ตอนที่ 39

My Disciples Are All Villains

นี่เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมาก

แม้ว่าชาวยุทธ์นั้นจะมีอายุที่ยืนยาวมากกว่าคนทั่วๆ ไป แต่อายุที่เพิ่มมากขึ้นก็ทำให้วรยุทธ์ที่พวกเขามีลดลงตามไปด้วย ระดับของวรยุทธ์จะลดลงไปเรื่อยๆ ก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะเสียชีวิตไปในที่สุด

การฝึกวรยุทธ์นั้นจะเริ่มมาจากขั้นผ่อนคลายร่างกาย โดยในการฝึกวรยุทธ์ที่ขั้นแรกส่วนที่จะเป็นกุญแจสำคัญมากที่สุดก็คือส่วนของร่างกายผู้ฝึก ส่วนขั้นต่อมาอย่างขั้นรู้แจ้งเห็นจริง, ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ และขั้นมหาราชครู ทุกๆ ขั้นล้วนแต่ฝึกฝนอวัยวะที่มีที่เกี่ยวกับร่างกายด้วยกันทั้งหมด

เมื่อร่างกายของผู้ฝึกวรยุทธ์มีอายุมากขึ้น, เส้นพลังลมปราณ, จุดตันเถียน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็จะสูญเสียพลังรวมไปถึงศักยภาพในการพัฒนาตัวเองไป และเพราะร่างกายที่ไม่แข็งแรงเองทำให้พลังวรยุทธ์ที่มีก็ได้ลดน้อยลงไปด้วย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผู้ฝึกยุทธ์ก็ยังสามารถใช้ประสบการณ์ที่เคยมีมา, ประสบการณ์ในการต่อสู้ หรือแม้แต่แผนการเพื่อชดเชยความแข็งแกร่งที่ขาดหายไปได้

ในตอนนี้จีเทียนเด๋าได้พบกับปัญหานี่นั่นเอง ตัวเขามีอายุที่มากจนเกินไป แต่ทำไมกัน ทำไมเขาคนนี้ถึงได้แข็งแกร่งมากขึ้น?

ยี่เทียนซินไม่สามารถหาเหตุผลที่จะมาใช้อ้างอิงเรื่องความแข็งแกร่งของอาจารย์เธอได้เลย ไม่ว่าจะใช้สมองหนักสักแค่ไหน ตัวเธอก็คงคิดไม่ออกอยู่ดี

“ทำไมกัน? ” ยี่เทียนซินได้เงยหน้าขึ้นเพื่อจับจ้องไปที่ลู่โจวอย่างแน่วแน่ ในตอนนั้นเองเธอก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “ข้ายอมรับว่าข้าคิดผิดไป แต่…ทำไมกัน ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงจับตัวข้าไปด้วย! “

ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็บินผ่านภูเขา, แม่น้ำ และป่าไม้มากมายหลายแห่งไป…

“เจ้าพูดพอแล้วรึยัง? “

“ฮะ? “

ลู่โจวได้ดึงพลังคุ้มกันส่วนหนึ่งมาไว้ที่ตรงหน้าของเขา

พรึ๊บ!

สายลมได้พัดผ่านไปที่ใบหน้าของยี่เทียนซินอย่างรุนแรง เธอในตอนนี้ไม่สามารถที่จะลืมตาได้อีกต่อไป แรงลมที่ตีกลับมาเป็นเหมือนกับใบมีดอันแหลมคม แรงลมเหล่านั้นได้ปะทะเข้ากับผิวของเธอจนทำให้ยี่เทียนซินนั้นรู้สึกถึงความเจ็บปวด

ในตอนนั้นเอง ณ มุมของป่าแห่งหนึ่ง…

ศิษย์คนที่แปดของลู่โจวอย่างซู่ฮ่องกงกำลังทรุดตัวอยู่ตรงพื้น เขาคนนี้กำลังปาดเหงื่อออกจากใบหน้าของตัวเอง ในตอนนั้นมีชายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าซู่ฮ่องกง เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีดวงตาอันแหลมคมและยังถือพัดที่ทำมาจากขนนกเอาไว้ในมือ

