บทที่ 103 มีมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหา

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 103 มีมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหา

บทที่ 103 มีมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหา

พวกเขาทั้งสองต้องการจะยืมตัวนางพญาผึ้งมาเล่น แต่หนานกงหลีกลับยกพัดมาเคาะหัวพวกเขาคนละที

“พวกเจ้าเองก็อยากลองเปลี่ยนมือตัวเองให้เป็นขาหมูอย่างนั้นหรือ”

หนานกงเหิง “จะเป็นไปได้อย่างไร ญาติผู้น้องอยู่ทั้งคน!”

หนานกงเหยี่ยน “ใช่แล้ว!”

หนานกงหลี “ไสหัวไป”

หลังจากนั้นผู้เป็นบิดาก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ผลักบุตรชายทั้งสองตนเองออกไปให้พ้นทาง เขายิ้มร่าแล้วอุ้มเจ้าก้อนแป้งขึ้นมาบู้บี้แก้มนุ่มนิ่ม

“ไปเถิด พวกเราไปล่องเรือท่องทะเลสาบกัน!”

เสี่ยวเป่ายกมือเล็ก ๆ ขึ้นเช็ดหน้าตัวเองเล็กน้อย “ตกลง!”

การล่องเรือท่องทะเลสาบย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดไปได้ หนานกงหลีเร่งให้บุตรชายทั้งสองไปเช่าเรือ แม้เรือที่ได้มาจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็นับได้ว่าเป็นเรือที่งดงามและประณีตเป็นอย่างมาก

พวกเขาไม่มีทางเลือกมาก หากเรือใหญ่เกินไปแล้วเสี่ยวเป่าเก็บดอกบัวไม่ได้จะทำเช่นไร

ทะเลสาบชุนถิงกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไม่อาจมองเห็นสุดขอบได้ ทั้งสองฝั่งปลูกต้นหลิวเอาไว้เป็นจำนวนมาก

ประหนึ่งเกศางดงามสะท้อนเป็นสีเขียวบนผืนน้ำ กลุ่มนกยวนยางกำลังเล่นน้ำ แต่เมื่อมีคนเข้าใกล้พวกมันก็จะตกใจบินหนีไป

น้ำใสมากจนสามารถมองเห็นก้นทะเลสาบ และเฝ้าชมเหล่าปลาแหวกว่ายได้อย่างชัดเจน ความใสสะอาดที่ในชาติภพก่อนเสี่ยวเป่าสามารถหาพบได้เพียงในป่าเขาลึกเท่านั้น

ทันทีที่ขึ้นเรือ เด็กเล็กก็นั่งหมอบลงตรงขอบเรือ ยืนแขนน้อยออกมาด้วยต้องการจะลองเล่นน้ำ

แต่ก่อนที่มือจะทันได้สัมผัสกับน้ำ หนานกงหลีก็คว้านางขึ้นมา

“ระวังตกลงไป”

เสี่ยวเป่าบ่นงึมงัมว่าไม่ตกหรอก นางเพียงแค่ต้องการใช้มือวักน้ำในทะเลสาบ ทั้งยังอยากจะเอาเท้าจุ่มน้ำเล่นอีกด้วย

นอกจากจะไม่ได้เล่นน้ำแล้ว ยังถูกจับออกจากขอบเรืออีก

“ไปตรงกลางสักแห่งที่สามารถนั่งตกปลาได้เถิด ปลาในทะเลสาบแห่งนี้ล้วนอ้วนท้วมสมบูรณ์ อีกทั้งกุ้งกับปู่ก็อร่อยเป็นอย่างยิ่ง”

เสี่ยวเป่าได้ยินที่ท่านอาเจ็ดพูดแล้วก็แทบอดใจทนรอไม่ไหว

“แต่จะสามารถจับปลามาได้หรือไม่นั้นต้องดูโชคของเจ้าแล้ว”

หนานกงเหิง “ญาติผู้น้องย่อมต้องโชคดีที่สุดอยู่แล้ว”

นี่ไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลยแม้แต่น้อย ครั้งล่าสุดที่ไปตกปลาในนาหลวง เพียงแค่นางคนเดียวก็ได้มามากกว่าพี่ชายทั้งหมดรวมกันแล้ว!

ด้านในเรือมีทั้งขนมอบและของว่างเตรียมเอาไว้ พวกเขาต่างกินไปสนทนาเรื่องต่าง ๆ ไปอย่างเพลิดเพลิน

แม้หนานกงหลีจะเป็นอ๋องไม่เอาไหน แต่อย่างไรเสียเขาก็ผ่านเรื่องราวมามากสุดในที่แห่งนี้ จึงล่วงรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

บางครั้งก็มีคดีแปลกประหลาดเกิดขึ้น บางครั้งก็มีเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินมาจากเหล่าเพื่อนดื่มกิน

เช่นเรื่องราวสถานที่อันมีผีสิง หรือตระกูลไหนทำเรื่องป่าเถื่อนไร้มโนธรรม

ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องซุบซิบ

คนบนเรือนั่งฟังอย่างมีอรรถรส

“เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าเองก็ได้ยินเรื่องที่น่าสนใจมาเช่นกัน”

หนานกงเหิงเอ่ยพร้อมกับมองไปทางหนานกงฉีซิว “เกี่ยวข้องกับญาติผู้พี่”

เสี่ยวเป่านั่งตัวตรงขึ้นทันทีพร้อมกับดวงตาที่วาววับ

“อันใดกัน อันใดกัน ท่านพี่เหิงรีบเอ่ยมาเร็วเข้า”

หนานกงเหิงกระแอมออกมา “ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด บุตรีของรองเสนาบดีกรมคลังไม่รู้ว่าไปเห็นญาติผู้พี่มาจากที่ใด ข้าได้ยินมาว่านางกลับไปก็ไม่อาจลืมได้ลง ทำทุกอย่างเพื่อติดต่อหาข่าวคราวเกี่ยวกับญาติผู้พี่ หลังจากนั้นก็ไปขอร้องบิดามารดาตนเองว่าอยากแต่งงานกับท่าน ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องราววุ่นวายใหญ่โต เหล่าสมาชิกในตระกูลจึงค่อนข้างลังเล

สามวันก่อน ฮูหยินหวังจัดงานเลี้ยงที่สวนดอกไม้ มีสตรีสูงศักดิ์จำนวนมากไปเข้าร่วม จากนั้นบุตรีของหวังอันโหวที่ไม่รู้ไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ใดก็เริ่มเอ่ยเยาะเย้ยถากถางทันทีที่ได้พบหน้า สุดท้ายสตรีทั้งสองก็ลงมือตบตีกัน”

หนานกงฉีซิวหันไปมองทางหนานกงเหิงด้วยแววตาว่างเปล่า จากนั้นก็คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้

“ไม่แปลกใจเลยที่สองวันก่อน ท่านพ่อมอบหนังสือแปลก ๆ เหล่านั้นให้กับข้า”

เนื้อความบนหนังสือเหล่านั้นล้วนเป็นการเร่งรัดให้เขาแต่งงาน!

หนานกงหลีกางพัดออก มุมปากยกยิ้มขึ้นมา

“ข้าเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ทว่ามีส่วนที่พวกเจ้าไม่รู้อยู่ด้วย วันนั้นเหล่าขุนนางถึงกับประชันกันยกใหญ่ในช่วงว่าราชการเชียวล่ะ”

ทุกสายตาจับจ้องมาทางเขาทันที

หนานกงหลีกล่าวต่อด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “เมื่อสองวันก่อนข้าดูเพลินเสียจนลืมนอนเสียด้วยซ้ำ!”

ทุกคน “…”

ท่านภูมิใจสิ่งใดกัน!

“พวกตาเฒ่านั่นคิดว่าองค์ชายใหญ่ทรงเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว แต่กลับไม่ยอมแต่งงานเสียที ซ้ำยังออกไปล่อภูมรเรียกผีเสื้อทั้งวัน ทำให้บุตรีของพวกเขาเกิดเรื่องลงมือขายหน้ากันใหญ่โต ตอนนี้หวังให้องค์ชายใหญ่ได้อภิเษกสมรสโดยไว เพื่อให้พวกเขาสามารถวางใจเรื่องหลังบ้านได้มากกว่านี้”

ขณะพูดหนานกงหลีก็ใช้นัยน์ตาดอกท้อมองหลานชายคนโต อีกฝ่ายหล่อเหลาปานฟ้าประทาน บุคลิกเองก็อ่อนโยน นี่มันตรงกับความชอบของเหล่าสาวน้อยในเมืองหลวงที่สุดเลยไม่ใช่หรือ

ชายหนุ่มหูเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการถูกหยอกล้อ ภาพนั้นงดงามสูงส่งดังเทพเซียนที่ถูกลงโทษให้จุติมายังโลกมนุษย์ ทว่า…

เขาก้มลงมองขาทั้งสองข้างของตนเองด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าดึงดูดสตรีเหล่านั้นไม่ได้จริง ๆ หรอก”

