“ระบบกำลังอยู่ในการจัดตั้งข้อมูลฝัน คุณต้องการเริ่มต้นเลยหรือไม่?”
เสียงสตรีนิรนามเฉกเช่นที่อินกองได้ยินในทุกครั้งทีเขาเพิ่มระดับเลเวล ทว่าเสียงนี้ต่างไปจากสตรีนิรนาม เสียงนี้ไร้ซึ่งลักษณะบุคลิกตัวตน เป็นเพียงเสียงที่จิตใต้สำนึกของอินกองเลือกใช้
หากเปรียบเทียบกับเกม เสียงนี้ก็คือตัวละครประกอบฉาก
‘ก็พอเข้าใจอยู่ละนะว่าเป็นแค่เสียง’
ถึงอย่างไรก็ตาม เสียงที่ไม่ต่างจากสตรีนิรนามส่งผลให้อินกองรู้สึกราวกับว่าสตรีนางนั้นกำลังเข้ามาดูอยู่ในฝันของเขา
‘อายชิบหาย’
ด้วยความที่เป็นฝันอินกองจึงไม่สามารถเล่าเหตุการณ์ให้ผู้อื่นฟังได้ นอกจากนี้เสียงที่ได้ยินย่อมต่างไปตามแต่ผู้ฝัน
‘นี่มันบทลงโทษชัดๆ’
หรือในอีกนัยหนึ่งก็คืออินกองเป็นฝ่ายถวิลหาเสียงของสตรีนางนี้
อินกองรวบรวมสมาธิก่อนมองไปรอบตัว โลกที่ขาวโพลนมีแต่ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งทิศทาง ไร้ซึ่งท้องฟ้าผืนดิน ราวกับผืนผ้าใบก่อนที่จิตรกรจะเริ่มบรรเลงพู่กัน
‘เอาละ เริ่มจากแบ็คกราวด์ก่อนละกัน’
นี่มิใช่ครั้งแรกที่อินกองใช้หมอนจำลองฝัน ถึงกระนั้นขั้นตอนแรกเริ่มก็ทำให้เขาอัศจรรย์ใจทุกครั้ง
อินกองใช้หมอนในครั้งแรกเมื่อคราวที่ไล่ตามราชาชนเถื่อนจากป้อมปราการที่สอง การบันดาลฝันได้ดั่งใจนึกย่อมช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ดี อินกองจึงใช้หมอนเพื่อจุดประสงค์นี้ระหว่างการเคลื่อนทัพ
‘นึกดูแล้วเราก็ยังไม่ได้ลองอะไรมากเลยนี่นะ’
ด้วยระบบความคิดของอินกองไม่ต่างไปจากนักเล่นเกม ทำให้จิตสำนึกอินกองเลือกจดจำการตั้งค่ารายละเอียดในลักษณะเกม แบ่งแยกเป็นช่องสำหรับบันทึกการตั้งค่าหลายช่อง ในครั้งนี้อินกองเลือกบันทึกช่องที่สอง
save slot
“กรุณาจินตนาการถึงพื้นหลังที่ต้องการ”
“คุณสามารถเปิดปิดระบบเสียงช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ”
อินกองหลับตาลง แน่นอนว่าภาพที่คุ้นตาที่สุดก็คือห้องนอนของเขา
ไม่ใช่ห้องนอนคฤหาสน์ที่วังจอมมาร ไม่ใช่สถานที่หลับนอนในกระโจม
พื้นหลังที่นึกถึงคือห้องนอนของมนุษย์ที่ชื่อจู-อินกอง สถานที่ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับคนธรรพ์ที่มีนามว่าฉัตร อิกษณา
อินกองลบความคิดนั้นทิ้ง เขามั่นใจว่าหากลืมตาแล้วพบภาพห้องนอนของเขาอีกครั้ง กำลังใจที่เขามีอาจพังทลายลง เขาถอนหายใจรวบรวมสมาธิอีกครั้งเพื่อนึกถึงสวนในวังจอมมาร
แต่สวนนี่ก็ต่างไปจากทุกที บริเวณของมันกว้างขวางเชื่อมต่อทั้งคฤหาสน์ของเขา เฟลิซี ซิลวาน คริส และเคทลิน นอกจากนี้ที่มุมหนึ่งก็เป็นโรงหลอมที่มีแรคคูนตัวน้อยกำลังตีเหล็ก
‘อมิตาภากลายเป็นพื้นหลังไปซะแล้ว’
อินกองหัวเราะก่อนมองไปด้านบน ท้องฟ้าสีครามมีเมฆเบาบาง ท้องฟ้าในลักษณะที่ตัวเขาชื่นชอบ
ในส่วนสภาพอากาศอินกองเลือกอากาศที่แห้งและมีอุณหภูมิหนาวเล็กน้อย
