ตอนที่ 57

Silver Overlord

หนึ่งเดือนหลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงบรรลุระดับสวรรค์ชั้นหนึ่งในศิลปะการยิงธนูเขาก็อยู่ในย่านโรงตีเหล็กแทบจะตลอดเวลา

เขาใช้เวลานั้นโดยไม่ออกไปข้างนอกหรือกังวลใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก เขาอยู่ในย่านโรงตีเหล็กเพื่อฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้น

ตำนานเล่าว่าเมื่อขงจื้อฝึกกู่ฉินเขาไม่รับประทานเนื้อสัตว์เลยเป็นเวลาสามเดือน สิ่งนี้คล้ายกับกรณีของเอี้ยนลี่เฉียงคนที่เคยสัมผัสรสชาติอันหอมหวานของการบ่มเพาะมาก่อน

เขาดื่มด่ำกับการฝึกฝนอย่างเต็มที่แม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนตารางเวลาและกิจกรรมของตัวเองในย่านโรงตีเหล็กไปด้วย

เนื่องจากมันใช้เวลานานเกินไปสำหรับเขาที่จะมุ่งหน้าขึ้นและลงจากภูเขาเพื่อรับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นตลอด

ทั้งเดือนที่ผ่านมาก่อนที่จะขึ้นไปบนภูเขาเอี้ยนลี่เฉียงจะนำอาหารจากห้องอาหารไปด้วยหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเขาจะดื่มน้ำพุบนภูเขาด้วยเลย

เมื่อใดก็ตามที่เขาหิวเขาจะกินอาหารที่เขานำมาด้วยสิ่งเหล่านี้เขาทำอยู่เป็นประจำจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตกดิน

เนื่องจากความมีน้ำใจไม่ถือตัวที่เอี้ยนลี่เฉียงแบ่งปันกับคนในย่านโรงตีเหล็ก พวกเขาจึงไม่ใส่ใจหรือสับสนกับสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงทำ

ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลที่เอี้ยนลี่เฉียงเข้าไปในภูเขาในตอนแรกก็คือการฝึกฝนฝีมือและฝึกฝนยิงธนู เมื่อเห็นชายหนุ่มเช่นเขาขยันขันแข็งและทำงานหนักก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะดีใจ

มีตัวอย่างหนึ่งที่กลุ่มทหารที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนย่าน โรงตีเหล็กขึ้นไปบนภูเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างแท้จริงเพื่อตรวจสอบสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงกำลังทำอยู่

แต่ก่อนที่ทหารเหล่านั้นจะไปถึงตำแหน่งของเอี้ยนลี่เฉียง บนยอดเขาก็มีลูกศรพุ่งลงมาจากยอดเขาในตอนที่พวกเขายังอยู่ห่างจากตำแหน่งของเอี้ยนลี่เฉียงอยู่เกือบหนึ่งลี้

ลูกศรปักลงบนลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ทางด้านซ้ายของหัวหน้ากองทหารเพียงไม่กี่เมตร หัวลูกศรถูกฝังลึกลงไปในลำต้นของต้นไม้สามถึงสี่นิ้วทำให้ก้านลูกศรสั่นสะเทือนด้วยความรุนแรง

เมื่อพวกเขาเห็นพลังที่น่ากลัวของการยิงลูกศร กองทหารนั้นก็ตกใจจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าเลยแม้แต่ก้าวเดียวและรีบถอยกลับลงจากภูเขา

ระหว่างที่พวกเขาเผชิญหน้ากับเอี้ยนลี่เฉียงพวกเขาจึงกล่าวว่าเรื่องนี้กับเขา

เอี้ยนลี่เฉียงก็ตอบกลับด้วยความประหลาดใจ ด้วยการแสดงออกที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาคล้ายกับกระต่ายสีขาวตัวเล็ก ๆ

“อ๊ะ! พี่ใหญ่ขึ้นไปบนภูเขาเมื่อวานข้าไม่รู้ด้วยซ้ำ! เมื่อวานข้าฝึกยิงธนูตลอดเวลาบางครั้งลูกศรก็จะพุ่งขึ้นไปในอากาศเมื่อข้าพยายามจะยิงนก ข้าควบคุมไม่ได้ว่ามันจะตกลงที่ไหน…”

หลังจากที่พวกเขาฟังสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดพวกเขาหลายคนก็เหงื่อแตกออกมาและแม้แต่คนอื่นๆในย่านโรงตีเหล็กก็ไม่กล้าขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป

หากหนึ่งในนั้นโชคร้ายโดนลูกศรของเอี้ยนลี่เฉียง พวกเขาจะตายโดยไม่สามารถโทษใครได้นอกจากตัวเอง

พวกเขาคิดว่าปรมาจารย์เฉียนจะรายงานว่ามันเป็นอุบัติเหตุ และครอบครัวของพวกเขาจะได้ค่าชดเชยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากวันนั้นไม่มีใครขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรบกวนการฝึกของเอี้ยนลี่เฉียงอีกเลย แม้ว่าเฉียนซูจะถามเกี่ยวกับการฝึกของเขา เอี้ยนลี่เฉียงก็จะตอบคำถามด้วยคำตอบที่คลุมเครือ

ไม่ใช่ว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ต้องการบอกเฉียนซูแต่เป็นเพราะเขากลัวว่าเฉียนซูจะตกใจกับความจริง