หนานกงหลีส่งเสียงจุ๊ ๆ ออกมา “พูดเช่นนั้นไม่ได้ คิดในแง่ดีเข้าไว้ เจ้าในตอนนี้ยังสามารถดึงดูดให้สตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นลงมือตบตีแย่งชิงได้ หากขาทั้งสองของเจ้าหายดี ฉากเหล่านั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ต้องคิดเสียด้วยซ้ำ”

พี่น้องฝาแฝดต่างพยักหน้าเห็นด้วย

หนานกงฉีซิวกำลังอ้าปากจะเอ่ยว่าขาของตนไม่มีทางหายดีแล้ว แต่เสี่ยวเป่าโน้มตัวมาหาเขา จากนั้นก็วางมือเล็ก ๆ ไว้บนเข่าพี่ชายด้วยสีหน้าจริงจัง

“ขาของพี่ใหญ่จะต้องหายดีแน่นอน!”

ขณะที่พูดนางก็ส่งพลังวิญญาณผ่านฝ่ามือเข้าไปยังขาทั้งสองข้างของพี่ใหญ่อย่างเงียบงัน

ทำเช่นนี้ไปราวสิบกว่าอึดใจก่อนปล่อยมือ

นางมักจะส่งพลังวิญญาณเข้าไปยังขาทั้งสองข้างของพี่ใหญ่ในทุกครั้งที่ได้พบหน้ากัน วันข้างหน้าขาของพี่ใหญ่จะต้องค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอน!

หนานกงฉีซิวบีบจมูกของเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม ทว่าไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา

เพราะว่าเขาไม่มีความมั่นใจในตัวเอง

บนเรือที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างงดงาม มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ตรงท้ายเรือ ทุกคนเริ่มตกปลาด้วยเบ็ดที่อยู่ในมือ

เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนขอบเรือ พยายามจะยื่นเท้าน้อย ๆ ลงไปในน้ำหลายครั้ง

แต่ทุกครั้งไม่ถูกอาเจ็ดก็ต้องเป็นเหล่าพี่ชายจับเอาไว้ก่อน

เสี่ยวเป่าปากยื่นส่งเสียงฮึดฮัด แล้วตอนนั้นเอง เบ็ดในมือของนางก็มีการเคลื่อนไหว ทำให้ใบหน้าของเด็กน้อยกลายเป็นแย้มยิ้มสดใสราวกับดวงตะวันขึ้นมาแทน

“ท่านพี่มีปลามาติดแล้ว!”

หนานกงเหยี่ยนที่อยู่ด้านข้างรีบรับคันเบ็ดในมือของนางมา จากนั้นก็ดึงขึ้น

มีปลาไนตัวอ้วนพีถูกตกขึ้นมาจริง ๆ

ทว่า…

“สิ่งใดติดอยู่ที่หางของมันกัน?”

เขาชี้ไปยังเจ้าสิ่งที่แดงคล้ายกับกุ้ง

“เหตุใดต้องเป็นเจ้านี่ด้วย?!”

หนานกงหลีแสดงสีหน้ารังเกียจ “ข้ารู้จักสิ่งนี้ มันคือกุ้งก้ามแดง ได้ยินมาว่ามีชาวต่างชาติจากโพ้นทะเลนำเข้ามาหมายจะขาย แต่ไม่มีผู้ใดเคยพบหรือกินสิ่งนี้มาก่อน ซ้ำแล้วกลิ่นคาวเป็นอย่างมาก ดูไม่เห็นจะมีเนื้อแต่อย่างใด เช่นนั้นแล้วผู้ใดเขาจะซื้อกัน?

เมื่อเห็นว่าขายกุ้งก้ามแดงเหล่านี้ไม่ได้ พวกเขาจึงโยนมันลงในทะเลสาบ เดิมทีทุกคนก็ไม่ได้สนใจอันใดนัก ทว่าเพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนสั้น ๆ กุ้งก้ามแดงเหล่านี้ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องกล่าวเลยว่าตอนนี้มีจำนวนมากเท่าใด

ไม่ว่าจะนำเนื้อของมันไปผัด ต้ม หรือนึ่งล้วนไม่อร่อย กินมากไปก็ปวดศีรษะ หลังจากนั้นพวกมันก็ถูกคนนำไปสับให้เหล่าปศุสัตว์กินแทน ทำให้พอที่จะควบคุมจำนวนกุ้งก้ามเเดงไม่ให้มีมากเกินไป จนกลายเป็นปัญหาได้อยู่บ้าง

ทว่าดูจากตอนนี้เเล้ว พวกมันก็ยังมีอยู่จำนวนมากอยู่ดี”

พูดแล้วเขาก็มองลงไปในทะเลสาบ ก่อนจะเห็นพวกมันจำนวนไม่น้อยในทันที