ตอนที่ 133 เรียกตํารวจจับ

“แกมีอะไรอีกห้ะ?!”

หลี่เฟิงหันไปตวาดใส่หลินหนานด้วยน้ำเสียง และสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น และไม่ต้องการที่จะเสแสร้งอีก

หลินหนานไม่แม้แต่จะปรายตามองหลี่เฟิง แต่กลับหันไปพูดกับฉินเสี่ยวยู่แทน “เมื่อครู่คุณบอกจะเลี้ยงข้าวผมไม่ใช่เหรอ? ผมอยากกินตอนนี้เลย ไม่อยากรอกินตอนเย็น เร็วเข้า.. พวกเราไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนดีกว่า!”

ฉินเสี่ยวยู่ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบหลินหนานกลับไปว่า “หลินหนาน.. อย่ามาพูดล้อเล่นตอนนี้! นี่ไม่ใช่เวลา อีกอย่างฉันเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไรทั้งนั้น!”

ฉินเสี่ยวยู่พยายามตอบหลินหนานกลับไปอย่างสุภาพมากแล้ว เวลานี้ แม่ของเธอกําลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย สิ่งที่เธอต้องการทํามากที่สุดในตอนนี้ก็คือ รีบไปหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดให้เร็วที่สุดเท่านั้น!

แต่หลินหนานกลับตอบเธอด้วยน้ำเสียง และสีหน้าจริงจังว่า “เสี่ยวยู่ ร่างกายของคนเราไม่ได้ทําด้วยเหล็กนะ ถึงเวลาอาหารก็ต้องกิน ดูสภาพเธอตอนนี้สิ หิวข้าวแต่กลับไม่ยอมกิน ปล่อยตัวเองให้หิวโซ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

สีหน้าของฉินเสี่ยวยู่บ่งบอกถึงความงุนงงสับสน และตอบหลินหนานกลับไปว่า “หลินหนานตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาตลกกับมุขของนายหรอกนะ! นี่นายไม่เห็นเหรอว่าฉันมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ?”

หากเป็นสถานการณ์ปกติ ทั้งสองคนคงจะพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนานมากกว่านี้ แต่ในสถานการณ์ที่แม่ของเธอกําลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย หลินหนานยังจะมีแก่ใจมาล้อเล่นแบบนี้อีกหรือ?

และเวลานี้ ฉินเสี่ยวยู่ก็รู้สึกผิดหวังในตัวหลินหนานอย่างมาก!

“นี่ ถ้าแกฉลาดก็รีบๆไปให้ไกลๆ ไม่อย่างนั้นฉันจัดการกับแกแน่!”

ความจริงแล้วหลี่เฟิงอยู่ห่างจากฉินเสี่ยวยู่ไกลไม่น้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางของหลินหนาน เขาก็รีบวิ่งเข้าไปใกล้เธอ พร้อมกับจ้องมองหลินหนานด้วยแววตาดุดัน

เขาสู้อุตส่าห์ตามจีบฉินเสี่ยวยู่มานาน ย่อมไม่มีทางปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดมือไปแน่!

ได้ทั้งบ้าน.. ได้ทั้งใจ!

“เสี่ยวยู่ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ! คุณไม่สังเกตเหรอว่านี่เป็นเวลาพักเที่ยง ทั้งหมอทั้งพยาบาลต่างก็ไปพักกลางวันกันหมด จะเหลือก็แต่หมอกับพยาบาลอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น จะมีก็แต่หมอหลีนี่ล่ะ ที่ดูทุ่มเทกับงานจนน่าแปลก…”

จากนั้น หลินหนานก็หันไปยิ้มให้กับหลี่เฟิง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ว่ายังไงครับคุณหลี่ คุณคิดเหมือนกับผมมั้ย?”

“คนอย่างแกจะไปรู้อะไร! ลุงของฉันมีจรรยาบรรณ แล้วก็ทุ่มเทให้กับการดูแลรักษาคนไข้ เพราะฉะนั้น แกอย่าได้พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระเด็ดขาด! แล้วก็อย่าพยายามดึงเวลาให้พวกเราต้องล่าช้าไปมากกว่านี้!”

แม้หลี่เฟิงจะไม่รู้ว่าหลินหนานคิดที่จะทําอะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่ตกหลุมพราง และพยายามที่จะพาฉินเสี่ยวยู่ออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

แต่หลินหนานก็พูดขึ้นเสียก่อนว่า “คงจะเป็นจริงอย่างที่คุณหลี่พูด นอกจากหมอหลี่จะทุ่มเทให้กับคนไข้แล้ว ยังเป็นหมอที่เก่งและมีความสามารถมากอีกด้วย..”

หลี่เฟิงได้ยินหลินหนานเอ่ยชมลุงของตนเองแบบนั้น ก็รีบยกมือขึ้นตบหน้าอก และตอบกลับไปทันที

“แน่นอน! ไม่อย่างนั้นลุงของฉันจะได้ชื่อว่า เป็นศัลยแพทย์ด้านสมองที่เก่งที่สุดในเจียงไฮวได้ยังไง?”

“นั่นสินะ! ลุงของคุณเก่งยิ่งกว่าซุปเปอร์แมนซะอีก..” หลินหนานพยักหน้าเห็นด้วย แต่น้ำเสียงกลับฟังดูเหมือนกําลังเย้ยหยัน และประชดประชันอยู่

ต่อให้หลี่เฟิงจะโง่ขนาดไหน เขาย่อมต้องมองออกว่า หลินหนานกําลังพูดประชดแดกดันตนเองอยู่ จึงได้แต่ถามออกไปว่า

“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

ครั้งนี้หลินหนานตอบกลับด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “ผมก็แค่ชื่นชมลุงของคุณก็เท่านั้นเอง! คนอะไรเก่งชะมัด สามารถทําการผ่าตัดใหญ่อย่างสมองได้เพียงลําพังคนเดียว โดยไม่ต้องมีพยาบาลคอยช่วยแม้แต่คนเดียว!”

“ช่างเป็นหมอที่ทั้งเก่งแล้วก็อุทิศตนต่อคนไข้ ประหนึ่งฮัวโตกลับชาติมาเกิด! แต่น่าเสียดายที่จิตใจกลับชั่วร้ายนัก!”

หลินหนานถอนหายใจออกมา พร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างนึกเสียดาย

หลังจากได้ฟังคํากล่าวหาของหลินหนาน ใบหน้าอวบอ้วนของหลี่เฟิงก็ถึงกับพองขึ้นในทันทีพร้อมกับตวาดใส่หน้าหลินหนานว่า

“นี่แกอย่ามากล่าวหาลุงของฉันแบบนี้นะ! ขึ้นแกยังปากพล่อยแบบนี้ อย่าหาว่าฉันข่มเหงแกก็แล้วกัน!”

ระหว่างที่หลี่เฟิงกําลังจ้องหน้าหลินหนานด้วยสีหน้าทิ้งตึงดุดัน พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าด่าทอเขานั้น เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าก็ดังลั่นขึ้นทั่วทั้งโรงพยาบาล

เพียะ!

แต่ว่า..

นั่นคนที่ถูกตบกลับไม่ใช่หลินหนาน แต่เป็นหลี่เฟิงต่างหาก!

“เสี่ยวยู่ นี่เธอ เธอตบหน้าฉันทําไม?”

หลี่เฟิงยกฝ่ามือขึ้นกุมใบหน้าของตนเองไว้ พร้อมกับจ้องมองฉินเสี่ยวยู่ด้วยสีหน้างุนงง ดวงตาหรี่เล็กของเขานั้น บ่งบอกว่าทั้งตกตะลึงและตกใจ..

ยัยนี่ท่าจะบ้าไปแล้วแน่ๆ!

“ฉันตบนายทําไมน่ะเหรอ? นี่นายยังไม่สํานึกอีกหรือยังไง? ฉันเองก็อยากจะรู้นักว่า ลุงของนายทําการผ่าตัดใหญ่แบบนั้นได้ยังไง โดยที่ไม่มีพยาบาลช่วยแม้แต่คนเดียว?!”

เวลานี้ สายตาของฉินเสี่ยวยู่เต็มไปด้วยอารมณ์เดือดดาล!

และคําพูดของหลินหนานก็ได้ทําให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ และช่วยปัดเป่าเมฆหมอกที่บดบังตาทั้งคู่ของฉินเสี่ยวยู่ออก..

ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ หลังจากที่ใคร่ครวญตามไปที่ละเรื่องทําให้เธอเริ่มเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้ตบหน้าหลี่เฟิงที่บังอาจหลอกลวงเธอ!

หลินหนานได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง และคิดในใจว่า สิ่งที่เขาทําลงไปล้วนไม่เสียแรงเปล่า เพราะอย่างน้อย หญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้โง่อย่างที่เขาคิด

ผู้หญิงหน้าอกใหญ่โต ใช่ว่าจะไม่มีสมองทุกคนสินะ!

“เอ่อ.. บางทีตอนนี้พยาบาลอาจจะกําลังอยู่ในห้องไอซียูแล้ว เสี่ยวยู่ อย่าไปฟังหมอนี่พูดจาเพ้อเจ้อจะดีกว่า พวกเรารีบไปเอาโฉนดบ้านไปค้ำประกัน เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดจะดีกว่า อย่าลืมว่าตอนนี้แม่ของเธอกําลังตกอยู่ในอันตรายนะ!”

หลี่เฟิงพยายามอธิบายให้ฉินเสี่ยวยู่ฟัง ในขณะเดียวกันก็พยายามดันตัวของเธอให้เดินออกไปจากที่นี่ ต่อให้คนโง่แค่ไหน ก็ดูออกไม่ยากว่า ท่าทีของฉินเสี่ยวยู่ที่แสดงออกมาในตอนนี้ บ่งบอกว่าเธอกําลังเริ่มลังเลสงสัย

บ้านเก่าหลังนั้นของฉินเสี่ยวยู่ กําลังจะถูกทางการเวนคืน เพื่อทําการรื้อถอนในอีกไม่นาน และเจ้าของบ้านจะได้รับเงินค่าชดเชยหลายล้านหยวนเลยทีเดียว

“นี่…ทําไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย ?” หลินหนานก้าวออกไปขวางหน้าฉินเสี่ยวยู่ได้ทันที

“นี่…แกหลีกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

หลี่เฟิงคร้านที่จะพูดกับหลินหนานอีก จึงยกมือขึ้นกําหมัดชกใส่หน้าของเขาทันที แต่หลินหนานกลับสามารถยกมือขึ้นนปัดป้อง และกําหมัดของหลี่เฟิงไว้ได้อย่างง่ายดาย

บูม!

จากนั้น ดวงตาของหลี่เฟิงก็เริ่มเบิกโพลง เขารู้สึกว่าฝ่ามือของหลินหนานนั้น มีพลังรุนแรงและแข็งแกร่งราวกับขุนเขา

แต่ยังไม่ทันที่หลี่เฟิงจะได้ตอบโต้อะไร ร่างอ้วนหนักกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัมนั้น ก็ลอยละลิ่วออกไปกลางอากาศราวกับลูกโปง ก่อนจะร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง

ปัง!

ทันทีที่ร่างของหลี่เฟิงร่วงลงกระแทกกับพื้นนั้น ทั่วทั้งชั้นของโรงพยาบาลก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

“โอ๊ย!!”

เสียงร้องโหยหวยด้วยความเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด ดังสนั่นไปทั่วทั้งโรงพยาบาล

“เกิดอะไรขึ้น? มีใครฆ่ากันตายในโรงพยาบาลงั้นเหรอ?”

“จะร้องตะโกนโวยวายไปทําไม? มีคนชกต่อยกันในโรงพยาบาลเท่านั้นเอง!”

“พยาบาลไปไหนกันหมด? แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยล่ะ? ทําไมยังไม่รีบมาห้ามอีก..”

แม้จะเป็นช่วงพักเที่ยง แต่ก็ยังมีคนไข้จํานวนหนึ่งที่ยังคงนั่งรอหมออยู่ที่ห้องโถง ต่างก็พากันชี้มาทางที่เกิดเหตุ และวิพากษ์วิจารณ์กเสียงดัง

หลินหนานเห็นสภาพของหลี่เฟิงที่นอนก้นเบ้าอยู่ที่พื้น ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างละเหี่ยใจ

เขาเพียงแค่อยากสั่งสอนหลี่เฟิงให้ได้รับบทเรียนบ้างเท่านั้นเอง จึงได้ใช้พลังปราณเพียงแค่เล็กน้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลี่เฟิงจะอ่อนแอถึงขนาดนี้!

“เกิดแผ่นดินไหวเหรอนี่?”

หลี่ชางไห่ที่อยู่ในห้องไอซียู ก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงนี้เช่นกัน เขาจึงได้รีบเปิดประตูห้อง และวิ่งออกมาดูทันที

“เจ้าเฟิง..”

ทันทีที่วิ่งออกมา หลี่ชางไห่ก็เห็นหลี่เฟิงกําลังนอนชักอยู่ที่พื้น หลินหนานเห็นเช่นนั้น จึงได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน พร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปว่า

“อ้าว.. คุณหมอหลี่! คุณกําลังทําการผ่าตัดสมองคนไข้อยู่ไม่ใช่เหรอครับ? ทําไมถึงทิ้งคนไข้แล้ววิ่งหน้าตั้งออกมาแบบนี้ล่ะครับ?”

“เจ้าเฟิง เป็นอะไรมากมั้ย? ได้ยินเสียงลุงเรียกมั้ยเจ้าเฟิง? พูดอะไรกับลุงบ้างสิ?”

หลีชางไห่พยายามร้องเรียกหลี่เฟิง หลี่เฟิงเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูล หากปล่อยให้หลี่เฟิงเป็นอะไรไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปอธิบายให้ทุกคนในครอบครัวฟังได้อย่างไร?

“ลุง ลุงครับ. ผม เจ็บมากเลย..” หลี่เฟิงอ้าปากกว้าง และกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคําก็แสนจะยากเย็น มิหนําซ้ำใบหน้าของเขาเวลานี้ยังซีดจนขาวด้วย

“เธอชื่อหลินหนานใช่มั้ย? เธอ เธอกล้าทําร้ายหลานชายของฉันเหรอ?” หลี่ชางไห่หันไปตวาดใส่หลินหนานด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด

หลินหนานผายมือออก พร้อมกับตอบไปว่า “อย่ามากล่าวหากันแบบนี้สิ! ผมไม่ได้ทําอะไรเลย เขาล้มลงไปเอง!”

“นี่เธอกล้าทําร้ายคนในโรงพยาบาลเชียวเหรอ? ฉัน ฉันจะโทรเรียกตํารวจมาจับเธอเข้าคุกเดี๋ยวนี้”

หลี่ชางไห่ร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโหเดือดดาล พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถืออกมา