ตอนที่ 40

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 40 พวกเจ้ากล้าดียังไงกัน!

หยวนเอ๋อตัวน้อยได้กระโดดลงมาจากหลังของวิซซาร์ดก่อนที่จะเดินมาตรงหน้าของยี่เทียนซิน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พบรุ่นพี่มาเป็นเวลานานแต่เธอก็สามารถรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของศิษย์พี่คนนี้ได้ดี “วรยุทธ์ของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน? “

“ถูกทำลายไปแล้ว” ยี่เทียนซินได้พูดออกมาอย่างอนาถใจ

“ถูกทำลายอย่างงั้นหรอ? แล้วทำไมเจ้าถึงยังเกรี้ยวกราดแบบนี้ได้ล่ะ? “

“ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นเพราะฝีมือของท่านอาจารย์ที่เธอเคารพรักยังไงล่ะ ฟังข้าซะ ถ้าหากเขายังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วตัวเขาจะต้องผลักพวกเจ้าทั้งหมดไปเจอกับขุมนรกในภายภาคหน้าแน่ ในตอนนี้ท่านอาจารย์น่ะก็แก่มากแล้ว ท่านอาจารย์จะอยู่ปกป้องเจ้าได้อีกนานซักแค่ไหนกัน? ” ยี่เทียนซินได้พูดออกมา ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยไฟแห่งความแค้น

“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอกเจ้าคนทรยศ! มันก็ถูกแล้วที่ท่านอาจารย์จะทำลายวรยุทธ์ที่เจ้ามีทิ้งไปซะ! ฮึ! ” หยวนเอ๋อที่ได้พูดออกมาได้ทำหน้าไม่พอใจ

เมื่อเห็นแบบนั้นยี่เทียนซินก็ได้ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

‘ศิษย์น้องเล็กยอมจำนนให้กับตาแก่คนนี้ไปแล้วอย่างงั้นหรอ? ตาแก่นั่นใช้ยาอะไรกับเธอกัน? ‘

“ดูตาแก่นั้นตอนนี้ซะสิศิษย์น้องเล็ก เขาน่ะไม่ต่างอะไรจากชายชราทั่วๆ ไป เชื่อข้าซิ รีบจัดการเขาซะ” แม้ว่ายี่เทียนซินจะสูญเสียวรยุทธ์ที่มีทั้งหมดไป แต่ถึงแบบนั้นเธอก็รู้ได้ว่าในตอนนี้ลู่โจวนั้นไม่มีพลังหลงเหลืออยู่เหมือนกับในตอนแรกแล้ว ถ้าจะให้พูดอีกอย่างสิ่งที่ลู่โจวใช้อย่างยาสูตรลับได้หมดฤทธิ์ไปตามความเข้าใจของยี่เที่ยนซินแล้วนั่นเอง

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ตะคอกออกมาอย่างเดือดดาล “เจ้าบ้า! ข้าน่ะไม่ฟังคนทรยศหรอก! “

ถึงแม้ว่าจะเป็นการฝึกฝน หยวนเอ๋อก็ไม่เคยคิดกล้าที่จะโจมตีท่านอาจารย์เลย

ในอีกด้านหนึ่ง ลู่โจวในตอนนี้กำลังจ้องมองขึ้นไปบนฟ้า ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเกือบถึงเวลาที่ตัวเขาได้คิดเอาไว้แล้ว

“ท่านอาจารย์ ข้าส่งท่านพ่อกลับไปที่บ้านด้วยวิซซาร์ดได้แล้ว พวกเราไปกันได้แล้วค่ะ” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสนสดใส

วิธีนี้คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าหากยิ่งเพิ่มคนก็เท่ากับว่ายิ่งเพิ่มภาระที่จะต้องดูแล ลู่โจวดีใจที่หยวนเอ๋อยอมทิ้งโอกาสที่จะได้พบกับผู้เป็นพ่อเป็นแม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อที่จะได้มาสนับสนุนตัวเขา เธอคนนี้เป็นศิษย์ที่มีความจงรักภักดีมากที่สุด

“ออกเดินทาง! ” ลู่โจวได้โบกมือของเขาก่อนจะพูดขึ้น ในตอนนี้ตัวเขาไม่ได้สนใจใยดียี่เทียนซินเลย

ในตอนนั้นเองวิซซาร์ดก็ได้คำรามออกมา สัตว์ขี่ในตำนานตัวนี้เป็นเหมือนกับเจ้าป่า เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นทั้งหมู่มวลนกและสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็รีบหลีกทางให้ แต่ไม่ว่ามันจะเก่งกล้าสักแค่ไหนสุดท้ายแล้วมันก็เชื่อฟังผู้เป็นนายอย่างลู่โจวอยู่ดี

เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นที่ยี่เทียนซินได้สังเกตเห็นสัตว์ขี่ในตำนานตัวนี้ ‘ท่านอาจารย์เปลี่ยนสัตว์ขี่ไปเป็นวิซซาร์ดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ‘ ก่อนที่เธอจะคิดอะไรออก ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้คว้าตัวยี่เทียนซินก่อนที่จะขึ้นหลังของวิซซาร์ดไป ทันทีที่ทุกคนพร้อมออกเดินทางแล้วสัตว์ขี่ในตำนานตัวนี้ก็ได้เหยียบอากาศก่อนจะลอยไปบนฟากฟ้า

ในตอนนี้เรื่องที่ชาวยุทธ์บุกไปที่ภูเขาทองนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ที่ภูเขาทองนั้นมีชาวยุทธ์อยู่ทั่วทุกที่ พวกชาวยุทธ์ทั้งหมดกำลังเดินทางจากเชิงเข้าเพื่อที่จะไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า ตอนนี้พวกเขาก็เดินทางจนมาเกินครึ่งทางแล้ว

“ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย! “

“ทางตะวันออกก็ไม่มี! “

“ทางตะวันตกเองก็เป็นเหมือนกัน”

“นี่มันแปลกเกินไป ปรมาจารย์มหาวายร้ายที่อยู่บนภูเขาทองไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน? “

“รีบค้นหาต่อไปเร็วเข้า! ท่านผู้อาวุโสอยากที่จะให้พวกเราหาตัวจีเทียนเด๋าและหมิงซี่หยินให้เจอภายในวันนี้! “

ทั้งในป่าและบนท้องฟ้า ในตอนนี้เต็มไปด้วยชาวยุทธ์ทั้งหลายที่กำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่ พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ถือดาบเอาไว้ในมือ คนเหล่านี้มาจากสำนักเที่ยงธรรมนั่นเอง ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่ตามมาสมทบมาจากสำนักดาบสวรรค์ หุบเขาทองทั้งลูกในตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ภายในศาลาปีศาจลอยฟ้า…

ผู้อาวุโสจากสำนักเที่ยงธรรมคนหนึ่งมีนามว่าฟางเจียนฉานกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่จ้องมองไปยังดวงตาที่แสนว่างเปล่าของด้วนมูเฉิงอยู่ ด้วนมูเฉิงในตอนนี้ถูกมัดเอาไว้ด้วยโซ่ไปทั้งตัว ทางด้านซ้ายและด้านขวาของเขาถูกชาวยุทธ์ทั้งสามที่มีวรยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์กำลังจ้องมองมาที่ตัวของด้วนมูเฉิงอยู่

นี่คือศิษย์คนที่สามของปรมาจารย์มหาวายร้ายที่ทุกคนจะต้องหวาดกลัว การจะจับเขาคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยถ้าหากตัวของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอยู่

“ด้วนมูเฉิง เจ้าน่ะรีบบอกเบาะแสของอาจารย์เจ้ามาดีกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็พอที่จะไว้ชีวิตเจ้าได้” เสียงของฟางเจียนฉานที่ได้พูดออกมานั้นเป็นน้ำเสียงที่นุ่มลึก

ด้วนมูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ฟางเจียนฉาน เจ้าน่ะพร่ำบอกว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายธรรมะมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้เจ้ากับฉวยโอกาสในตอนที่ตัวข้าได้รับบาดเจ็บจับตัวของข้าเอาไว้แบบนี้ ถ้าหากเจ้ามีความกล้ามากพอ ทำไมเจ้าไม่ลองปล่อยข้าได้ต่อสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรมสักสามร้อยกระบวนท่าดูล่ะ”

ฟางเจียนฉานที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับออกมาอย่างเย็นชา “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่หยิ่งผยองอย่างเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ…ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติมากพอแล้วหรอที่จะมาต่อกรกับข้าได้? แม้แต่อาจารย์ของเจ้ายังเอาแต่ซ่อนตัวอย่างกับหนูโสโครก ลูกศิษย์ที่น่าสมเพชอย่างเจ้าก็คงจะไม่มีค่าที่จะแม้แต่ให้พูดถึงซะด้วยซ้ำ”

ด้วนมูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะเยาะเย้ยออกมา ดูเหมือนว่าตอนนั้นเขาได้นึกอะไรออกขึ้นมาได้ “แม้แต่พี่ของเจ้าอย่างตั๋วฟางยังต้องก้มหัวให้เมื่อเห็นข้าผู้นี้…”

พรึ๊บ!

ฟางเจียนฉานได้ใช้มือทั้งสองข้าของเขาหยุดการหายใจของด้วนมูเฉิงเอาไว้ ในตอนนั้นเองเลือดลมและพลังลมปราณของด้วนมูเฉิงก็ไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างปกติ

ฟางเจียนฉานที่เห็นแบบนั้นได้หัวเราะออกมา ในตอนนี้ด้วนมูเฉิงได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเท่านั้น “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? สำหรับข้า เจ้าน่ะมันก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ที่ไร้เจ้าของก็เท่านั้น! บอกข่าวคราวของปรมาจารย์มหาวายร้ายกับหมิงซี่หยินออกมาซะ ถ้าหากเจ้ายังคงจะดื้อด้านต่อไปแบบนี้เห็นทีวันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า! “

ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ที่ยืนอยู่ด้วยได้ชักดาบของพวกเขาออกมา

ด้วนมูเฉิงไม่สามารถขยับได้ ตอนนี้นอกจากตัวเขาจะถูกพันธนาการเอาไว้เขายังได้รับบาดเจ็บมากอีกด้วย แม้แต่กระดูกที่แข็งแกร่งของด้วนมูเฉิงในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถระงับอาการบาดเจ็บจากแผลได้ แต่ถึงแม้ว่าตัวเขาจะได้รับบาดเจ็บด้วนมูเฉิงก็ยังหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงก่อนจะตอบกลับไป “แม้ว่าเจ้าพยายามที่จะโจมตีตัวข้าอีกสักกี่ครั้ง…”

“ดื้อด้านซะจริง! ” ฟางเจียนฉานได้ใช้แขนของเขาขยี้ไปที่ที่พิงแขนบนเก้าอี้ ในตอนนั้นเขากำลังพยายามจะโจมตีด้วนมูเฉิงที่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่ทันที่จะได้โจมตีชาวยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้าก็ได้ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน “ท่านผู้อาวุโส ท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้! “

“พวกเราฆ่าเจ้าวายร้ายนี่ไม่ได้! “

“เป้าหมายที่พวกเรามาในศาลาปีศาจลอยฟ้าวันนี้คือปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้น ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่”

“โปรดคิดทบทวนอีกครั้งท่านผู้อาวุโสฟาง! การแก้แค้นน่ะจะต้องใจเย็นเอาไว้! “

ฟางเจียนชานพยายามที่จะล้างแค้นให้กับพี่ชายของเขา พี่ชายของเขาคนนั้นถูกด้วนมูเฉิงสังหารไปกับมือ

ในตอนนั้นเองฟางเจียนฉานที่ได้ฟังคำขอร้องก็ได้กลอกตากลับไป “เวลาแห่งความสุขของเจ้าน่ะมันหมดไปแล้ว ท่านเจ้าสำนักในตอนนี้ยังไม่ยอมปล่อยข้าให้ได้จัดการกับเจ้า…ถือว่ารอดตัวไป! แต่แน่นอนเจ้าน่ะจะต้องได้ลิ้มรสชาติของคุกใต้ดินที่จะไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกต่อไปแน่! “

พรึ๊บ!

ในตอนนั้นเองได้มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งบินเข้ามาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าโดยใช้ดาบบิน

“ผู้อาวุโสโจ! ” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่ได้อยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้าได้พูดขึ้น ฟางเจียนฉานในตอนนี้กำลังกำหมัดแน่น

ฟางเจียนฉานได้หันไปด้านข้างก่อนที่จะพูดออกมา “โจวจี้เฟิง ดีนะที่เจ้ามาได้ทันเวลา เจ้ารู้ไหมว่าหมิงซี่หยินไปไหนกัน? “

โจวจี้เฟิงในตอนนั้นได้โค้งคำนับให้กับเขาก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ข้าได้สั่งให้คนของเราค้นหาไปทั่วทั้งหุบเขาแล้ว ในตอนนี้ยังไม่พบตัวของหมิงซี่หยินเลย”

“ไม่พบตัว? เจ้ากับข้าก็เห็นด้วยตาของตัวเองกันทั้งนั้น ตอนนี้หมิงซี่หยินได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้านั่นจะหนีไปได้ไกลทั้งๆ ที่บาดเจ็บได้แน่! ข้าจะต้องหาเจ้านั่นให้ได้! “

“ข้าเองก็หวังไว้เช่นนั้น! “

“ข้าเกือบลืมไปซะสนิท! ปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นที่ได้สังหารลู่ฉางเฟิง อดีตเจ้าสำนักดาบสวรรค์ไป พวกเราจะต้องให้ความเป็นธรรมกับอาจารย์ของเจ้าให้ได้”

โจวจี้เฟิงฝืนยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น “ผู้อาวุโส ที่นี่คนของเราได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีใครหน้าไหนที่จะหนีไปได้แน่”

ฟางเจียนฉางได้ตบไปที่ไหล่ของโจวจี้เฟิงก่อนจะพูดออกมา “แม้ว่าเจ้าจะมาจากสำนักดาบสวรรค์ แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ยอมเชื่อฟังพวกเราเป็นอย่างดี เจ้าน่ะมีไหวพริบที่ใช้ได้เลยนะ”

“ท่านผู้อาวุโส ท่านพูดเกินไปแล้ว! “

“เยี่ยมมาก! ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้าสอบสวนด้วนมูเฉิงคนนี้ซะ จงทรมานเขา! ” ฟางเจียนฉานได้ชี้ไปที่ด้วนมูเฉิง

“นี่มัน…”

ฟางเจียนฉานได้หัวเราะออกมาเมื่อเห็นโจวจี้เฟิงเกิดลังเลขึ้น “ไม่น่าแปลกใจเลยที่สำนักดาบสวรรค์ไม่ต้องการตัวเจ้าเอาไว้ เจ้าก็เป็นเหมือนกับสุนัขที่ไร้เจ้าของ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าสำนักของพวกเราเห็นอะไรในตัวเจ้าจึงแต่งตั้งให้เจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสแบบนี้ไปได้ ไสหัวออกไปซะ! “

ตัวเขาที่ได้พูดเสร็จก็ได้ผลักโจวจี้เฟิงให้ออกไป ด้วนมูเฉิงในตอนนั้นที่กำลังนอนอยู่ก็ได้ถูกเตะซ้ำไปอีกหลายครั้งด้วยกันจนตัวของเขากระเด็นถอยกลับไป

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

“ทำไมเจ้าถึงยังทนอยู่ได้กัน? ” ฟางเจียนฉานรู้สึกไม่เข้าใจ ตัวเขาได้ยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะรวบรวมพลังเอาไว้ในฝ่ามือ ในฐานะที่เขาคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับพลังของขั้นสุดยอดของระดับศักดิ์สิทธิ์ เขาคนนี้จึงแข็งแกร่งพอๆ กับพี่ชายของตัวเองอย่างตั๋วฟาง

ในตอนนั้นเองเมฆครึ้มก็ได้ปรากฏขึ้นเหนือภูเขาทอง ในตอนนั้นชาวยุทธ์ทั้งหลายที่กำลังบินไปบินมาก็ได้แหงนหน้าของพวกเขามองไปที่ท้องฟ้า

“นั่นมันอะไรกัน? “

“สัตว์ขี่ในตำนาน! ปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นอยู่ที่นี่แล้ว! “

“แจ้งผู้อาวุโสเร็วเข้า! พวกเราควรจะตามยอดฝีมือมาสนับสนุนให้มากกว่านี้”

ผู้อาวุโสทั้งหลายรวมไปถึงศิษย์สำนักเที่ยงธรรมต่างก็หยุดค้นหาก่อนที่จะจ้องมองไปบนท้องฟ้า

วิซซาร์ด สัตว์ขี่ในตำนานกำลังส่งเสียงร้องออกมาอย่างกึกก้อง เสียงร้องของมันดังไปทั่วทั้งหุบเขา ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้นตาม “ใครกันที่อนุญาตให้พวกเจ้ามาเดินเล่นในหุบเขาทองของข้าแบบนี้? “