“ยังดีที่ศิษย์พี่ยังมาได้ทันเวลาศิษย์พี่เจ็ด ถ้าหากช้ากว่านี้แล้วละก็…ข้าจะต้องกลายเป็นอาหารสัตว์ไปแล้วแน่” ศิษย์คนที่แปดพูดความกลัวในใจออกมา

ชายรูปร่างหล่อเหลาคนนี้ช่างดูสง่างาม เขาเป็นลูกศิษย์ของที่เจ็ดของจีเทียนเด๋านามว่าสีวู่หยา

“ศิษย์น้องแปด เจ้าน่ะเชื่อฟังคำแนะนำของข้ามาโดยตลอด ทำไมจู่ๆ ถึงกับไปร่วมมือกับศิษย์พี่หกแทนล่ะ? ” สีวู่หยาได้ถามออกมาในระหว่างที่ส่ายหัวไปด้วย

ซู่ฮ่องกงที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าน่ะฝันร้ายมาโดยตลอดเกี่ยวกับท่านอาจารย์ ข้าในตอนนั้นก็เลยรู้สึกกลัวขึ้นมา…”

“ทำไมเจ้าถึงได้ขี้ขลาดซะจริง? “

“เอาแบบนี้ไหมล่ะศิษย์พี่…รวมหุบเขาพยัคฆ์ของข้าให้เข้ากับสมาคมมังกรแห่งความมืดดูเป็นไง? ” ศิษย์คนที่แปดได้เสนอความคิดออกมาก่อนที่จะตบต้นขาของตัวเอง

สีวู่หยาไม่ได้มองไปที่ศิษย์คนที่แปด ในตอนนั้นเขากำลังโบกสะบัดพัดขนนกที่มีอยู่ในมือก่อนที่จะพูดออกมา “ฝันไปเถอะ! เจ้าน่ะเก็บสมาคมชนกลุ่มน้อยของเจ้าไว้เองจะดีกว่า”

“ทำไมกัน? ศิษย์พี่ก็เห็นพลังร่างอวตารของท่านอาจารย์แล้วไม่ใช่หรอ ศิษย์พี่หกจะต้องขายตัวข้าออกไปแน่ และชีวิตของข้าก็ต้องจบลง! ” ซู่ฮ่องกงพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“ยี่เทียนซินเธอคิดว่าเธอค้นพบไพ่ตายของท่านอาจารย์ได้ เธอก็เลยพาเหล่าชาวยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ไปกับเธอเพื่อที่จะโค่นล้มท่านอาจารย์ นั่นมันเป็นฝันลมๆ แร้งๆ ถ้าหากท่านอาจารย์อ่อนแอจริง คงไม่ใช่มีแต่เธอหรอกที่หันมาทำร้ายท่านอาจารย์น่ะ”

ยี่เทียนซินไม่ใช่คนเพียงคนเดียวในโลกที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของภูเขาทองอยู่

“ศิษย์พี่เจ็ด ศิษย์พี่ได้เห็นไหมว่าท่านอาจารย์ใช้กระบวนท่าไปกี่ครั้งกันเพื่อสังหารเหล่าชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์น่ะ? ” ซู่ฮ่องกงได้ถามออกมาก่อนที่จะกลืนน้ำลายอย่างสงสัย

“ข้าไม่รู้หรอก”

“ทำไมกัน? ศิษย์พี่น่ะชาญฉลาดจะตายไป! “

“หยุดเถอะ เจ้าน่ะยังเรียกตัวเองว่าเป็นราชาปีศาจได้เลย แล้วสุดท้ายเจ้าก็ไม่รู้เหมือนกับข้า ถูกไหม? “

ถ้าหากจะให้พูดความจริง ในโลกใบนี้คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พลังร่างอวตารที่มีกลีบดอกบัวทั้งเก้าดอกได้

