ตอนที่ 55 ย้ายที่อยู่

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 55 ย้ายที่อยู่

พี่สาวคนโตเงียบไปครู่ใหญ่แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า ข้าอยากเรียนทอผ้ากับย่าหลิว…แต่ไม่รู้ว่านางจะยอมสอนข้าหรือไม่…

ประเดี๋ยวข้าจะไปถามนางแทนเจ้าเอง แต่ก่อนอื่นเราต้องมาคุยกันก่อนว่าเจ้าอย่าเลียนแบบลิงที่ลงจากภูเขาซึ่งพอทำแตงโมหายก็มาคว้าเม็ดงาเอาทีหลัง ! หลินเว่ยเว่ยมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ

เจ้าหนูน้อยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบถามว่า พี่รอง ลิงลงจากภูเขาเช่นนั้นหรือ ? หรือว่าท่านมีนิทานเรื่องอื่นอีก ?

หลินเว่ยเว่ยจึงเล่านิทานเรื่อง ‘ลิงน้อยลงจากภูเขา’ ให้เจ้าหนูน้อยฟัง โดยนิทานเรื่องนี้กล่าวไว้ว่ามีลิงน้อยตัวหนึ่งเห็นลูกท้อก็เลยจะไปเด็ดมัน เมื่อเด็ดลูกท้อได้แล้วมันก็มาเจอเข้ากับแปลงข้าวโพด ลิงน้อยจึงโยนลูกท้อทิ้งแล้วมาเก็บข้าวโพดแทน จากนั้นมันก็มาเห็นเถาแตงโมที่อยู่บนพื้น มันจึงโยนข้าวโพดในมือทิ้งแล้วมาเก็บแตงโมแทน สุดท้ายเพราะต้องการไล่จับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง เจ้าลิงน้อยจึงโยนแตงโมในมือทิ้งจนกระทั่งเจ้ากระต่ายหนีไปได้ ทำให้เจ้าลิงน้อยต้องกลับบ้านมือเปล่าในที่สุด

พี่สาวคนโตนึกว่าอีกฝ่ายกำลังแอบถากถางตนอยู่จึงกล่าวด้วยความโมโหว่า เจ้าไม่ต้องกังวล ! ข้าต้องทอผ้างามที่สุดมาให้เจ้าดูให้ได้ !

ข้าจะรอวันนั้น ! หลินเว่ยเว่ยหันไปยักคิ้วให้ !

หลังทานข้าวเย็นเสร็จแล้วหลินเว่ยเว่ยก็นำตะกร้าใส่ผลชิงป่ามาที่บ้านของหลิวว่ายจื่อ ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท ย่าหลิวอาศัยแสงสุดท้ายของวันง่วนอยู่กับเครื่องทอผ้าของตน

หลังจากฟังจุดประสงค์ที่หลินเว่ยเว่ยมาหาในวันนี้ ย่าหลิวก็ลังเลไปชั่วครู่แล้วกล่าวว่า ข้าสามารถสอนพี่สาวของเจ้าทอผ้าได้ เพียงแต่ข้าเองก็อยากตุนผักป่าไว้เช่นเดียวกัน ดังนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าอยากขึ้นไปเก็บผ้าป่าบนภูเขาพร้อมเจ้า !

หลินเว่ยเว่ยเป็นคนฉลาดจึงคิดข้อเสนอขึ้นมาใหม่ ย่าหลิว ท่านเอากระบุงไม้ไผ่ของท่านมาให้ข้า นับแต่วันนี้ไปขอเพียงข้าขึ้นไปบนภูเขา ข้าก็จะเก็บผักป่ามาให้ท่านหนึ่งกระบุง ท่านคิดว่าเป็นเช่นไร ?

ย่าหลิวยิ้มจนตาหยีแต่พูดคล้ายเกรงใจ ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ?

ไม่เห็นมีอันใดให้ต้องเกรงใจกันเลย เช่นนั้นก็ยึดตามนี้เถิด ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะให้พี่ใหญ่มาที่นี่ ได้หรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยกล่าว

ฝีมือการทอผ้าของย่าหลิวเป็นที่เลื่องลือไปไกลถึงหมู่บ้านใกล้เคียง ผ้าผืนที่นางทอออกมาขายได้ราคาดีกว่าผ้าทอของผู้อื่นหลายสิบอีแปะ ไม่รู้ว่ามีตั้งกี่คนที่อยากเรียนทอผ้าจากนาง แต่นางมักปฏิเสธเป็นประจำเพราะไม่มีเวลา การที่นางตอบรับว่าจะสอนพี่สาวของหลินเว่ยเว่ยเพราะเห็นแก่ที่อีกฝ่ายเคยช่วยบุตรชายของนางไว้ !