‘รายละเอียดเยอะขนาดนี้ สมแล้วที่ต้องมี save slot แยกหลายอัน’
อินกองสามารถเลือกปรับเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างที่เขาสามารถนึกคิด สร้างความเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ไม่จำกัดแค่เพียงพื้นหลังเท่านั้น
“กรุณากำหนดตัวละคร”
“ตัวละครเหล่านี้จะมีบุคลิกกับความสามารถตามที่ผู้ฝันกำหนด”
เสียงจากระบบช่วยเหลือดังขึ้นแนะนำขั้นตอนให้กับอินกอง เขาสามารถสร้างตัวละครใดใดตามที่เขานึกคิด สามารถกำหนดบุคลิก ประวัติภูมิหลังความเป็นมา เผ่าพันธ์ รายละเอียดปลีกย่อยอันหลากหลายทำให้อินกองไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถกำหนดเอกลักษณ์ให้กับตัวละครทั้งหมดได้
‘แต่ว่านะ…’
อินกองเลือกที่จะทดสอบบางสิ่ง
ผู้ที่คอยช่วยเหลืออินกองในทุกสิ่งอย่างนับตั้งแต่ที่เขาย่างกายเขามาในดินแดนปริศนานี้ เสียงที่ดังขึ้นช่วยเหลือเขามาตลอด
อินกองลืมตาขึ้นพบสตรีสีขาวตรงหน้า ชุดคลุมสีขาวในลักษณะเช่นเหล่านักบวชพร้อมมงกุฏทองประดับศีรษะ ดวงตาสีแดงข้างหนึ่งสีน้ำเงินในอีกข้าง แววตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา
เนื่องจากอินกองยังมิได้กำหนดบุคลิก นี่จึงเป็นเพียงรูปลักษณ์เปลือกนอกเท่านั้น อินกองพยักหน้าพึงพอใจก่อนจะหลับตาอีกครั้ง
ในครั้งนี้อินกองนึกถึงพยานอันเคล เมื่อเขาลืมตาก็ได้แต่ตกตะลึง
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โต มังกรรรพกาลที่มีเกล็ดสีเขียวมรกต รูปลักษณ์ที่อินกองเห็นในยามที่เขาดูดซับแก่นมังกรของอันเคล อินกองลองปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนร่างมังกรของอันเคลหดเล็กลงกลายเป็นร่างที่คล้ายคลึงกับกรีนวินด์
‘โฮ่’
เขาทั้งสองที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเขากวาง เส้นผมสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับเกล็ดมังกร ใบไม้กิ่งไม้ที่ถักทอขึ้นเป็นชุดเครื่องนุ่งห่ม แววตาอันเร้นลับ ทั้งหมดให้ความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ งดงาม และสูงส่ง เฉกเช่นเมื่อยามแรกพบกรีนวินด์
ต่อมาก็มีกรีนวินด์ปรากฏขึ้นข้างอันเคล น่ารักน่าเอ็นดูและขี้อ้อน เป็นกรีนวินด์ที่อินกองรู้จัก
แม้รูปลักษณ์ทั้งสองจะเรียกได้ว่าเหมือนกันทุกประการ แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาช่างแตกต่างกัน โดยเฉพาะกรีนวินด์ให้ความรู้สึกราวกับลูกแมวที่พร้อมจะเข้ามาเคล้าแข้งเคล้าขาทุกเมื่อ
ความคิดของอินกองส่งผลให้มีหางแมวผุดขึ้นบริเวณสะโพกของกรีนวินด์ พร้อมด้วยถาดอาหารแมวห่างออกมาเล็กน้อย
อินกองหัวเราะออกมา แน่นอนว่ากรีนวินด์ดูน่ารักมากขึ้นแต่อินกองก็ขอขมากรีนวินด์ในใจ
‘นี่มันสนุกเกินคาดแฮะ’
