ความเงียบของแองโกร่าทำให้ชายชราเข้าใจผิด เขาคิดว่าแองโอร่าเข้าใจแล้วว่าที่ดินศักดินาแห่งนี้นั้นไม่คุ้มค่า เขาจึงเลิกกดดันขุนนางใหม่คนนี้

เมื่อเห็นว่าแองโกร่ายังเด็กอยู่ คำพูดของเขาจึงอ่อนลงมาก “มันใกล้มืดแล้ว หากท่านไม่รังเกียจ ท่านสามารถพักที่บ้านข้าคืนนี้ได้ หลังจากตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ท่านควรทำคือออกไปจากเมืองนี้ซะ”

แองโกร่ายืนอยู่ที่เดิมกำลังพยายามเรียกระบบ เมื่อเขาได้ยินคำพูดของชายชราเขาก็ตกตะลึง “แล้วคฤหาสน์ขุนนางในอดีตล่ะ อยู่ที่ไหน”

“ขุนนางคนสุดท้ายรีบกลับบ้านทันทีหลังจากได้เห็นที่นี่ เขาไม่ได้สร้างอะไรอย่างคฤหาสน์เอาไว้เลย” ชายชราตอบ

“ดีจริง…” แองโกร่าถอนหายใจ และแปลกใจที่พ่อของเขาไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้ “ขอรบกวนด้วยนะครับ”

ระหว่างทางไปยังบ้านของชายชรา แองโกร่าก็ได้รู้ว่าชายชราคนนี้เป็นเจ้าเมืองไร้ชื่อ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่กองทัพของพวกเรเวแนนท์ได้บุกเข้าโจมตีบ้านเมือง มีสงครามขนาดเล็กรอบเมืองเป็นระยะ ๆ และได้เปลี่ยนเมืองที่เจริญในอดีตให้กลายเป็นเช่นนี้

ที่นี่มีบ้านจำนวนมาก แต่หลายหลังเป็นบ้านร้างที่มีสภาพทรุดโทรมและไม่มีใครอาศัยอยู่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว กระเบื้องมุงหลังคาเป็นรู ก้อนอิฐหลุดร่วงแตกร้าว บางครั้งก็จะมีสุนัขจิ้งจอกหรือหนูที่แอบทำรังอยู่ในบ้านร้างเหล่านั้น

เป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากแล้วที่ยังมีคนอาศัยอยู่ในเมือง แม้ว่าทุก ๆ สามหลังจะมีบ้านที่มีคนอยู่เพียงหนึ่งหลังก็ตาม

ที่นี่มีชาวบ้านเพียงแค่ 29 คน รวมชายชราที่เท้าข้างหนึ่งก้าวไปเหยียบขอบหลุมฝังศพคนนี้แล้ว คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุ ผู้หญิงและเด็ก ส่วนคนหนุ่มสาวพวกเขาได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในเขตอาณาจักรหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพวกที่ยังมีแรง หรือพวกที่ถูกเกณฑ์โดยกองทัพหลวง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด พวกเขาก็จะไม่กลับมาอีก

แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าเมือง แต่จริง ๆ แล้วบ้านของชายชราก็ไม่ต่างจากบ้านหลังอื่น ๆ มันแค่ดูดีกว่าหน่อยเพราะหลังคาไม่มีรู และพวกเขาก็ไม่ต้องนอนอาบแสงดาว

“ปู่! ปู่กลับมาแล้ว!” เด็กสาวคนหนึ่งที่ดูอายุมากกว่าแองโกร่านิดหน่อยรีบเดินออกมาหน้าบ้าน ไม่นานเธอก็เห็นแองโกร่าที่เดินตามชายชราเข้ามา “เขาเป็นใครรึ”

“วีลา เขาคือขุนนางคนใหม่ของเมือง อย่าหยาบคายกับเขา” ชายชราจริงจังกับเรื่องนี้

ทั้งเด็กสาวและแองโกร่าหันมามองกัน จากมุมมองของแองโกร่า ถ้าน้องสาวเขาได้ 8 คะแนนในแง่ของรูปร่างหน้าตา เด็กสาวที่ชื่อวีลาน่าจะได้ประมาณ 5 ถึง 6 คะแนน

แม้ว่านวนิยายอัศวินหลายเรื่องจะมีตัวละครเช่น ‘สาวชาวนาแสนสวย’ แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยที่มันจะเกิดขึ้นจริง เพราะชาวบ้านไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ต่างก็ต้องทำงานหนัก เมื่อต้องทำงานหนักมากเกินไปท่ามกลางสายลมและแสงแดด ไม่ว่าสาว ๆ จะหน้าตาดีแค่ไหน พวกเธอก็จะมีใบหน้าและผิวที่หยาบกร้าน มันเทียบไม่ได้เลยกับเหล่าขุนนาง

ความจริงแล้วขุนนางทั่วทั้งจักรวรรดิมีอำนาจที่จะหลับนอนกับประชาชนที่ขายตัวเข้ามาเป็นทาสติดที่ดิน* แต่แทบไม่มีใครใช้อำนาจนั้นเพื่อนอนกับสาวชาวนาที่สกปรกและน่าเกลียด…พวกเขามักจะเอาผู้หญิงสวย ๆ มาเป็นภรรยาหลายชั่วอายุคน เพื่อปรับปรุงสายเลือดของพวกเขาให้หน้าตาดีขึ้น ดังนั้นขุนนางส่วนใหญ่จึงมีรูปร่างหน้าตาดี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ดีขนาดที่ว่าอยู่เหนือฝูงชน แต่มันก็ดี

(ทาสติดที่ดิน (serf) คือสถานภาพของชาวนาในระบบฟิวดัลในเมเนอร์ ซึ่งเป็นวิถีการผลิตส่วนใหญ่ในยุคกลาง กลไกของทาสติดที่ดินคือการที่ชาวนาถูกผูกพันไว้กับที่ดินของเจ้านาย และออกไปจากที่ดินไม่ได้ ทาสติดที่ดินอยู่ในระบบแบบแมเนอร์ ซึ่งก็คือระบบที่ผู้ปกครองจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุก ๆ อย่างในนั้น ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ และที่ดินเจ้าของที่ สามารถออกกฎหมายบังคับคนที่อยู่ในกฎนั้นให้ทำทุกอย่างตามที่สั่งได้ทั้งหมด)

ดังนั้นแม้วีลาจะไม่ได้พิเศษในสายตาของแองโกร่า แต่สาวชาวนาที่ได้ 5 ถึง 6 คะแนนก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน

“ข้าชื่อแองโกร่า•เฟาสต์ แต่เจ้าควรเรียกข้าว่า ‘ลอร์ดแองโกร่า’” เขาแนะนำตัวเอง แองโกร่าได้รับการเลี้ยงดูมาในหมู่คนชนชั้นสูง เขาไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับการที่ชาวนาจะเรียกเขาว่าลอร์ด เพราะยังไงซะเขาก็ถือเป็นลอร์ดของที่นี่

“สำหรับมื้อเย็น ข้ามีขนมปัง…วีลาไปเอามาสิ” ชายชราพูดกับเด็กสาวทันทีที่พวกเขาเข้ามาในบ้าน

“แต่เรามีอาหารไม่มากนะปู่…” เด็กสาวลังเล

“ไม่เป็นไร ลอร์ดแองโกร่าเป็นขุนนาง เราต้องแสดงความเคารพต่อเขา” ชายชรากล่าวอย่างหนักแน่น

เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนใจปู่ของเธอได้ เธอจึงพยักหน้าและหยิบชามไม้ออกจากตู้อย่างไม่เต็มใจ

ข้างในมีขนมปังแป้งหยาบขนาดเท่ากำปั้นสามก้อน มันดูค่อนข้างสกปรก

“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของเจ้า แต่ข้ายังมีอาหารแห้งอยู่”

แองโกร่าปฏิเสธอย่างสุภาพ หลังจากเหลือบไปเห็นขนมปังสีน้ำตาลกลิ่นเปรี้ยวที่มีแกลบและกรวดอยู่เต็มไปหมด

จากนั้นเด็กสาวก็พาแองโกร่าไปยังห้องที่เขาจะพักอยู่ชั่วคราว

“ห้องนี้เล็กกว่าห้องส้วมบ้านข้าอีก”

หลังจากที่เขาวางกระเป๋าไว้ข้างกำแพงแองโกร่ามองไปรอบห้องและบ่นอย่างเงียบ ๆ เมื่อเด็กสาวจากไป

จากนั้นดวงตาของเขาก็แดงก่ำ อีกไม่นานพี่ชายคนโตก็จะได้สืบทอดตำแหน่งของพ่อ เมื่อถึงเวลานั้น คฤหาสน์ดยุคจะไม่ใช่บ้านของเขาอีกต่อไป และเขาก็จะไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีก

โชคดีที่เขาเป็นลูกชายคนเล็ก และมักจะได้รับความทุกข์มาตั้งแต่เด็ก นั่นทำให้เขาสามารถปรับตัวได้ดี ในไม่ช้าเขาก็สงบลงและเริ่มเรียกระบบโอเวอร์ลอร์ดอีกครั้ง

“ครั้งที่แล้วเป็นกรณีฉุกเฉินที่ข้าถูกกลุ่มโจรซุ่มโจมตี ระบบจึงได้เปิดขึ้นเอง แต่ตอนนี้ข้าไม่มีโจรมาโจมตี…” แองโกร่าเกาหัว “ถ้าข้าคิดไม่ผิด มันควรมีวิธีเปิดในสถานการณ์ปกติ”

ต้องบอกว่าแองโกร่ายังคงสับสนกับวิธีเปิดใช้งานระบบ

“เปิด! เฮ้ออกมานะ! อาโลโฮโมร่า!*”

(อาโลโฮโมร่า คาถาสะเดาะกลอนในแฮรี่ มาจากภาษา “ซิดิกิ” ในแอฟริกาตะวันตก มีความหมายว่า “เป็นมิตรต่อหัวขโมย”)

เขาพยายามใช้ทุกคำสั่งที่เขาจำได้จากนิยายอัศวินและคาถาเวทย์ที่เขาเคยเห็น (ซึ่งเขาไม่ได้เชี่ยวชาญ) แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หากเขาไม่ได้เห็นหน้าอินเตอร์เฟซของระบบ และเรียกนักฆ่าจินนี่ออกมาปราบโจร แองโกร่าคงจะคิดว่าระบบโอเวอร์ลอร์ดเป็นเพียงจินตนาการของเขาไปแล้ว

“ต้องมีอะไรสักอย่าง ข้าพลาดอะไรไป…มันคืออะไรนะ…”

เขาใช้ความคิดอย่างหนักและเผลอลูบคางอย่างติดเป็นนิสัย

ตอนนั้นเองลูกบอลแสงสีขาวก็ได้โผล่ออกมาตรงจุดอับสายตาของแองโกร่า มันยื่นหนวดไปสะกิดหลังหัวของเขา ก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง

แองโกร่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับว่าเขาได้รับการรู้แจ้งจากเทพเจ้า เขาเห็นข้อความแรกของระบบกะพริบผ่านสมอง

“โอ้~เทพเจ้าแห่งเกม โปรดมอบชีวิตใหม่ให้กับเรา…” เขาพึมพำคำนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

ในไม่ช้าหน้าอินเทอร์เฟซเกมสุดเจ๋งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง!

“สำเร็จ! นี่คือคำสั่งเปิด!”

แองโกร่ากระโดดขึ้นเตียงด้วยความตื่นเต้น ปกติแล้วเมื่อเขาดีใจหรือตื่นเต้นเขาก็มักจะกระโดดขึ้นเตียงที่บ้าน แต่เตียงไม้ที่นี่ค่อนข้างโทรม มันไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ มีรอยแตกปรากฏขึ้นและมันก็ร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง แม้แต่ตัวแองโกร่าเองก็ล้มกลิ้งไปด้วย

เขากลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่กุมหลังหัวของตัวเอง

“ท่านลอร์ด เกิดอะไรขึ้น” วีลาที่ยังไม่เข้านอนถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเธอได้ยินเสียงดังมาจากห้องแองโกร่า

แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดเพียงใด แต่ความภาคภูมิใจของเขาในฐานะขุนนางก็ทำให้เขาไม่อาจให้ผู้อื่นมาเห็นตัวเองในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ได้

เขาทำได้เพียงกลั้นน้ำตาและความเจ็บปวด และตอบออกไปเสียงเบาด้วยปากที่สั่นระริกว่า “ข้าสบายดี…”

————————————-