“ข้าก็แค่อยากที่จะให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกเกรงกลัวในฉายาก็เท่านั้นเอง ข้าไม่กล้าโอ้อวดฉายานั้นต่อหน้าเหล่าศิษย์พี่หรอก” ซู่ฮ่องกงได้พูดขึ้น

สีวู่หยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ตัวเขาเริ่มที่จะรู้สึกพลาดเล็กน้อย ตัวเขาไม่น่าที่จะชักชวนซู่ฮ่องกงออกมาจากภูเขาทองเลย ศิษย์น้องคนนี้เป็นคนที่เบาปัญญาจนเกินไป

แต่ในตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะให้ย้อนกลับไปเสียดาย “จากนี้ไปข้าจะตัดสัมพันธ์กับวังจันทรา”

“ฮะ? ทำไมกันล่ะ? “

“ยี่เทียนซินเป็นผู้ที่นำชาวออร์โธดอกซ์มาบุกโจมตีท่านอาจารย์ แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างล้มเหลวไปอย่างน่าสมเพช ในตอนที่บุกโจมตีเธอไม่แม้แต่จะพาคนจากวังจันทรามาเลย ดูเหมือนว่าพลังจากวังจันทราก็คงจะไม่เท่าไหร่หรอก”

ซู่ฮ่องกงได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วล่ะ”

สีวู่หยาได้ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อไป “ในตอนที่ท่านอาจารย์ได้ไล่ตามศิษย์พี่หกไป ตอนนั้นข้าก็ได้ตรวจสอบม่านพลังที่ศิษย์พี่หกได้วางเอาไว้ดู ดูเหมือนว่าข้าจะพบสิ่งผิดปกติในรูปแบบของม่านพลังนั้น”

“เจออะไรที่ผิดปกติอย่างงั้นหรอ? “

“ถ้าหากว่าข้าเดาไม่ผิด ศิษย์พี่จ้าวยู่คงจะต้องอยู่ด้วยแน่” วีวู่หยาได้พูดออกมา

“ศิษย์พี่จ้าวยู่อยู่ที่นั่นด้วยอย่างงั้นหรอ? “

สีวู่หยาได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “ในตอนที่เธอได้ออกมาจากภูเขาทองมา ข้าก็รู้ข่าวเรื่องนี้เข้า ศิษย์พี่จ้าวยู่ได้ไปที่วังจันทรา ศิษย์พี่ห้าจะต้องร่วมมือกับศิษย์พี่หกอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าคนที่คอยควบคุมม่านพลังอันนั้นจะเป็นศิษย์พี่ห้าจ้าวยู่ เธอคนนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหน้าที่นี่แล้ว…”

ซู่ฮ่องกงที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตื่นตกใจไป

“นอกจากนี้ฝางซงเองที่เป็นหนึ่งในผู้ทรยศที่เข้าร่วมกับการต่อสู้นี้ ตัวเขาถูกศิษย์พี่หลอกใช้ให้เป็นเหยื่อล้อศิษย์น้องเล็กไป การกระทำของเขาจะต้องทำให้สำนักแห่งความบริสุทธิ์ที่ตัวเขาสังกัดอยู่ไม่พอใจอย่างแน่นอน”

“แล้วหวังฟูกุ่ยล่ะ เจ้านั่นเป็นยังไงบ้าง? ” ซู่ฮ่องกงได้ถามขึ้น

สีวู่หยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นก่อนที่จะตอบกลับไป “นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดของศิษย์พี่หกยังไงล่ะ หวังฟูกุ่ยน่ะมีชื่อที่แท้จริงว่าเฉินหยวน เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของพระมเหสีของท่านจักรพรรดิ พระมเหสีคนนั้นยังเป็นน้องสาวของเจ้าหญิงจากดินแดนทางตะวันตก เธอได้มาจากดินแดนแห่งนั้นเพื่อที่จะอภิเษกสมรสกับท่านจักรพรรดิยังไงล่ะ! “

