะต้องข้องเกี่ยวกับเผ่ามังกรอย่างแน่นอน!

ชายหนุ่มชี้ไปยังสถานที่ที่ทำเครื่องหมายสีแดงบนแผนที่ “ที่นี่คือที่ไหน?”

องค์หญิงหางจิ้งจอกครุ่นคิดสักพัก ก่อนตอบว่า “ที่นี่เหมือนจะเป็นดินแดนต้องห้าม ห้อมล้อมไปด้วยหมอกหนาตลอดปี ใครก็ตามที่เข้าไปที่นี่ ไม่มีใครรอดชีวิตออกมาได้!”

“นายท่านคงไม่ได้อยากไปที่นี่หรอกใช่ไหม”

“นายท่าน อย่าไปเลย! ที่นั่นมันชั่วร้ายยิ่งนัก! ตอนสมัยเด็กที่ข้าเดินแถวนั้นก็ได้เจอกับสิ่งของสีดำจำนวนมากห้อยอยู่ข้างใน ข้ากลัวจนต้องวิ่งหนีออกมา!”

เทียนเม่ยเอ๋อร์มองชายหนุ่มอย่างขลาดกลัว นี่คือสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งหุบเขาบูรพาต่างหวาดกลัว แม้แต่นางก็ไม่อยากไป!

ทันทีที่เขายื่นมือออกไป แผนที่ก็ถูกเก็บ ก่อนจะเลื่อนมือมาแตะศีรษะเล็กของเทียนเม่ยเอ๋อร์ “อย่างไรข้าก็ต้องไป แต่ว่าส่งคนอื่นไปสำรวจก่อนก็แล้วกัน!”

เมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของลู่หยวน เทียนเม่ยเอ๋อร์รู้เช่นกันว่าโน้มน้าวไปก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นนางจึงก้มศีรษะทันที ครุ่นคิดในใจว่าตัวเองพูดมากเกินไป หากไม่ตอบหรือพรรณนาให้เขาฟังเมื่อครู่ เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นหรือ?!

บุตรศักดิ์สิทธิ์นอนอยู่บนเก้าอี้บุนวม ยังคงครุ่นคิดว่าจะส่งใครไปสำรวจดี หลังจากผ่านไปสักพักจึงผล็อยหลับไป

ในเวลาเดียวกัน ณ ลานใกล้กับห้องโถงทางเหนือของตระกูลเสิ่น ชายผู้หนึ่งสวมมงกุฎสีทองและสวมชุดคลุมสีทองขลิบม่วงยืดกายอย่างมั่นคงบนม้านั่งหิน ถือหมากรุกด้วยมือข้างหนึ่ง สายตาจับจ้องกระดานตรงหน้า

คนผู้นี้คือหนึ่งในสมาชิกตำหนักธารสุญญะแห่งแดนเหนือ คุณชายแห่งตระกูลหลี่ หลี่เจียงหนาน!

ฝั่งตรงข้ามเขาคือหลี่ซื่อผู้ไม่ได้มีใจจะเล่นหมากรุกอยู่นานแล้ว จึงเอ่ยถามองครักษ์ว่า “บอกมา เจ้าได้ยินอะไรมาบ้าง?”

องครักษ์ผู้อยู่ด้านข้างก้มศีรษะก่อนกล่าวว่า “รายงานคุณชาย ข้าได้ความมาอย่างชัดเจนแล้ว หลังจากลู่หยวนมาถึงตระกูลเสิ่นก็เก็บตัวบ่มเพาะ วันนี้เขาทะลวงได้สำเร็จ ตอนนี้กลับไปยังห้องโถงทางตะวันตกแล้ว”

หลี่ซื่อยิ้มเย็นชา “ต่อให้เขาจะทะลวงถึงเทียมเซียน ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี!”

แต่หลี่เจียงหนานผู้อยู่ด้านข้างเพียงเดินหมากอย่างเรียบเรื่อย ก่อนกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ตาเจ้าแล้ว”

คู่เล่นเห็นท่าทีเฉยเมยของอีกฝ่าย จึงเดือดดาลจนล้มโต๊ะหมากรุก! “พี่รอง ตอนนี้ลู่หยวนอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว ท่านไม่อยากฆ่าเขายังไม่พอ แต่ยังอยากเล่นหมากรุกอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ?!”

