ตอนที่ 105 ซื้อเมืองฝานฮัวหรือ

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

อีกห้าวันก็เป็นงานเลี้ยงครบเดือน ผู้ใหญ่บ้านหวังเกิงฟาก็มาหาหลินซือเย่าถึงที่บ้านเพื่อหารือเรื่องงานเลี้ยง

“นางฮัวว่าหลานบ้านนางครบเดือนจะจัดงานสามวัน ก่อนพวกเจ้าสองวัน คือว่า…” เอาอย่างไรดีเนี่ย! หวังเกิงฟาแอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก เข้าหน้าหนาวแล้วนะ เขาถึงกับเหงื่อท่วมใบหน้าต่อหน้าหลินซือเย่าได้

“ตระกูลฮัว? ครั้งก่อนข้าไปจองที่ศาล ท่านไม่ได้บอกนี่” หลินซือเย่าขมวดคิ้ว โต๊ะงานเลี้ยงครบเดือน ต้องมากกว่าโต๊ะขึ้นบ้านใหม่สองตัว หากศาลไม่มีที่จัด เมืองฝานฮัวก็ไม่มีที่ไหนจัดการให้ได้แล้ว

สะใภ้คนโตตระกูลฮัวมีลูกชายตัวอ้วนน้ำหนักเก้าชั่งเกิดก่อนลูกของสุ่ยเลี่ยนสองวัน ทำเอานางฮัวดีใจจนเจอใครก็พูดไปทั่ว ในเมืองฝานฮัวไม่มีใครไม่รู้ว่าตระกูลฮัวคลอดทารกชายและจะจัดงานเลี้ยงครบเดือนเป็นเวลาสามวัน ยิ่งใหญ่เกินไปแล้วกระมัง แม้ว่าตระกูลฮัวมีเงิน แต่ก็ขึ้นชื่อว่าขี้เหนียว กลับยอมควักเงินจัดเลี้ยงเช่นนี้หรือ

“ข้าไหนเลยจะรู้ว่าตระกูลฮัวจะจัดเลี้ยงครบเดือนสามวันกัน ลูกชายคนเล็กตระกูลลู่จากในเมืองมาเยี่ยมพักก่อน ยังบอกว่าหลานไม่จัดงานครบเดือนยิ่งใหญ่อะไร คิดว่าถูกคนอื่นดูแคลนเข้ากระมัง” หวังเกิงฟาสูบอัดควันกล้องยาสูบไปอึกหนึ่ง กล่าวถึงสาเหตุที่เขารู้มา

“ตระกูลลู่?” หลินซือเย่าเบ้ปากทันที บุตรสาวตระกูลลู่เสียสติไปคนแล้ว ยังไร้ทายาทชาย คิดว่าคงหวังจะให้ทายาทจากตระกูลพี่ชายมาสืบทอดกิจการพวกเขากระมัง

“ใช่ คหบดีตระกูลลู่กิจการใหญ่โต ไม่มีทายาทชายสืบสกุล คนทั้งเมืองฝานลั่วล้วนว่ากันว่าฮัวคังจะเตรียมรับสักคนมาสืบทอดหรือไม่ ตอนนี้เห็นว่าเขาเล็งมาทางหลานจากตระกูลฮัวอันแล้ว”

“อย่างนั้นก็เหมาจองร้านอู่ชิ่นไจละกัน จะได้ไม่ต้องวุ่นวายใจกันอีก” มีเสียงท่านอ๋องจิ้งกับพระชายาที่ไปเดินเล่นกลับมาดังมาจากด้านนอก พอได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว ท่านอ๋องจิ้งเป็นคนใจร้อนก็ย่อมเสนอออกไปทันที

“ใช่แล้ว อาเย่า วันที่หกอากาศหนาวด้วย งานเลี้ยงไปจัดศาลก็ไม่มีกำบังลมอะไร อย่างนั้นก็เชิญชาวบ้านทั้งหมู่บ้านไปกินเลี้ยงกันที่อู่ชิ่นไจให้อิ่มหนำกันไปเลยแล้วกัน ถือว่าขอบคุณความห่วงใยใส่ใจของพวกเขา” พระชายาเองก็อมยิ้มพยักหน้า ยากที่ท่านอ๋องผู้เฒ่าที่เป็นคนใจร้อนจะอารมณ์ดี

“อืม เช่นนั้นก็จัดการเช่นนี้แล้วกัน รอไว้ไปดูที่อู่ชิ่นไจ หากวันที่หกไม่มีงานใหญ่ก็จองเหมาทั้งร้าน” หลินซือเย่าพยักหน้า เดิมคิดแค่ว่าศาลไม่ห่างจากบ้านนัก ไม่จำเป็นต้องใช้รถม้า นับประสาอันใดตั้งแต่ย้ายมาเมืองฝานฮัว งานเลี้ยงน้อยใหญ่ล้วนจัดที่ศาลจนเคยชินแล้ว เขาไม่ได้คิดมากอะไร ตอนนี้ถูกตระกูลฮัวหาเรื่อง ก็ไม่ใช่ว่ากลัวการหาเรื่องของพวกตระกูลฮัว เพียงแต่แม่ยายกล่าวได้ถูกต้อง วันที่หกเดือนสิบสองแม้อากาศดีแต่ก็เข้าสู่หน้าหนาวในเดือนสิบสอง สุ่ยเลี่ยนกับลูกสองคนต้องออกไปร่วมงานด้วย เขาก็ไม่อยากให้พวกเขาต้องมาต้องลมหนาวล้มป่วยกันในครั้งนี้

“แต่…” ผู้ใหญ่บ้านเดิมกำลังคิดว่าหากเหมาร้านอู่ชิ่นไจต้องใช้เงินจำนวนเท่าไรกัน แล้วยังไปกันทั้งหมู่บ้านอีก เอ่อ ต้องจัดยี่สิบกว่าโต๊ะไหม แต่ว่ากำลังจะเอ่ยปากเตือนหลินซือเย่าก็คิดถึงสถานะคนตรงหน้าสองคนได้ นี่มันท่านอ๋องและพระชายาแห่งแผ่นดินต้าหุ้ยเลยเชียวนะ

“ผู้ใหญ่บ้านมาพอดี พวกเราสองสามีภรรยายังมีเรื่องคิดจะหารือกับผู้ใหญ่บ้าน” เฟิงไฉ่อวิ้นหันไปพยักหน้าเรียกหวังเกิงฟาบอกให้เขาอย่าเพิ่งรีบไป

“หะ…หารือ?” พระชายาสูงศักดิ์ถึงกับมีเรื่องสำคัญจะหารือกับเขา หารือเลยนะ หวังเกิงฟารู้สึกหน้ามืดจะเป็นลม ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไร ได้แต่ยิ้มเดินตามท่านอ๋องจิ้งกับพระชายาเข้าไปในห้องหนังสือ

หลินซือเย่ารีบมาตามซือถูอวิ๋นที่พอว่างก็จะมาหยอกเล่นทารกแฝดให้ไปร้านอู่ชิ่นไจจองโต๊ะยี่สิบสองโต๊ะ หากเป็นไปได้ก็ให้เหมาทั้งร้าน

ก่อนหน้านี้ไม่อยากจ่ายหนักเช่นนี้เพราะเป็นกังวลว่าชาวเมืองฝานฮัวจะวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเหลวไหล เขาไม่เป็นไร นับประสาอันใดกับเงินทองนี้เขาก็ไม่ได้ขโมยใครมา แต่ไม่ยินดีหากสุ่ยเลี่ยนจะถูกวาจาคนอื่นทำให้ร้อนใจ

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว สุ่ยเลี่ยนเป็นคุณหนูสี่มาจากจวนอ๋องจิ้ง เขาใช้เงินก้อนโตได้อย่างเปิดเผยแล้ว จะไม่มีคนกล้ามาปากมากอีก

“อาจารย์ลุง งานเลี้ยงครบเดือนวันนั้น ต้าเป่าบอกว่าเขาจะต้องกลับมาร่วมงาน” ก่อนซือถูอวิ๋นออกไป ก็คิดถึงคำที่เถียนต้าเป่าฝากมาบอก

ตั้งแต่สร้างบ้านใหม่เสร็จ เถียนต้าเป่าที่นิสัยลอยไปลอยมาก็ถึงกับหลงใหลในการค้าไม้ ไปตัดไม้ที่ไร้เจ้าของบนเขามาแล้วก็ขนไปขายในเมือง สองสามเดือนก็ทำให้เขาค่อยๆ เดาเส้นทางการค้าออก ไปตั้งร้านค้าไม้ในเมืองใกล้ๆ

ความจริงนอกจากค้าไม้แล้ว ยังควบงานสายสืบหอกว่างชื่อโหลวด้วย แน่นอนเรื่องนี้มีแต่หลินซือเย่า ซือชง กับพวกซือถูอวิ๋นที่รู้ เถียนต้าเป่าในสายตาคนนอกยังคงเป็นพ่อค้าไม้ที่อายุแค่สิบสี่และนิสัยใสซื่อยิ่ง แม้แต่บิดามารดาและพี่สาวเขาเองก็ยังไม่รู้ สองสามเดือนก่อนหน้านี้ ก้อนเลือดคั่งในสมองเขาก็สลายไปหมดสิ้นแล้ว

“อืม นับแล้ว” หลินซือเย่ากำลังเดินไปห้องปีกตะวันออกก็ตอบโดยไม่หันกลับมามอง

“เฮ้อ สีหน้าเย็นเยียบของอาจารย์ลุงนี่คงมีแต่พี่สาวคนสวยที่จะปลดลงได้” ซือถูอวิ๋นแอบส่ายหน้าขำ

วิทยายุทธเขาดีกว่าต้าเป่า ดังนั้นหลังต้าเป่าฟื้นคืนสติปัญญาดังเดิม อาจารย์ลุงกับอาจารย์ก็หารือกัน ว่าให้ต้าเป่าทำงานให้เขา และหากเขาไม่มีภารกิจที่หอกว่างชื่อโหลวก็ให้อยู่บ้านหลินดูแลซูสุ่ยเลี่ยนที่ไร้วรยุทธ และสองทารกชายหญิงที่แสนน่ารักและนิสัยแตกต่างกัน

……

“อวิ้นเอ๋อร์ สองสามวันนี้ข้าทำตัวดีไหม เป็นคนใจดีน่าเคารพไหม” พอผู้ใหญ่บ้านเดินออกไป เหลียงเสวียนจิ้งก็ยิ้มร่าประคองเฟิงไฉ่อวิ้นที่อายุได้สามสิบสามแล้วแต่ยังดูแลร่างกายจนเหมือนอายุแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น หากนางกับเอินซวี่ออกจากบ้านพร้อมกัน เขารับรองว่าไม่มีคนเชื่อว่าพวกนางเป็นแม่ลูก เหมือนกับพี่สาวน้องสาวเสียมากกว่า

“พอได้” เฟิงไฉ่อวิ้นพยักหน้าอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำตัววางอำนาจถลึงตาใส่พวกชาวบ้าน

“เอ่อ…เช่นนั้นรางวัลล่ะ” เหลียงเสวียนจิ้งกอดภรรยาเดินไปยังห้องนอนในเรือนสวนไผ่ แม้เพิ่งจะยามบ่าย แต่เขาก็รอให้ถึงคืนนี้ไม่ไหวแล้ว“เก็บความคิดไม่ดีของเจ้าเสีย เก็บงำนิสัยไม่ดีเพื่อลูกสาวสักหน่อย ถึงกับคิดเอารางวัล!” เฟิงไฉ่อวิ้นขี้เกียจจะสนใจเขา หนอนไชสมองแท้! ทั้งวันเอาแต่คิดจะลากนางขึ้นเตียง

“อวิ้นเอ๋อร์ พวกเราเสียเวลามาสิบกว่าปีแล้ว ทำไมเจ้าใจร้ายกับข้า…”

“น้อยๆ หน่อย! สิบหกปีมานี้เจ้าไม่ได้มีภรรยาน้อยน้อยลงเลยกระมัง ดูพี่น้องเจ้าพวกนั้นสิ นอกจากวังหลวงท่านนั้นที่ข้าไม่กล้ากล่าวถึง ที่เหลือคนไหนมีภรรยาน้อยกว่าเจ้า” เฟิงไฉ่อวิ้นค้อนใส่เขา ผลักไสแขนที่กอดรัดแน่นของเขาออก

“นั่นไม่ใช่ว่าเพราะ…”

“เพื่อยั่วยุข้า? เหลียงเสวียนจิ้ง วาจานี้เป็นคำกล่าวอ้างที่ดีจริง” เฟิงไฉ่อวิ้นได้ยินเขาจะเอ่ยวาจาที่ทำให้นางต้องโมโหและนางก็อดโมโหไม่ได้จริงๆ กระทืบเท้าเหยียบเขาทีหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินไปห้องปีกตะวันออกของซูสุ่ยเลี่ยน

“เฟิงไฉ่อวิ้น!” เหลียงเสวียนจิ้งโมโหจัด เขารู้ว่าตนเองทอดทิ้งนางมาหลายปี ยังมีลูกกับบรรดาภรรยาน้อยโดยเปิดเผยต่อหน้านาง จงใจยั่วยุนางให้รู้สึก ลูกสาวถูกคนทำร้ายนั่นไม่ใช่ความพอใจของเขาที่ได้เห็น กลับกันตอนนั้นเขายังตรวจสอบไปทั่ว ความทุกข์ทรมานไม่ได้น้อยไปกว่านาง

แต่นางดีเลย เอาแต่กัดเรื่องที่เขามีภรรยาน้อยไม่ยอมปล่อย ครั้งนี้พานางมาเยี่ยมลูกสาว แต่นางกลับคิดจะสร้างบ้านพักอยู่เมืองฝานฮัวนี่เสียอย่างนั้น

ตนเองทุ่มเทแรงกายแรงใจชดเชยความผิดพลาดที่ผ่านมา นางยังคิดเช่นนี้อีก! หรือว่าต้องให้เขาปลดภรรยาน้อยทั้งเจ็ดก่อน ให้ลูกสาวออกเรือนให้หมดก่อน มีแต่เขาอยู่เป็นเพื่อนนางคนเดียว นางจึงพอใจ? เช่นนั้นเขาที่เป็นถึงอ๋องจิ้ง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน

……

“ท่าน…ท่านแม่มีอะไรในใจ?” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นเฟิงไฉ่อวิ้นเข้ามาในห้องไม่พูดไม่จา นั่งมองหลินเซียวกับหลินหลงในเปลเหม่อลอย พอนางหลับไปงีบหนึ่งตื่นมาก็ยังเห็นภาพเดิม ทำให้นางอดนึกถึงมารดานางในภพก่อนไม่ได้ ตอนมีเรื่องกับบิดานาง ก็มักจะมีท่าทางเหม่อลอยเช่นนี้

“ซวี่เอ๋อร์…เจ้า…เจ้ายอมเรียกข้าว่าท่านแม่แล้ว?” ได้ยินซูสุ่ยเลี่ยนถามเสียงอ่อนโยน เฟิงไฉ่อวิ้นก็ได้สติ ในห้วงความคิดเต็มไปด้วยเสียงเรียกขานเบาๆ ของซูสุ่ยเลี่ยน

“ท่านแม่ ข้า…ทุกอย่างในอดีต…ล้วนจำไม่ได้แล้ว ท่าน…กับ…ท่านพ่อจะถือสาไหม” นางไม่ใช่เหลียงเอินซวี่ที่พวกเขาเรียกขานนานแล้ว แต่เป็นซูสุ่ยเลี่ยนที่มาจากเมืองซูโจวในยุคสาธารณรัฐ หลังจากไตร่ตรองอย่างหนักเกือบหนึ่งเดือนมานี้ นางก็คิดตกแล้ว หากพวกเขาไม่ถือสา นางก็ยอมรับพวกเขาเป็นบิดามารดาเสียเลย ก็ถือเสียว่าเป็นบิดามารดานางชาตินี้ไป แม้ว่าพวกเขาเป็นบิดามารดาของเจ้าของร่างที่นางครองจริงๆ แต่ร่างนี้ไม่ใช่ของนาง มีแต่จิตวิญญาณที่ใช่