“นี่มัน…” ซู่ฮ่องกงกำลังนึกถึงสิ่งที่ศิษย์พี่เจ็ดของเขาพูดขึ้น เจ้าหญิงแห่งดินแดนตะวันตกได้ถูกศิษย์พี่รองของพวกเขาสังหารไป การสังหารในครั้งนั้นทุกคนในโลกล้วนแต่โทษว่าเป็นความผิดของท่านอาจารย์จีเทียนเด๋าของพวกเขา

“ในตอนนั้นสิ่งที่ท่านอาจารย์ทำทำให้ท่านจักรพรรดิรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ข้อพิพาทกันของทั้งสองฝ่ายเกินลยจนทำให้เกิดสงครามขึ้น ประชาชนตาดำๆ จะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงเพาะความไม่พอใจจากคนไม่กี่คนเพียงเท่านั้น” สีวู่หยาได้พูดเสริมขึ้น

“และยิ่งไปกว่านั้นเหล่าชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 15 คนต่างก็มาจากสำนักที่แตกต่างกัน พวกเขามาจากสำนักทางตอนใต้ หลายปีก่อนทั้งสามสำนักนั้นได้ตกต่ำไปเป็นอย่างมากจนถูกทำลายไปเพราะอาวุธล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์ของท่านอาจารย์นั่นเอง และเพราะแบบนั้นพวกนั้นทั้งหมดจึงคิดแค้นท่านอาจารย์เป็นศัตรู เจ้าน่ะคิดว่าทั้งสามสำนักจะทำอะไรต่อล่ะ? “

“ทั้งหมดนี้เป็น แผนของศิษย์พี่หกอย่างงั้นสินะ? ” ซู่ฮ่องกงพบว่ามันยากมากที่จะเชื่อว่าการรวมตัวของผู้คนทั้งหมดนั้นล้วนส่วนหนึ่งในแผนของศิษย์พี่หก ยี่เทียนซิน

สีวู่หยาได้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาในตอนนั้นยิ้มแย้มออกมาก่อนที่จะพูดต่อไป “น่าเสียดายแม้ว่าแผนการในครั้งนี้มันจะถูกออกแบบมาดีซักแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอำนาจที่แท้จริงแล้ว ยี่เทียนซินก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะท่านอาจารย์ได้ เธอคงจะไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะใช้จิตวิญญาณตามล่าอย่างต่อเนื่องได้แบบนี้ ว่ากันว่ารถม้าบินได้สีแดงเข้มของเธอนั้นรวดเร็วกว่าผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ซะอีก แต่ก็นั่นแหละบางทีเรื่องที่ลืออาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้”

การที่ลู่โจวเลือกใช้จิตวิญญาณตามล่าทำให้การรับรู้ของพวกลูกศิษย์ไม่สามารถตามความเร็วได้ทัน สิ่งนี้ทำให้เหล่าสาวกวายร้ายทั้งหมดสับสนมาก แม้แต่ยี่เทียนซินที่วางแผนมาดีแล้วก็ไม่อาจที่จะชนะความเร็วนี้ได้อยู่ดี

จู่ๆ ในตอนนั้นเองศิษย์คนที่แปดอย่างซู่ฮ่องกงก็ได้พูดออกมา “ไม่ ข้าไม่อยากที่จะกลายเป็นหัวหน้าสำนักอีกต่อไปแล้ว ข้าอยากที่จะกลับบ้านเกิด! ข้าไม่ใช่คนที่มีความสามารถเหมือนกับพวกศิษย์พี่ สำหรับคนอย่างข้าแล้วการซ่อนตัวก็คงจะเป็นความเลือกที่ดีที่สุดแล้ว! “

“…”

เมื่อลู่โจวกลับมาถึงหุบเขาตะวันฟ้าตัวเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิซซาร์ด ทันทีที่ลู่โจวกลับมาถึงตัวเขาก็เห็นหยวนเอ๋อตัวน้อยรออยู่บนหลังของวิซซาร์ดอยู่ก่อนแล้ว

“ท่านอาจารย์! ” หยวนเอ๋อได้ตะโกนออกมาทันที เธอตกใจมากที่เห็นท่านอาจารย์มากับศิษย์พี่ของเธออย่างยี่เทียนซินด้วย “นั่นศิษย์พี่? ไม่! เจ้าน่ะไม่ใช่ศิษย์พี่ของข้าอีกต่อไป เจ้าน่ะเป็นแค่คนทรยศ…”

ยี่เทียนซินลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ในตอนนี้แม้แต่การลืมตาก็ยากสำหรับยี่เทียนซินแล้ว เธอในตอนนี้ได้ถูกทำลายจุดพลังลมปราณตันเถียนไปเป็นที่เรียบร้อย ยี่เทียนซินในตอนนี้ดูอิจโรยราวกับว่าจิตวิญญาณทั้งหมดที่เธอเคยมีนั้นได้หายสาบสูยไป

“จับตาดูเธอไว้! ” ลู่โจวได้ส่งยี่เทียนซินให้กับหยวนเอ๋อไป

“เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์! “

เวลาทั้งหมดได้ถูกกะเอาไว้อย่างพอดี ทันทีที่ลู่โจวเดินทางมาถึงพลังร่างสุดยอดของตัวเขาก็ได้หายไป

ลู่โจวในตอนนี้ดูสงบลง พลังที่เคยเปล่งออกมาจากรอบตัวของเขาได้หายไปอย่างรวดเร็ว ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นได้พูดเยาะเย้ยออกมา “ข้าไม่คิดเลยว่าตาแก่มหาวายร้ายอย่างเจ้าจะมีช่วงเวลาที่น่าสมเพชแบบนี้ได้”

หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดปกป้องผู้เป็นอาจารย์ของเธอ “เจ้าน่ะไม่รู้อะไรซะหรอก! ท่านอาจารย์น่ะอายุมากแล้ว เจ้าน่ะจะไม่ให้ท่านอาจารย์ได้หยุดพักหายใจหายคอเลยอย่างงั้นหรอ? ” ในเวลาต่อมาเธอก็ได้ตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรจะพูดแบบนั้นออกไป หยวนเอ๋อที่รู้สึกผิดได้หันกลับมาหาลู่โจว “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะหมายความว่าแบบนั้น…”

ลู่โจวได้โบกมือก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสาหรอก”

ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะออกมา “ถ้าหากข้าเป็นท่าน ข้าจะรีบกลับไปที่ภูเขาทองซะตั้งแต่ตอนนี้ ตาแก่ท่านน่ะไม่กล้าบอกใครสินะว่าภูเขาทองในตอนนี้กำลังถูกโจมตีอยู่? ฮาฮ่า! น่าเสียดายจริงๆ ภูเขาทองจะต้องหายไปในวันนี้! “

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

“อย่ามาพูดจาไร้สาระนะ! ” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างมีน้ำโห

“ท่านน่ะได้สังหารหวังฟูกุ่ยไป เขาคนนั้นน่ะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระมเหสี ส่วนชาวยุทธ์อีกทั้งสิบห้าคนที่ท่านได้สังหารไปก็ล้วนแต่มาจากสามสำนักใหญ่จากดินแดนทางตอนใต้ ท่านอาจารย์ ท่านน่ะรู้สึกเสียใจแล้วรึยัง? อย่าลืมซะละว่าข้ายังมีสาวกกว่าอีกพันคนที่อยู่ในวังจันทรา ถ้าหากข้าไม่ได้กลับไปเจ้าพวกนั้นจะต้องผนึกกำลังร่วมกับกำลังพลของทางการเพื่อโจมตีภูเขาทองอย่างแน่นอน! “

ยี่เทียนซินรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ได้บอกทุกอย่างกับลู่โจวไป

ในตอนนั้นเองยี่เทียนซินก็ได้พูดต่อไป แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะแผ่วเบามากแต่ถึงแบบนั้นแววตาของเธอก็ยังดูแข็งกร้าวราวกับผู้ที่ไม่รู้จักยอมแพ้ “ถ้าท่านไม่ปล่อยข้าไป ท่านจะต้องเสียใจแน่! “