ผู้เคราะห์ร้ายรายถัดไปก็คือเฟลิซี นางปรากฏกายขึ้นในชุดรัดรูปพร้อมด้วยแว่นตากรอบดำ อายุของนางเทียบเท่านักเรียนมัธยมปลาย แต่ภาพลักษณ์ของนางกลับไม่ต่างไปจากอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย
คารัคโผล่พร้อมชุดสูทพ่อบ้านพร้อมด้วยผ้าสีขาวคล้องแขน
ถัดมาก็คือนาตาช่า อินกองเหลียวซ้ายแลขวาพบกับสายตาตำหนิของอาณัติกับอันเคล อย่างไรเสียนาตาช่าในชุดพยาบาลเรียกได้ว่าเหมาะสมเหนือความคาดหมาย
อินกองเพลิดเพลินกับการเล่นแต่งตัวตุ๊กตาก่อนท้ายที่สุดจะลบตัวละครทั้งหมดเหลือเพียงอาณัติกับอันเคล
อินกองรวบรวมสติอีกครั้ง จุดประสงค์การใช้หมอนในครั้งนี้คือเพื่อเตรียมตัวสำหรับการดวลกับแวนเดล เขานึกถึงราชาเคราโตสกับแวนเดล สร้างตัวละครทั้งสองขึ้นในทันที
‘ที่นี้ก็ขอบเขตความสามารถ’
ถ้าอินกองปรับแต่รายละเอียดทั้งหมดตามความพึงพอใจของเขาก็คงมิใช้การฝึก ฉะนั้นอินกองจึงปรับแต่งค่าสถานะให้สูงกว่าตนเอง
‘จะว่าไปแล้ว เราน่าจะจำลองตัวเองได้ด้วยสิ?’
การจำลองค่าสถานะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักเล่นเกมคำนึงถึง เพื่อวางแผนในการคัดเลือกทักษะกับสถานะในรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเองในระยะยาว
‘ไม่ว่าจะมองมุมไหน หมอนนี่มันสูตรโกงชัดๆ’
การทดสอบเช่นนี้ไม่อาจทำได้ในความเป็นจริง แม้หมอนจำลองฝันอาจไม่มีมูลค่าใดในการรบ แต่ความสามารถในการจำลองทุกสิ่งอย่างทำให้เรียกว่าหมอนนี้มีมูลค่ามากมหาศาลในการศึกสงคราม
เมื่ออินกองตระหนักถึงความสำคัญของหมอนนี้ ยิ่งทำให้เขาซาบซึ่งในตัวเฟลิซีกับเคทลินมากยิ่งขึ้น
‘เอาละ เถลไถลมากพอแล้ว ถึงเวลาจริงจัง’
“ยังไม่มีการกำหนดสถานการณ์กับเรื่องราว”
“คุณต้องการเริ่มฝันเลยหรือไม่?”
“คำเตือน หากฝันเริ่มดำเนินการแล้วจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดอะไรได้อีก ฝันจะดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง ยกเว้นมีเหตุปัจจัยอื่นที่ทำให้ผู้ฝันไม่สามารถฝันต่อไปได้”
“ตัวอย่างเหตุปัจจัยที่ทำให้ผู้ฝันไม่สามารถฝันต่อไปได้: มีการกระทบกระเทือบจากโลกความเป็นจริง,ความเสียหายต่อจิตใจของผู้ฝัน, ตัวหมอนได้รับความเสียหาย, พลังเวทมนตร์ในตัวหมอนหมดสิ้น, เป็นต้น”
อินกองตกลงเริ่มดำเนินการ เขาได้บอกให้กรีนวินด์ในโลกจริงปลุกเขาหากเกินเหตุฉุกเฉิน
เนื่องจากอินกองต้องการซ้อมต่อสู้กับแวนเดลและราชาเคราโตส เนื้อเรื่องหรือสถานการณ์เพิ่มเติมจึงไม่จำเป็น
“ความฝันจะเริ่มดำเนินการใน 10 วินาที ขอให้เพลิดเพลินกับความฝัน”
สิ้นสุดเสียงรอบตัวอินกองเกิดความเปลี่ยนแปลง แม้ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาแต่อินกองรับรู้ได้
หลังสิบวินาทีพ้นผ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เคลื่อนไหว
อินกองหันไปมองอาณัติ แน่นอนว่าไม่มีถ้อยคำใดเอื้อนเอ่ยออกมา มีเพียงสายตาอันเศร้าสร้อย
สายตานั่น เพราะเหตุใดกัน? อินกองรู้เพียงนางบอกว่าตัวเขาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของนาง
ทั้งทุพภิกขภัยกับอาสัญต่างแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับนาง ส่วนรณการต่างไปจากทั้งสองตรงที่นางไม่แสดงถึงความรู้สึกโกรธเกลียด
อินกองอยากจะพูดคุยกับนาง แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
อินกองหันไปมองทางอันเคล นางจ้องเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา นางขยับนิ้วสร้างบางสิ่งก่อนนั่งลงบนเก้าอี้สายลม
“หมอนจำลองฝันสินะ เป็นหมอนที่น่าสนใจใช้ได้เลย อ๊ะ แต่ข้าไม่บอกหรอกนะว่าใครเป็นคนสร้าง นั่นเป็น ความ~ลับ (o˘◡˘o)”
อินกองไม่ได้กำหนดบุคลิกทั้งสิ้นแต่อันเคลกลับแสดงอาการที่เหนือความคาดหมายออกมา ที่สำคัญคำพูดของนางไม่ใช่สิ่งที่อินกองรับรู้
นางรู้ว่าใครเป็นผู้สร้างหมอนแต่ไม่บอกเขา นี่ไม่ใช่ข้อมูลที่อินกองรับรู้ บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จิตใต้สำนึกอินกองสร้างหรือกำหนดขึ้น
“อัน… เคล?”
“ปิ๊งป่อง… ผิด! ข้าไม่ใช่อันเคลหรอก เรียกว่าเป็นหนึ่งในเศษเสี้ยวชิ้นส่วนของนางเสียมากกว่า เศษเสี้ยวชิ้นสุดท้ายเลยละ เป็นผลึกความทรงจำและบุคลิกของนางที่หลงเหลืออยู่ยังไงละ ถ้าให้พูดตรงๆ ข้านะใกล้เคียงกับกรีนวินด์ที่น่ารักของเจ้ามากกว่าอันเคลแหละ (´꒳`)♡”
อินกองเข้าใจในที่สุด นั่นเพราะในตัวเขานอกจากจะมีความเชื่อมโยงกับอาณัติแล้ว ยังมีเศษเสี้ยวแห่งอันเคลที่เขาดูดซับพร้อมกับแก่นมังกรของนางอยู่
อินกองหันไปมองทางอาณัติอีกครั้ง ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรให้เขาสามารถสังเกตเห็นได้
อันเคลยังคงเล่าต่อ
“หมอนจำลองฝันใช้ได้หลากหลายก็จริงแต่มันมีข้อจำกัดอยู่น้า เพราะทั้งหมดนี้สร้างจากเธออะไรที่เธอไม่รู้หรือคาดเดาไม่ถึงมันก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ยังไงละ ที่ข้าโผล่มาได้เป็นข้อยกเว้น เพราะเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวยังไงละ (⁄ ⁄>⁄ ▽ ⁄<⁄ ⁄) แต่ก็นะถึงหมอนช่วยให้ออกมาได้ ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้มากหรอกนะ ข้าพูดได้แค่ในสิ่งที่เธอรับรู้อยู่แล้วเท่านั้นแหละ”
อินกองพอทำความเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง ก่อนตัดสินใจถามตรงตรง
“อันเคล การตายของท่าน… เกี่ยวข้องกับอาณัติ รณการ ทุพภิกขภัยและอาสัญใช่มั้ย?”
“จะว่างั้นก็ได้เนอะ”
เป็นคำตอบที่เขาพอคาดเดาไว้อยู่ก่อนแล้ว หรือก็คือสมมติฐานที่เขาตั้งไว้ยังไม่มีปัจจัยอะไรให้ต้องเปลี่ยนแปลง
แทนที่จะยืนยันในสิ่งที่เขารู้ อินกองเลือกที่จะถามในสิ่งที่เขาไม่รู้เสียดีกว่า
“อันเคล ผมอยากจะไปยังหุบเหวมังกรเพื่อนเรียนรู้เวทมนตร์มังกร พอจะบอกทิศทางหรือบอกตำแหน่งได้มั้ย?”
“เหหห เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนา ในหัวเธอนี่รู้เรื่องอะไรที่ไม่น่าจะรู้ได้อยู่เยอะเลยละ แต่ก็ว่าแหละนั่นเลยทำให้เธอมองข้ามในบางเรื่อง จะบอกเลยก็ไม่สนุกเอางี้ดีกว่า ‘คำใบ้: หาวิธีใช้ประโยชน์จากเศษเสี้ยวของข้า’ อื้มถ้าแบบนั้นข้าน่าจะบอกอะไรได้อีกเยอะ ( ̄ω ̄;)”
แน่นอนว่าอินกองย่อมเคยอ่านผ่านข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของหุบเหวมังกรจากเนื้อเรื่องในเกมบทกวีแห่งผู้กล้ามาแล้ว แต่ด้วยความที่สมัยเล่นเกมเขารับรู้เพียงแค่ว่าเป็นเนื้อเรื่องเสริมบทให้ตัวละครจึงไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นแซเฟียร์ในเกมไม่สามารถใช้เวทมนตร์ปฐมภูมิได้ จึงไม่มีเหตุอะไรให้เขาต้องไปยังสถานที่นั้น
ข้อมูลอธิบายหุบเหวมังกรเท่าที่อินกองจำได้คือเป็นสถานที่ฝึกสอนที่มังกรอาวุโสถ่ายทอดศาสตร์หลากหลายให้มังกรเยาว์วัย
อันเคลดึงภาพแผนที่ย่อในหัวของอินกองออกมาเพื่อระบุอาณาบริเวณโดยคร่าว เป็นภาพในลักษณะเดียวกับภารกิจค้นหา ไม่มีพิกัดระบุตายตัว
แต่นั่นก็ช่วยให้อินกองรับรู้ทิศทางที่เขาต้องมุ่งไปหาเป้าหมายในระดับหนึ่ง
“เอาละถึงจะแค่แป๊ปเดียว แต่ข้าขอตัวก่อนนะ ได้แต่หลับมานานออกมายืดเส้นสายบ้างก็ไม่เลวแฮะ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”
อินกองรู้สึกเสียดายโอกาสแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมา
“เอ้ออาชาอาณัติ ‘ช่วยดูแลข้าให้ดีๆกว่านี้ด้วยสิ นายท่าน(҂ `з´ )’ ข้าไปละ”
สิ้นคำพูดอันเคลก็หลับตาลง นางไม่ได้สลายกายเนื้อหายไปกับสายลม แต่อินกองรับรู้ได้ว่างร่างตรงหน้าเป็นเพียงหุ่นเปล่า
อินกองจ้องมองร่างอันเคลที่กลับมาแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งผิดกับเมื่อครู่ เขาชำเลืองมองไปยังอาณัติอีกครั้งแต่ก็ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
อันเคลเป็นงี้ กีวี่จะเป็นแบบนั้นก็ไม่แปลกใจแล้วนะครับ 〜〜(/ ̄▽)/ 〜ф
“โอเค ทีนี้ก็กลับมาจุดประสงค์หลักอีกรอบ”
อินกองมองไปยังแวนเดลกับเคราโตส ทั้งสองจ้องมองกลับมาทีเขา
โลกของหมอนจำลองฝันเป็นเพียงความฝัน นั่นทำให้เขาไม่สามารถเพิ่มระดับเลเวลจากการต่อสู้ในโลกแห่งนี้ อย่างไรเสียประสบการณ์ตรงที่เรียนรู้จากร่างกายเป็นหนึ่งสิ่งที่เขาสามารถสั่งสมได้จากการต่อสู้ เขาสามารถทดลองประยุกต์ใช้ทักษะในหลายรูปแบบได้โดยไม่ต้องกลัวข้อผิดพลาด
อินกองถอนหายใจ เขาสวมพสุธากัมปนาท โล่ชีวาตม์ ผ้าคลุมฮูกคุ้มภัย เตรียมพร้อมการฝึก
“ลุยโลดดดด”
อินกองตะโกนร้องพร้อมกระโจนเข้าหาเคราโตสที่ถือกระบองบดกระโหลกในมือ
ห่างออกไปร่างของอาณัติขยับเขยื้อนเล็กน้อย นางมองอินกองพร้อมพึมพำออกมาก่อนจะส่ายหน้าและแน่นิ่งอีกครั้ง
แปดชั่วโมงถัดมาหลังจากความฝันสิ้นสุด อินกองเสียชีวิตในความฝันรวมทั้งหมดสามสิบสองครั้ง
บทพูดอันเคลไม่มีการเติมแต่ง ⊂( ´ ▽ ` )⊃ แต่ทางผู้แปลใส่ อีโมจิ เข้าไปเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเล็กน้อยครับ