“แน่นอนย่อมไม่ถือสา เรื่องในอดีตสำหรับพวกเราแล้วก็ไม่ใช่เรื่องดี แล้วแต่เจ้า หากเจ้าไม่อยากนึกถึงอีก ก็ไม่ต้องพยายามจดจำ ความทรงจำดีๆ ก็ให้พวกเราร่วมสร้างกับเจ้าใหม่ ขอเพียงเจ้า…ขอเพียงเจ้ายอมรับพวกเรา จริงนะ เอินซวี่ แม่นึกเสียใจในหลายปีมานี้มาก หากไม่ใช่แม่สลบไปหลังคลอด เจ้าจะถูก…” เฟิงไฉ่อวิ้นยังกล่าวไม่ทันจนก็รู้สึกแค้นใจและอัดอั้นตันใจ อดแผดเสียงร้องไห้ดังลั่นออกมาเหมือนเด็กน้อยไม่ได้ ทำเอาซูสุ่ยเลี่ยนมือไม้ลนลานไปหมด

“เฮ้อ เป็นยายคนแล้ว ทำไมยังเหมือนเด็กน้อย” เหลียงเสวียนจิ้งตามอยู่ด้านหลังเฟิงไฉ่อวิ้น แต่ไม่กล้าเข้ามาในห้องเผชิญหน้ากับนาง นั่งอยู่ห้องส่วนนอกส่งเสียงเตือน ได้ยินเสียงร้องไห้อัดอั้นตันใจของนางเช่นนี้ ก็รีบเข้ามาในห้อง กอดนางไว้พลางกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนปลอบใจ

“เจ้า…เจ้า…ยุ่งอะไรกับข้า!” เฟิงไฉ่อวิ้นชะงักอาการร้องไห้แต่ไม่ลืมถลึงตาใส่เหลียงเสวียนจิ้ง เพียงแต่ใบหน้าเล็กอาบไปด้วยน้ำตาย่อมจ้องมองมาไม่ได้น่ากลัวอะไร กลับทำให้เหลียงเสวียนจิ้งแอบนึกขำแทน

“ได้ ไม่ยุ่งกับเจ้า ให้เจ้าขายหน้าต่อหน้าลูกสาวลูกเขยไปเลย”

ลูกเขย? เฟิงไฉ่อวิ้นอึ้งเงยหน้า หันไปพบว่าหลินซือเย่าไม่รู้เข้ากอดซูสุ่ยเลี่ยนตอนไหน สีหน้าเผยรอยยิ้มแวบหนึ่ง นางไม่พลาดที่จะแอบเห็น

“ยังไม่รีบพาข้ากลับห้องไปล้างหน้าอีก” เฟิงไฉ่อวิ้นกระทืบเท้า อับอายกลายเป็นโมโหกระทืบเท้าใส่เหลียงเสวียนจิ้งทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปก่อน

“ฮา ฮา…ไม่ค่อยได้เห็นเจ้าอายเลย” เหลียงเสวียนจิ้งเห็นดังนี้ก็อดหัวเราะดังลั่นต่อหน้าซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่าไม่ได้ ทิ้งท้ายก่อนไปว่า “ซวี่เอ๋อร์ ไว้ค่อยมาหาเรื่องสร้างจวนพักตากอากาศกับเจ้า” ก่อนจะรีบไล่ตามภรรยาเขาที่ปากกับใจไม่ตรงกันออกไปทันที

“จวนพักตากอากาศ?” ซูสุ่ยเลี่ยนเงยหน้ามองหลินซือเย่า หรือว่าจะซื้อที่รกร้างมาสร้างเรือนสองชั้นเหมือนบ้านตน

“เขากะว่าจะซื้อทั้งเมืองฝานฮัว” หลินซือเย่ารั้งนางเดินไปที่เตียง ถือโอกาสที่ลูกๆ ยังหลับ เขาต้องคิดหาทางกินนางสักรอบ มือน้อยของนางทำให้กายเขาร้อนผ่าว…