สำหรับผักป่าหนึ่งกระบุงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหลินเว่ยเว่ยเลยสักนิด เพราะมันเป็นเรื่องเล็กมาก นางใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็จัดการเสร็จแล้ว อีกอย่างคนในครอบครัวของนางกำลังจะไปเรียนทอผ้ากับย่าหลิว ดังนั้นนางจึงถือว่าผักป่าเหล่านี้เป็นของขวัญสำหรับคำนับอาจารย์

วันถัดมา ย่าหลิวก็ได้รับผักป่าเต็มกระบุงที่หลินเว่ยเว่ยเอามาให้ มันสดมาก ไม่ต้องบอกเลยว่ามันดึงดูดใจเพียงใดเพราะดูเหมือนว่าผักป่าละแวกหมู่บ้านแทบไม่มีเหลือให้เห็นแม้แต่ก้านของมัน ดังนั้นย่าหลิวจึงแทบไม่เคยเห็นผ้าป่าที่สดเช่นนี้มาก่อน

เมื่อได้รับผักป่าจากหลินเว่ยเว่ยแล้ว ย่าหลิวก็รู้สึกเกรงใจมาก ดังนั้นเวลาที่นางสอนบุตรสาวคนโตของตระกูลหลินจึงทั้งเข้มงวดและตั้งใจกว่าครั้งไหน

โชคดีที่บุตรสาวคนโตของตระกูลหลินชื่นชอบการทอผ้า ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานในการจับจุดการทอผ้าจากย่าหลิวได้ นางใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก็สามารถทอผ้าออกมาได้แล้ว…

ภัยแล้งยังคงดำเนินต่อไป แรงงานหนุ่มสาวในหมู่บ้านยังทำงานอย่างขยันขันแข็ง ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงอายุไม่เกินสี่สิบหรือห้าสิบปีและเด็กน้อยที่มีอายุสิบปีขึ้นไปต่างเข้าร่วมทีมหาบน้ำสู้ภัยแล้ง พวกเขาหาบน้ำแล้วเดินไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่บ่อน้ำบนภูเขาตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ในตอนกลางวัน หลินเว่ยเว่ยจะพาหญิงสาวและหญิงวัยกลางคนในหมู่บ้านขึ้นไปเก็บผักป่าบนภูเขา พอช่วงเย็นนางก็จะขึ้นไปตักน้ำบนภูเขาลงมาใส่ถังใหญ่ที่บ้าน ส่วนที่เหลือก็จะนำไปรดน้ำในแปลงพืชพันธุ์ของบ้าน โชคดีที่ช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านเดินผ่านไปมาตรงถนนขึ้นเขา ดังนั้นนางจึงแอบใช้น้ำในมิติน้ำพุวิญญาณมารดน้ำในแปลงของตน ทำให้ข้าวโพดและข้าวสาลีเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้นถูกหลินเว่ยเว่ยเลี้ยงไว้ในถ้ำบนภูเขา ตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันดีขึ้นมากแล้ว รอยแผลที่อยู่บนลำคอของมันดูเหมือนผสานกันแล้วด้วย หากขาหน้าของมันไม่ถูกดามไว้ด้วยท่อนไม้ก็คงไม่มีผู้ใดมองออกว่ามันได้รับบาดเจ็บอยู่

ในวันนี้หลินเว่ยเว่ยหิ้วกระต่ายป่าสองสามตัวมาที่ถ้ำบนภูเขาเช่นเคย ทันใดนั้นนางก็พบว่ามีคนกำลังใช้ท่อนไม้งัดก้อนหินที่นางเอาปิดปากถ้ำไว้

นางจึงรีบเดินปรี่เข้าไปและเมื่อเห็นว่าหินก้อนใหญ่ไม่ได้มีร่องรอยถูกงัดมากนัก นางก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นนางก็แสร้งถามอย่างไม่รู้ว่า พี่ชายทั้งสอง พวกท่านทำ…

ภายในถ้ำนี้มีหมาป่าหลงฝูงอยู่ตัวหนึ่ง นี่เป็นโอกาสดีที่หาได้ยากเชียวนะ ! ตอนนี้หนังหมาป่าผืนหนึ่งก็มีราคาเจ็ดแปดตำลึงแล้ว ในที่สุดข้าสองพี่น้องก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าแล้ว ! ชายร่างกำยำสองคนนี้เป็นพรานล่าสัตว์ที่มาจากหมู่บ้านจงโหลวซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวสิบกว่าลี้เท่านั้น

หลินเว่ยเว่ยรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่มากพอ ไม่เช่นนั้นหมาป่าที่น้องสี่ตั้งชื่อว่า ‘เจ้าเทา’ คงถูกสองพี่น้องคู่นี้ฆ่าตายไปนานแล้ว

หลินเว่ยเว่ยยืนมองอยู่ด้านข้างสักพักก็เห็นว่าพรานป่าสองพี่น้องพยายามงัดทุกวิธีออกมา แต่ไม่สามารถย้ายหินก้อนใหญ่ออกไปได้ นางจึงกล่าวขึ้นว่า พี่ชายทั้งสอง หินมีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ อีกทั้งปากทางเข้าถ้ำก็แคบเหลือเกิน อย่าว่าแต่หมาป่าสักตัวเลย ต่อให้เป็นกระต่ายก็คงเข้าไปไม่ได้ ดังนั้นเจ้าหมาป่าที่ท่านบอกว่ามันอยู่ด้านในจะเข้าไปได้เช่นไร ?