“ท่านลืมไปแล้วหรือว่า เขาพาพี่น้องร่วมสาบานไปมีชะตากรรมอย่างไร?! ส่วนพี่สะใภ้ สัตว์ร้ายนั่นถึงกับทรมานและฆ่าพี่สะใภ้ต่อหน้าพี่ใหญ่!”

“คนที่โหดเหี้ยมเช่นนั้น ไม่ว่าใครก็อยากสังหาร!”

หลี่เจียงหนานเพียงเงยหน้าขึ้น ชำเลืองมองน้องชายก่อนยกมือขึ้น ทันใดนั้นหมากรุกที่ถูกทำลายก็กลับมาวางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง

เขาอ้าปากกล่าวช้า ๆ น้ำเสียงสงบจนดูไม่สมวัย “เขาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลลู่ เป็นนายน้อยแห่งสำนักอักขระสวรรค์ เจ้าคิดว่าจะสังหารได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?”

“อย่าว่าแต่ฆ่าคนนับไม่ถ้วนที่อยู่ขั้นเทียมเซียนด้วยรากฐานการบ่มเพาะของขั้นจักรพรรดิยุทธ์เลย เขาลงมือฆ่าล้างบางอย่างง่ายดายเหมือนกับการดีดนิ้วเสียด้วยซ้ำ! แถมด้วยสถานะในตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์ เขาจึงมีวาสนาที่จะได้เคล็ดวิชานับไม่ถ้วน! เจ้ามั่นใจจริงหรือว่าด้วยพลังของเจ้าและข้าในตอนนี้ จะสามารถฆ่าชายคนนั้นได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว?!”

“หากเจ้าบุ่มบ่ามขนาดนี้ ยังไม่ทันยกอาวุธขึ้นมา กระบี่ของเขาก็คงตัดศีรษะเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว!”

คำพูดของหลี่เจียงหนานเข้าหูของน้องชายทีละคำ อีกฝ่ายจึงได้สติจากอารมณ์วู่วามเมื่อครู่

หลี่ซื่อยกมือขึ้น คารวะอีกฝ่าย “พี่รอง ข้าหุนหันพลันแล่นเอง อย่าโกรธไปเลย ข้าแค่หงุดหงิดเกินไป ข้ารู้ว่าท่านมักครุ่นคิดทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วนเสมอ ขอเพียงสามารถแก้แค้นพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ได้ ข้าก็จะฟังทุกอย่าง!”

หลี่เจียงหนานนั่งลงอีกครั้ง ไม่สนใจอีกฝ่าย ก่อนมองไปด้านข้างแล้วถามองครักษ์ว่า “ครั้งนี้ลู่หยวนพาใครมา”

“ตอนลู่หยวนมาที่นี่ในครั้งนี้ เหมือนจะไม่มีใครจากตระกูลลู่มาด้วย มีเพียงผู้อาวุโสสามคนจากสำนักอักขระสวรรค์ที่มา รากฐานการบ่มเพาะของพวกเขาทุกคนอยู่ขั้นเซียนยุทธ์ แถมฉินอี่หานก็มากับเขาด้วย”

มือของหลี่เจียงหนานที่กำลังจะวางตัวหมากกลับหยุดนิ่ง “แต่ฉินอี่หานคนนั้นถูกลงโทษให้เก็บตัวที่ยอดเขาบาปสวรรค์ไม่ใช่หรือ?”

องครักษ์ตอบว่า “ขอรับ!”

ชายผู้เยือกเย็นโบกมือ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายถอยกลับไปทันที

“หมากรุกวันนี้พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน ข้าเหนื่อยแล้ว ไปพักกันเถอะ”

หลี่เจียงหนานทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ ก่อนกลับไปที่ห้อง

หลี่ซื่อชินกับนิสัยของพี่รองอยู่แล้ว เขาจึงลุกขึ้นแล้วกลับห้องตัวเองเช่นกัน

เมื่อชายผู้เยือกเย็นกลับมาถึงห้องก็นั่งลงบนเตียง หยิบยันต์ชุ่มโลหิตลวดลายแปลกประหลาดออกมาจากแหวนเก็บของ ซึ่งมีแถวตัวอักษรตระกูลยิ่งใหญ่ราชวงศ์อู๋ซวงถูกเขียนไว้ด้านล่าง

หลี่เจียงหนานหลับตา ความทรงจำในวันวานปรากฏภาพขึ้นในใจเขา

เมื่อหลายปีก่อน เขาและหลี่ซื่อถูกโจรลักพาตัวไป ก่อนจะถูกชายชราเนื้อตัวสกปรกช่วยเอาไว้ ชายชรามีศิษย์อยู่ข้างกายคนหนึ่ง นามว่าอวี้เฟิง

หลังจากชายชราทราบสถานการณ์ของทั้งสอง จึงส่งพวกเขากลับตระกูลหลี่ ระหว่างทาง อวี้เฟิงให้การดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้ทั้งสามคนนับถือกันเป็นพี่น้อง

ภายหลัง ถึงแม้อวี้เฟิงจะท่องเที่ยวอยู่ด้านนอก แต่พวกเขาสามคนมีการติดต่อสื่อสารผ่านยันต์กันมาตลอด

พี่ใหญ่คนนี้เป็นชายเรียบง่ายซื่อตรง ถึงแม้พรสวรรค์จะไม่ดี แต่ก็เป็นคนเพียรพยายาม เมื่อเขาอยู่ในวัยสามสิบปี ก็ก้าวเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ในที่สุด และได้แต่งงานกับภรรยา ตั้งรกรากอยู่นอกเมืองอี้หนิงที่ได้รับการคุ้มกันโดยตระกูลลู่

เดิมหลี่เจียงหนานคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่เขาไม่คาดคิดว่า วันหนึ่งองครักษ์จากตระกูลอวี้จะมารายงานว่าตระกูลของพี่ใหญ่ถูกโจมตี

เขารีบปรี่ไปพร้อมกำลังคน แต่สมาชิกหลายสิบคนของตระกูลอวี้ก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว เหลือเพียงข้ารับใช้หนึ่งคนที่ดูโง่เขลา

ในที่สุดเขาก็พบยันต์แผ่นนี้ในฝ่ามือที่หักของพี่สะใภ้

ภายหลังเขาใช้การสืบสาวเรื่องราวจากวิญญาณข้ารับใช้ ในที่สุดก็ได้เห็นฉากในวันนั้น

คนร้ายเหล่านั้นอ้างว่าเป็นสมาชิกตระกูลลู่ เอาแต่เค้นถามบางอย่างจากอวี้เฟิง แต่พี่ใหญ่เอาแต่ปฏิเสธ สุดท้ายพี่สะใภ้ของเขาก็ถูกทรมานจนตาย ส่วนอวี้เฟิงก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน

หลี่เจียงหนานเก็บยันต์ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง มองออกไปยังห้องโถงทางตะวันตก

เขาตามสืบเรื่องนี้มาหลายปี และพบว่าลู่หยวนพาคนไปเมืองอี้หนิงในวันนั้นจริง แล้วจึงจากไปทันที เรื่องนี้ต้องข้องเกี่ยวกับลู่หยวนไม่ผิดแน่!

แต่ว่า…

จากการตามสืบมาหลายปี ฉินอี่หานผู้นี้เคยติดต่อกับอวี้เฟิงหลายครั้ง มันอาจเป็นเพราะมิตรภาพบางอย่างระหว่างกัน แต่ทำไมตอนนี้นางถึงมาพัวพันกับลู่หยวนได้?

นางไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลักพาตัวอวี้เฟิงไปหรอกหรือ?

หลี่เจียงหนานหักห้ามความสงสัยเอาไว้พลางส่ายหน้า ช่างเถอะ ผู้หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรด้วย จดจ่อเรื่องคิดหาทางฆ่าลู่หยวนดีกว่า!