บทที่ 123 – บาป

 

ดวงตาของมิวหดเล็กลง.. เธอไม่คิดว่าจุดสิ้นสุดความทรงจำอนาคตจะมาหยุดลงก่อนจะพูดเรื่องสำคัญนี้พอดี..

เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดไม้ในโบราณสถานนั่น เธอก็สงสัยอยู่ว่ามันตายจริงไหม

ไม่สิ มันตายจริงแท้แน่นอนไหม… มันควรจะเป็นแบบนั้นเพราะมิวไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของมันได้เลย

ซึ่งการที่ตัวตนของมันหายไปก็หมายความว่ามันตายแล้ว แต่ว่าการที่มันมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้นั้น.. มันเกิดขึ้นได้ยังไง

แถมร่างกายของมันในตอนนี้ก็ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่ฟังคำพูดของมันและสัมผัสจิตของมันมิวก็แทบจำมันไม่ได้

เพราะหัวมันเป็นกิ่งไม้ ร่างกายเหมือนมนุษย์แต่ก็ไม่เหมือนมนุษย์ซะทีเดียวของมัน หรือแม้แต่บรรยากาศ.. ราวกับว่ามันได้เกิดใหม่งั้นแหละ

ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเจ้านี่คือตัวเดียวกับที่เธอสู้ตอนในโบราณสถานก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ทุกอย่างมันจะมั่วซั่วไปหมดน่ะสิ เพราะว่าเจ้านี่ตื่นขึ้นมาเมื่อประมาณสิบกว่าวันก่อน

เพราะการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ด้วยพลังสีดำนั่น.. แต่เจ้าปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายนี่แทรกแซงโลกนี้มาหลายสิบปีแล้ว

แทรกแซงมานานก่อนที่เจ้าปีศาจไม้ใต้โบราณจะตื่นซะอีก…มิวเลิกคิ้วขึ้น

“อย่าบอกนะว่า…”

มิว..เป็นคนส่งมันข้ามเวลาไปในอดีตงั้นเหรอ ใช่แล้ว.. ถ้าเป็นแบบนั้นทุกอย่างจะลงตัวพอดิบพอดี

สาเหตุที่มันหายไปจากตรงนั้นแต่ความจริงไม่ได้ คำอธิบายเดียวคือมันหายไปจากช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งการโจมตีของมิว

มิวมั่นใจว่าต่อให้มันหลบหนีไปได้มันก็ไม่มีทางรอดแน่ๆ ดาบผู้กล้าเอริเนีย ถึงมิวจะไม่เข้าใจการทำงานของมันมากนัก

แต่มิวรู้ว่ามันสามารถตัดเหตุและผลออกจากกันได้ พูดง่ายๆ คือสามารถบังคับให้ผลลัพธ์บางอย่างแสดงออกมาได้โดยไม่มีต้นเหตุ หรือบังคับให้ต้นเหตุบางอย่างแสดงออกมาได้โดยไม่มีผลลัพธ์

หรือแม้แต่ตัดต้นเหตุและผลลัพธ์ออกจากการดำรงอยู่ดังกล่าวยังได้เลย กล่าวคือหากโดนดาบเล่มนี้ฟันแล้วมิวต้องการให้ตาย

มันก็จะตายโดยไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ เพราะนั่นคือผลลัพธ์ที่ถูกบังคับให้เกิดขึ้น ไม่สนว่าจะมีการป้องกัน ความทนทานหรือแม้แต่ความอมตะ

แล้ว..มันรอดได้ยังไง.. เรื่องนั้นมิวไม่รู้ แต่ถ้าเป็นตามการสันนิษฐานของมิวแล้ว มันถูกส่งย้อนกลับไปในอดีตและกลายเป็นกิ่งไม้

แต่มันก็ได้พลังบางอย่างมาวิวัฒนาการตัวมันเอง ส่งผลให้มันสามารถกลืนกินจิตใจของผู้คนเพื่อเกิดใหม่ได้..

หรือก็คือ…

“ที่โลกนี้เป็นแบบนี้..เพราะเป็นคนทำงั้นเหรอ…”

มิวเปิดปากออกไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอถอยหลังไปหลายก้าว นึกถึงใบหน้าของคนที่ล้มตายในเมือง เธอไม่อัญเชิญอัตลักษณ์ออกมาช่วยเพราะกลัวเจ้าปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายนี่รู้ตัวทัน

เธอนึกถึงใบหน้าอันแสนเจ็บปวดของเรย์น่าตอนกำลังนอนฝันถึงเรื่องในอดีตที่แสนเจ็บปวดตอนอยู่ในโบราณสถาน

หัวใจของมิวกระส่ำกระส่ายด้วยความรู้สึกมากมาย เธอไม่รู้ว่าต้องทำสีหน้ายังไง คนทั้งโลกนี้.. คนที่มิวไม่รู้จักด้วยซ้ำ

คนจำนวนมากตายเพราะมิวไม่สามารถจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ไม่ได้ไม่พอ.. บางทีคนที่ส่งมันไปอาจจะเกี่ยวข้องกับมิวเหมือนกัน

มิวไม่ใช่คนดีพอที่จะมารู้สึกแย่กับชีวิตทุกชีวิตที่ตายไป.. แต่เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้ายที่ถ้าหากมีคนตายเกือบทั้งโลกแล้วจะหัวเราะว่า ‘แล้วไงต่อ’

เหนือสิ่งอื่นใด.. เซตติ้งที่เธอคิดว่าไม่สำคัญ คนบนโลกตายไปจำนวนมากตอนนี้กลายเป็นว่าทุกอย่างเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะฝีมือเธอ

ถ้าหากมีชีวิตอยู่แล้วมีใครสักคนมาถามทางว่าเมืองอยู่ทางไหน แล้วคุณก็ชี้บอก.. สักพักเมืองนั้นคนถูกฆ่าตายจนหมดเพราะตัวคุณเอง

เพราะคุณบอกคนคนนั้นที่เป็นฆาตกรไป.. มิวไม่ใช่คนที่ไม่ได้ไม่สนใจเรื่องแบบนั้น ไม่อย่างงั้นบางทีเธอคงไม่สนใจเรื่องของเรย์น่า

ไม่สนใจเรื่องของรินนะ.. และเรื่องราวคงไม่เดินมาถึงจุดนี้แน่ๆ ..

มิวเข่าทรุดลงกับพื้น.. อาหารที่ทานไปไม่นานมานี้ไหลย้อนกลับออกมาทางเดิม.. เสียงกรีดร้องของคนในเมืองยังคงดังก้องอยู่ในหูของมิว

“ไม่ใช่แบบนั้น.. ฉัน.. ฉันไม่ใช่..”

ถ้าหากตอนนั้นความทรงจำจากอนาคตถ่ายทอดมาจนถึงตรงนี้.. บางที เธอคงหาวิธีจัดการเจ้านั่นด้วยวิธีอื่น.. ที่รัดกุมกว่านี้

“ฉัน.. ฉัน…”

ภายใต้ความสับสน.. ปีศาจกิ่งก้านมรณะเหมือนได้โอกาสที่จะหลบหนี มันรู้ดีว่ามันไม่สามารถสู้ยัยนี่ได้

ใช่.. ไม่สามารถสู้ดาบเล่มนั้นได้แน่ๆ ในตอนนี้.. มันต้องหลบหนีก่อน ร่างกายของมันเริ่มพร่าเลือน แต่ทว่าดวงตาของมิวก็เหลือบขึ้นมามองมัน

“ฉัน….เป็นคนทำ.. แต่จะว่าไป แกก็ด้วยใช่ไหม?”

เสียงของมิวเหมือนกับปีศาจร้ายจากห้วงลึก ตอนนี้เธอสับสนและรู้สึกผิดกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความโกรธที่พุ่งตามมาติดๆ

ทำไมเธอถึงไม่คิดให้มากกว่านี้ ทำไมอนาคตถึงไม่ไกลกว่านี้อีกสักสิบวิ ทำไมเธอถึงเลวร้ายได้ขนาดนี้

ความโกรธที่มีต่อตนเอง ความโกรธที่อยากจะบีบคอตัวเองให้ขาดอากาศหายใจตาย จนแม้แต่ความโกรธที่มีต่อศัตรูตรงหน้า

ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่มิว แต่รวมถึงมันด้วย.. ร่างของมิวพุ่งดิ่งเข้าหามันด้วยความเร็วที่เหนือกว่าการรับรู้ของปีศาจกิ่งก้านแห่งความตาย

ดวงตาของมันเบิกโพลง แต่ทว่าก็ยังช้าไปหมัดของมิวกำแน่นขึ้นพร้อมกับต่อยใส่หน้ามันอย่างรุนแรง

ลมกรรโชกมหาศาล กลายเป็นคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงทำลายโคนไม้ไปจนสิ้น ร่างกายของกิ่งก้านแห่งความตายแตกกระจุยกระจายเป็นชิ้นๆ

แต่ทว่ามันกลับอาศัยแรงต่อยนี้ในการพุ่งหลบหนีไปด้านหลัง แต่ทว่ามิวก็เดาเอาไว้แล้ว ถ้าต่อยมันต้องรับเอาไว้แน่ๆ

ดังนั้นในวินาทีที่มันอาศัยแรงกระแทกในการส่งตัวหลบหนีนั้น มิวก็ปาดาบของผู้กล้าเอริเนียตามไปแทบจะทันที

ดาบนั้นพุ่งผ่านอากาศไปอยู่ต่อหน้ามันแทบจะปักใส่ร่างกายที่เหลือแต่หัวกิ่งไม้ของมันทันที.. ความหวาดกลัวความตายของมันพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า

มันพึ่งเกิดจะมายอมตายได้ง่ายๆ ได้ยังไง… แสงสีขาวสว่างจ้าออกจากหัวของมัน คลื่นทะเลความคิดพุ่งออกมาจากหัวของมัน

“ข้า.. ต้อง..ล้างแค้นให้ได้”

มันคำรามกร้าวเสียงแข็ง ความคิดทุกอย่างกระจัดกระจายออก มิวเบิกตากว้าง..

“นี่มัน…”

พลังแบบเดียวกับ..พลังมังกรของเธอ? … หากพลังศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับพลังมังกรของเธอแต่แค่อยู่ในความคิด

สิ่งนี้ก็เหมือนกัน.. เพียงแต่ว่าพลังนี้มันสามารถแสดงออกมาได้ด้านนอกและแน่นอนว่าหากเป็นพลังมังกรแบบของมิว

ต่อให้เป็นดาบตัดตรรกะเองก็ยังถูกรบกวนได้ เพราะวินาทีถัดมาดาบผู้กล้าเอริเนียก็ถูกแรงกระแทกปัดตกลงบนพื้น

ทว่าผลลัพธ์ของการปลดปล่อยความคิดที่หล่อเลี้ยงตัวเองออกมาเช่นนี้ หัวของกิ่งก้านแห่งความตายก็แห้งเหี่ยวและสลายหายไป

เพราะมันอยู่ได้ด้วยการกลืนกินความคิดและจิตสำนึกของผู้อื่น.. หากมันระเบิดพลังนี้ออกมานั่นก็หมายความว่ามันระเบิดสมองตัวเองนั่นแหละ

ท่ามกลางความตายที่มาเยือนด้วยตัวของมันเองนั่น

..ทว่า..สีหน้าของมิวกลับเปลี่ยนสียังไม่ทันได้ดีใจ.. เพราะความคิดที่กระจัดกระจายออกมานั้นมันเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต!

คลื่นความคิดที่มองไม่เห็นมันสลายหายไปในวินาทีเดียวกันนี้… ส่งผลให้มิวรู้ความคิดเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ทันที

มันจะย้ายร่าง..ไปยังร่างฉายภาพโดยใช้ข้อมูลความคิดนี้ล่อเลี้ยงและฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาใหม่..

ที่เมือง.. ตกอยู่ในอันตราย!

“เรย์น่า”