พรานป่าทั้งสองได้ยินคำกล่าวของนางก็ตบหน้าผากตนเองและหนึ่งในพวกเขากล่าวขึ้นว่า จริงด้วย ! ภายในถ้ำต้องมีทางออกอื่นแน่นอน ไม่แน่ว่าตอนนี้เจ้าหมาป่าตัวนั้นอาจหนีไปไหนแล้วก็ได้ ! ท่านพี่ พวกเราลองไปหาดูที่อื่นดีหรือไม่ !

พรานป่าที่มีอายุมากกว่าพยักหน้า จากนั้นก็เหลือบไปเห็นกระต่ายที่อยู่ในมือของหลินเว่ยเว่ยจึงถามว่า น้องชาย ฝีมือล่าสัตว์ของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ! อาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่นาน เจ้ากลับล่ากระต่ายมาได้มากมายเพียงนี้แล้ว ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าไปล่าพวกมันมาจากที่ใด ?

ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยคุ้นเคยกับพื้นที่ป่ารอบบริเวณนี้เป็นอย่างดี ต่อให้นางปิดตาก็สามารถจำทางได้และรู้ว่าตรงไหนมีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นนางจึงชี้ไปยังบริเวณป่าที่มีฝูงกระต่ายอาศัยอยู่ให้พรานทั้งสอง

รอจนกระทั่งพรานป่าทั้งสองเดินไปไกลแล้วนางจึงเข้าไปย้ายก้อนหินที่ปิดปากถ้ำเอาไว้แล้วตะโกนเข้าไปด้านในว่า พวกเขาไปแล้ว ออกมาเถิด !

หมาป่าเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผยราวกับเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงก็มิปาน มันค่อย ๆ ย่างเท้าเดินออกมาจากในถ้ำ นัยน์ตาสีเหลืองอำพันสะท้อนแสงตะวันออกมา หมาป่ามองไปยังหลินเว่ยเว่ยด้วยแววตาอ่อนโยน มันเดินไปที่พุ่มไม้ละแวกใกล้ ๆ เพื่อปลดทุกข์เช่นเคย จากนั้นก็กลับมาจัดการกับกระต่ายที่หลินเว่ยเว่ยเอามาให้กิน

เจ้าเทา ข้าคิดว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าแล้ว เช่นนั้น…ให้ข้าพาเจ้าไปอยู่ที่อื่นดีหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยคุ้นชินกับหมาป่าตัวนี้แล้ว นางลูบขนเงาบนแผ่นหลังของมัน ในขณะที่มันกำลังกินอาหารและหมาป่าก็มิได้มีท่าทีก้าวร้าวต่อนางเหมือนในอดีต

หมาป่ากินกระต่ายไปหนึ่งตัวแล้วก็หันมองไปทางป่าลึกจากนั้นก็หันมาสบตากับหลินเว่ยเว่ย

เมื่อนางเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวโน้มน้าวมันว่า ไม่ได้ ขาของเจ้ายังไม่หายดี เจ้าจะกลับเข้าป่าตอนนี้ไม่ได้ เช่นนั้น…ให้ข้าพาเจ้าไปสถานที่ดี ๆ สักแห่งหรือไม่ ?

ในป่าใหญ่นอกจากมีสัตว์นักล่าและศัตรูธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีพรานป่าที่คอยจ้องล่าพวกมันอยู่ หลินเว่ยเว่ยคิดว่าที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยเท่า…มิติน้ำพุวิญญาณของนาง

หมาป่าไม่มีท่าทีคัดค้านนางแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นมันก็รู้สึกตาลายไปชั่วขณะและทิวทัศน์เบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตรงหน้ามันมีน้ำพุใสสะอาด ในขณะที่ด้านซ้ายเป็นทุ่งข้าวสาลีและทุ่งข้าวโพดที่ดูมีชีวิตชีวา ทางขวามือเป็นทุ่งหญ้าที่ดูคล้ายพรมสีเขียว มีเก้งกำลังนอนอยู่ตรงนั้นประมาณสองสามตัวรวมถึงลูกกวางที่วิ่งกระโดดโลดเต้นอยู่บนผืนหญ้า ส่วนแม่กระต่ายก็กำลังพาลูก ๆ ของมันไปหาอาหารในทุ่งหญ้าเช่นกัน

สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้หมาป่าเกร็งกล้ามเนื้อไปทั้งลำตัว มันสอดส่องไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเห็นมนุษย์ที่เคยช่วยชีวิตมันปรากฏตัวขึ้นด้านข้าง มันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ตอนต่อไป