บทที่ 124 – ความสิ้นหวังที่แท้จริง

 

ภายในเมืองรอบศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์.. บัดนี้ความวุ่นวายไม่ได้เพียงแต่น้อยลงกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าปีศาจจิตมรณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทางกลับกันนักสู้ที่ต่อต้านมันไว้กลับมีน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้อัตราการตายเยอะขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคนก็ตายไปจำนวนมาก

ตึกราวบ้านช่องเริ่มพังถล่มกลายเป็นซากปรักหักพัง คนใหญ่คนโตของโบสถ์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ดุเดือดที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ในเมือง แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างเรย์น่ากับปีศาจกิ่งก้านแห่งความตาย

ร่างของเธอพุ่งผ่านอากาศปะทะเข้าดาบไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวมันเองก็เหมือนจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ ในขณะที่เรย์น่ากลับทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เรย์น่ารีบร้อนกลับเป็นเสียงกรีดร้องความตายของคนที่อยู่ในเมืองต่างหาก เธอต้องรีบจัดการมัน ต้องเร็วกว่านี้…

ห่างไกลออกไปมีคนนอนอยู่บนอากาศมองการต่อสู้ของเรย์น่ากับปีศาจกิ่งก้านแห่งความตาย สาวน้อยผมสีขาวมองเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ

เธอนอนอยู่บนอากาศก็จริง แต่ว่าตรงที่เธอนอนมันมีโล่ขนาดใหญ่พอๆ กับตัวของเธอลอยอยู่ และเธอก็นอนมองอยู่บนโล่สีขาว

แน่นอนว่าเธอคือลิลลี่ สาวน้อยที่มิวเป็นคนเรียกออกมา

“แปลกตาไปหมดเลยนะเจ้าคะ.. ที่นี่มันที่ไหนกันนะ?”

ในระหว่างการต่อสู้ของเรย์น่าเหมือนจะพลาดท่าหนึ่งครั้ง ดาบเล่มหนึ่งพุ่งตรงใส่เรย์น่าอย่างรวดเร็ว

แต่ลิลลี่ก็เสกโล่สีขาวที่คราวนี้มองไม่เห็นเขวี้ยงออกไป โล่สีขาวนั้นพุ่งผ่านอากาศเข้ากระแทกใส่ดาบไม้จนดาบไม้แตกกระจุยกระจาย

“มนุษย์นี่อ่อนแอจริงๆ เลยนะเจ้าคะ”

“ถือเป็นความผิดพลาดของพระผู้เป็นเจ้าค่ะ”

“ก็เพราะพระเจ้ามันเฮงซวยแบบนี้ มนุษย์ถึงได้เฮงซวยไม่แพ้กันสินะ”

“เรียกว่าสืบสันดานโดยแท้เลย ให้ตายสิ ควรสูญพันธุ์ไปซะให้หมดก็ดี”

คำพูดของเธอที่มองดูมนุษย์จำนวนมากบนพื้นตายและก็มองการต่อสู้ของเรย์น่า สายตาของเธอแสดงออกถึงความเกลียดชังที่ชัดเจน

และทุกคำพูดที่ออกมาจากปากก็เต็มไปด้วยอคติชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าตัวว่าทำไมเจ้าตัวถึงเกลียดมนุษย์ขนาดนั้น

ทั้งๆ ที่ในความจริงแล้ว.. เจ้าตัวก็มีลักษณะรูปร่างที่เป็นมนุษย์ไม่ผิดแน่นอน แถมยังเป็นแค่เด็กด้วยซ้ำ

แต่ในวินาทีต่อมานั้นเอง ดวงตาของลิลลี่ก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว เธอลุกขึ้นเหยียบบนโล่สีขาวหลับตาลง

“มีบางอย่างกำลังมาเจ้าค่ะ”

เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะย่อตัวลงและดีดตัวไปข้างหน้า แรงดีดของเธอส่งผลให้โล่นั้นแตกกระจุยกระจายเลย

ทว่าร่างของเธอนั้นก็พุ่งด้วยความเร็วที่มากเสียยิ่งกว่าความเร็วของใครอื่น และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ความพร่าเลือนของปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายมันก็..

หายไป.. เพราะร่างกายที่พร่าเลือนมันกลับมาสมจริง วินาทีที่ร่างกายมนเป็นแบบนั้น เมืองขนาดยักษ์นี้ทั้งเมืองก็เงียบลงทันที

พูดให้ถูกคือปีศาจจิตมรณะทุกตัวต่างหยุดชะงักห้ามเคลื่อนไหว ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน แม้แต่เรย์น่ายังหยุดชะงักตามไปด้วย

ปีศาจกิ่งก้านมรณะมันยกมือขึ้นพร้อมกับกางแขนออก…

“กลืนกิน”

สิ้นเสียงของมันคลื่นมรสุมแห่งจิตสำนึกก็ระเบิดออกมาจากร่างมัน มันเป็นคลื่นที่มองไม่เห็น เป็นคลื่นแบบเดียวที่มันใช้หลบหนีจากมิวมาที่แห่งนี้

แต่คราวนี้มันไม่ได้ใช้หลบหนีแต่อย่างไร แถมมันก็ไม่ได้มีแรงกระแทกเหมือนรอบก่อน แต่ตรงกันข้ามเลยมันใช้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง

เมืองที่มีขนาดใหญ่จนไม่สามารถมองไปทางไหนได้แห่งนี้ถูกจิตสำนึกของมันครอบคลุมเอาไว้..

เรย์น่าดวงตาหดเล็กลง รู้เจตนาของมันทันที

“ไม่!”

เธอหันหลังให้พร้อมกับพุ่งลงไปยังพื้น แต่ทว่าปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายก็หัวเราะร่าด้วยความพอใจ หัวของมันกลายเป็นดาบพุ่งแทงใส่หลังของเรย์น่า

ทุกอย่างฉุกละหุกเกินไป ไม่คิดว่าเจ้านี่มันจะเล็งเรย์น่าตั้งแต่แรก.. ร่างของลิลลี่พุ่งผ่านอากาศมาหยุดอยู่ต่อหน้าเรย์น่า

เธอใช้มือผลักเรย์น่าออกไปด้านข้างก่อนจะเสกโล่ขึ้นมากันดาบเอาไว้ “เปรี้ยงงงงงง” สายฟ้าแลบออกมาจากการปะทะรุนแรงนี้

แรงกระเพื่อมนั้นกระจัดกระจายออกรอบทิศ.. สีหน้าของลิลลี่เปลี่ยนสี.. เธอเบิกตากว้างขึ้นเพราะดาบไม้มันเหมือนจะแทงทะลุโล่เธอเข้ามาได้

“พลัง..แบบเดียวกับนายท่าน!!!”

“เป็นไปไม่ได้”

พลังของเธอไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตั้งรับกับพลังงานแบบเดียวกับเทพมังกร.. ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ พลังของเธอถูกจำกัดให้แพ้ทางต่อพลังเทพมังกรโดยสิ้นเชิง

สีหน้าของลิลลี่บิดเบี้ยว

“ไอ้สวะ บังอาจใช้พลังแบบเดียวกับนายท่านของข้า”

แทนที่จะหวาดกลัวมันกลับเป็นความโกรธ โล่สีขาวสิบขั้นก็ปรากฏขึ้นกะทันหันก่อนที่เธอจะกำหมัดแล้วต่อยใส่โล่อย่างรุนแรง

โล่มันแตกกระจุยกระจายออกพร้อมกับแขนของเธอที่ฉีกขาดกระจุยกระจาย แต่ทว่านั่นก็ตามมาด้วยดาบไม้ที่ระเบิดออก

การปะทะครั้งนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินโดยสิ้นเชิง แรงระเบิดนั้นพัดเอาร่างของลิลลี่กับปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายลอยละลิ่วถอยหลัง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอะไรอีกเลย.. เมืองก็ดี แม้แต่โบสถ์ลอยฟ้ายังแทบจะพังพินาศ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญแบบไหนเพราะในวินาทีที่แรงระเบิดนั้นระเบิดออก

มันไปตัดโซ่ที่ดึงโบสถ์ยักษ์ลอยฟ้าเอาไว้ ส่งผลให้โบสถ์เริ่มที่จะลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า.. บนพื้นที่บ้านเมืองย่อยยับไปจนหมัด

ฝุ่นควันฟุ้งตลบ ลิลลี่กวาดมือออกจนทำให้ฝุ่นกระจัดกระจายออกไป ด้านหลังของลิลลี่มีเรย์น่าที่ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน

ลิลลี่หันมองเรย์น่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่าไม่เป็นไรเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เอ่อ… เธอคือ..”

ลิลลี่ไม่ได้ตอบ เธอมองแผลตัวเอง ตอนนี้ผิวหนังเธอถูกเผาไหม้ แขนขวาถูกทำลาย เธอไม่ได้มีความสามารถในการฟื้นฟู

“หนีไปซะ”

ลิลลี่พูดแบบนั้นพร้อมกับสร้างโล่ขึ้นมาหมุนวนอยู่รอบตัวของเรย์น่า

“ภายในโล่นี้จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้ตราบใดที่ไม่ใช่พลังของนายท่าน”

“อ้ะ.. คน.. ชาวเมือง ฉันต้องรีบไปช่วยชาวเมือง”

ลิลลี่ใช้มือซ้ายตบใส่โล่ที่วนอยู่รอบตัวเรย์น่าส่งผลให้เรย์น่าปลิวลิ่วเหมือนกับบินได้ ทำให้เรย์น่าบินออกไปจากระยะการโจมตีของปีศาจกิ่งก้านแห่งความตาย

ลิลลี่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่บนฟ้า ตอนนี้มันจับโบสถ์ลอยฟ้าเอาไว้พร้อมกับ… ทำท่าเหมือนจะทุ่มลงมา

“พลังโล่นี่สามารถปกป้องได้แม้แต่ตัวตนของสิ่งมีชีวิต คงไม่สังเกตเห็นละสิว่าคนที่แกหมายหัวน่ะหนีออกไปแล้ว”

“หน้าที่ที่นายท่านมอบให้คือปกป้องแค่ผู้หญิงคนนั้น เท่านี้ภารกิจก็น่าจะสำเร็จแล้ว”

ลิลลี่กางแขนออกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ชีวิตนี้.. แด่ภารกิจที่นายท่านมอบให้”

เสียงหัวเราะของเธอกึกก้องไปทั่ว พร้อมกับโล่ขนาดมหึมา บางทีมันคงใหญ่กว่าโบสถ์ลอยฟ้านั่นด้วยซ้ำก็ปรากฏขึ้นด้านบน

โบสถ์ยักษ์ของศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ในมือของปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายก็ทุ่มลงมาสุดแรงเกิดปะทะเข้ากับโล่ของลิลลี่อย่างรุนแรง

แรงสะเทือนสั่นไปทั่วทุกอย่าง ลิลลี่สำลักเลือดออกจากปาก.. ทว่าที่เธอกางโล่เอาไว้ไม่ใช่เพื่อหยุด แต่ก็เพื่อรั้งให้เรย์น่าออกจากระยะของโบสถ์นี่ทุ่มลงมา

และออกจากเมืองนี้.. ดวงตาที่บ้าคลั่งของเธอนั้นแสดงให้เห็นว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เลือดที่ไหลออกจากดวงตา หู จมูก แขน ขา

เสียงที่ออกมาจากปากของเด็กสาวตัวน้อยไม่ใช่เสียงกรีดร้องความเจ็บปวด แต่เป็นเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง

และในพริบตาถัดมานั่นเอง.. ปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายก็หัวเราะร่า พลังแห่งความคิดที่ปล่อยออกไปตอนแรกก็กลืนกินจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้รวดเดียว และแค่พริบตาเดียว

คงจะมีเพียงแค่คนที่อยู่ในระยะการกางโล่ของลิลลี่เท่านั้นที่รอดจากการกลืนกินจิตใจ.. แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขารอด..

เพราะพริบตาถัดมาสติของลิลลี่ก็มืดดับลง โบสถ์ยักษ์ก็ร่วงลงมาทับพวกคนที่อยู่ในระยะตายกันไปมากกว่า 9 ใน 10

เรย์น่าที่ได้รับการปกป้องจากโล่ แต่เมื่อความตายของลิลลี่มาถึงโล่ที่คุ้มกันเธออยู่ก็หายไป แต่ความเร็วของเธอยังมีอยู่

หากพุ่งไปแบบนี้คงออกเมืองได้.. แต่เรย์น่าไม่ต้องการแบบนั้น

เธอใช้มือคว้าเศษซากปรักหักพังเอาไว้เพื่อหยุด จนมือแตก..แต่ก็หยุดลงได้ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น

ฝุ่นก็ดี.. ควันก็ช่าง.. เมืองทั้งเมืองพังพินาศ เกาะลอยฟ้าที่มีโบสถ์ตั้งอยู่ก็กลายเป็นเศษซากสิ่งก่อสร้างที่กลายเป็นภูเขาซากปรักหักพัง

เพราะแรงกระแทกระหว่างเกาะยักษ์กับโล่ยักษ์ คลื่นกระแทกของการปะทะส่งผลให้เมืองทั้งเมืองย่อยยับพังพินาศไปจนหมด

คนทุกคนที่นอนกลายเป็นซากศพ บ้างก็ตัวเป็นรู บ้างก็แขนขาด หัวขาด ตัวขาด .. บ้างก็ยังอยู่ครบแต่นอนแน่นิ่งเพราะถูกช่วงชิงจิตสำนึก

ไฟลุกไหม้.. กลิ่นผิวหนังที่ลุกไหม้.. ดวงตาของเรย์น่าหดเล็กลง

หัวใจที่เต้นระรัวขึ้นของเธอ

ลมหายใจ..

ความทรงจำในวัยเด็ก

ความหวาดกลัว

ความสับสน

อาหารที่ทาไปพร้อมมิวก็ไหลย้อนกลับออกมาทางปาก..

“ไม่.. ไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ข้า.. ข้าต้อง…”

ความเครียดที่พุ่งสูงกะทันหันส่งผลให้หน้าของเรย์น่ามืดลงก่อนจะหมดสติฟุบลงบนพื้น ปีศาจกิ่งก้านความตายรู้ทันทีว่าเรย์น่าอยู่ไหน

แต่ก่อนที่ทันจะได้เริ่มทำอะไร.. ท่ามกลางเมืองที่แทบจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ.. เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นแต่เหมือนกับสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง มันเป็นรอยเท้าที่หนักอึ้งราวกับแบกเมืองทั้งเมืองไว้บนบ่า

ปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายตอบสนองกับเสียงฝีเท้านี้

มิวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรย์น่า…

ไฟที่ลุกไหม้

เสียงกรีดร้องของส่วนน้อยที่รอด

เสียงร้องไห้ของเด็ก

ซากศพที่ถูกไฟคลอด

ซากศพที่ปกป้องลุกจากปีศาจ

ทั้งหมด..มันมีต้นเหตุ..

มาจากเธอ

ทั้งหมดนี่.. คือบาปของเธอ