เขาได้ทะลวงผ่านสวรรค์ชั้นที่หนึ่งในศิลปะการยิงธนูในวันแรกของการฝึกฝนจนกลายเป็นนักธนูที่มีความสามารถคนหนึ่ง

มันน่าตกใจเกินไปที่จะมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วเช่นนี้แม้แต่ เอี้ยนลี่เฉียงเองก็ยังอยู่ในสภาพไม่เชื่อมั่นไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น

เป็นเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นหลังจากที่ที่เอี้ยนลี่เฉียงบรรลุสวรรค์ชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นศิลปะการยิงธนูของเขาก็สะท้อนกับพลังชี่ฟ้าดินและแสดงเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้งทำให้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สองอย่างรวดเร็ว

ถ้าจะกล่าวว่าเกณฑ์มาตรฐานของสวรรค์ชั้นแรกในศิลปะการยิงธนูคือการยิงธนูไปยังเป้าหมายด้วยความแม่นยำสูง

ดังนั้นสวรรค์ชั้นที่สองจะมีความสามารถในการยิงปักษาทุกชนิดที่อยู่บนท้องฟ้า

ในเวลานี้การยิงของเขาจะยิงโดนทุกครั้งตราบเท่าที่สายตาของเขามองเห็น แม้ว่าความยากของมันจะสูงมากเพราะว่านกที่บินอยู่บนท้องฟ้านั้นมีการเคลื่อนไหวตัวเองไปด้วย

โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะต้องใช้เวลาเกือบตลอดชีวิตให้สามารถบรรลุถึงสวรรค์ชั้นนี้ในศิลปะการยิงธนู

เป็นไปไม่ได้ที่คนส่วนใหญ่ที่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนศิลปะการยิงธนูไปตลอดชีวิตเพื่อที่จะบรรลุขอบเขตของสวรรค์ชั้นที่สอง แต่เอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ในการทำเช่นนั้น

เพื่อที่จะไปถึงดินแดนสวรรค์ชั้นแรกในศิลปะการยิงธนูอาจต้องใช้ความพยายามและหยาดเหงื่อมากกว่าสิบปีสวรรค์ถึงจะเมตตาให้พวกเขาประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุขอบเขตของสวรรค์ชั้นที่สองในศิลปะการยิงธนูความแม่นยำที่จำเป็นในการยิงนกบนฟ้าให้ตกภายในหนึ่งร้อยก้าวในการยิงทุกครั้งจะขึ้นอยู่กับโชคและพรสวรรค์ของบุคคลหรือจะต้องได้รับคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่

ภายในช่วงเวลาสั้นๆเจ็ดถึงแปดวันเอี้ยนลี่เฉียงได้เปลี่ยนจากคนที่ไม่เคยสัมผัสคันธนูและลูกศร กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถบรรลุถึงสวรรค์ชั้นที่สองในศิลปะการยิงธนูเรื่องนี้จะให้เขาอธิบายกับคนอื่นได้อย่างไร?

เขามีพรสวรรค์ในการยิงธนูระดับฟ้าประทานมาหรือไม่? หรือทั้งหมดนี้เกิดจากผลของการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น?

หรือเป็นเพราะการผสมผสานระหว่างทั้งสอง? เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือถ้าข่าวเกี่ยวกับความเร็วในการบ่มเพาะดังกล่าวแพร่กระจายออกไปมันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างแน่นอน

ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับไม่ถ้วนของทวีปเงินไม่เคยมีบุคคลใดที่มีความเร็วในการฝึกฝนระดับเขา คำว่า ‘อัจฉริยะ’ ไม่สามารถอธิบายได้เพราะตอนนี้เขาดูเหมือนจะเป็นปีศาจไปแล้ว!

ถ้าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการยิงธนูมาตั้งแต่เกิดก็คงไม่เป็นไร เขาจะได้ไม่รู้สึกหวาดกลัวเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยๆเพราะพรสวรรค์เป็นของตัวเองไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปได้

อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นมันจะสร้างความยุ่งยากให้กับเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป

ตลอดเวลาที่เหลืออีกยี่สิบวันในการฝึกฝนยิงธนูเพียงอย่างเดียว เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตัวเองก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นทุกวัน

ภายในยี่สิบวันนั้นเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้หละหลวมในการบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นแม้แต่น้อย เพราะคัมภีร์เล่มนี้สามารถทำให้เขาดูดซับพลังจิตวิญญาณที่อยู่ตามธรรมชาติของภูเขานี้เข้าสู่ร่างกาย

ในทางกลับกันเขายังได้รับการฝึกฝนศิลปะการยิงธนูอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเขายังฝึกหมัดพยัคฆ์คำรามสองรอบไม่ทุกวันเพื่อให้เขาสามารถยืดเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อได้

เมื่อใดก็ตามที่เขาว่างเขาจะใช้เวลานั้นเพื่อทำความเข้าใจและครุ่นคิดถึงคู่มือลับ ‘ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา ‘ ที่เฉียนซูมอบให้

ตารางงานของเขาอัดแน่นทุกวันและในตอนนี้ดูเหมือนว่าระดับชั้นชีวิตของเขาจะสูงขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย