ตอนที่ 130 จับตัวเย่เฉิน

“ท่านผู้บัญชาการ รีบถอยกันเถอะ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะไม่ทันการ ทหารอีกคนคนตะโกนด้วยความตื่นตระหนก

พวกเขาตกใจมากแล้วเมื่อถูกซุ่มโจมตี แต่ตอนนี้พวกเขายังพบว่าเป็นแมทัพผิงเปย ระดับสามของจักรวรรดิฮั่นเป็นผู้ซุ่มโจมตีพวกเขา เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าหน่วยย่อยของทหารม้าอูหวนต่างพากันตกใจกลัว

จักรวรรดิฮั่นไม่เคยส่งนายทหารระดับสูงเช่นนี้มาจัดการกับพวกเขา แต่ในตอนนี้กลับมีผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ตามความเห็นของพวกเขา คราวนี้จักรพรรดิฮั่นคงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะกำจัดพวกเขา

มิฉะนั้น ทำไมถึงส่งแม่ทัพผิงเปยมา?

พวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับแม่ทัพผิงเปยที่สามารถนำกองทัพได้อย่างน้อย 300,000 นาย

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ทหารมากกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาเขาถูกซุ่มโจมตีและได้ตกตายไปแล้ว

หากพวกเขายังคงดื้อดึงสู้ต่อไป ไม่เพียงแต่ผู้บัญชาการของพวกเขาจะถูกทุบตี แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี้

คนส่วนใหญ่ที่นี้คิดแบบนี้ แม้ว่ามันจะดูอึดอัดก็ตาม

หลังจากได้ยินว่าเป็นแม่ทัพผิงเปยที่ซุ่มโจมตีพวกเขา ดันที่ทรงอำนาจก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ

“ถอยกันเถอะ!” เขากัดฟันและชำเลืองมองไปยังตำแหน่งของเยเฉิน จากนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธ

“หวด หวด”

ลูกธนูของทหารที่ซุ่มโจมตีอยู่ ถูกยิงออกไปอย่างบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น

“บัดซบ! ไอ้สารเลว! ไอ้คนน่ารังเกียจ! ไอ้คนไร้ยางอาย!” หลังจากที่เขาเบี่ยงศีรษะเพื่อหลบลูกศรที่ถูกยิงเข้ามา เขาก็ตะโกนด่าทอด้วยความโกรธ

“ท่านผู้บัญชาการ เร็วเข้า! ไม่เช่นนั้น ถ้าแม่ทัพผิงเปยกำจัดเฮาเฉียไป พวกเราจะตายกันหมด” ผู้นำหน่อยย่อยตะโกนด้วยความกังวล

“ไป!” ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปและเขาตะโกนด้วยใบหน้าบูดบึง หลังจากตะโกน เขาก็รีบวิ่งออกจากปาหลุนฮุย

” หวด หวด”

ลูกศรถูกยิงออกไปเหมือนสายฝน นี้เป็นโอกาสโจมตีที่ยอดเยี่ยมทหารกองทัพหลุนฮุยจึงไม่ต้องการพลาดโอกาศนี้

“อ้ากกกก…ช่วยข้า ช่วยด้วย อย่าทิ้งข้าไป!”

“ข้า… ข้ายังไม่อยากตาย ช่วยข้าด้วย…”

“อย่าพึ่งไป ไอ้สารเลวพาข้าไปด้วย…”

เสียงกรีดร้องที่น่าสมเพชของทหารม้าอุหวนดังลั่น ตามมาด้วยเสียงสาปแช่งเมื่อเห็นผู้นำของพวกเขากำลังหลบหนี

ตำแหน่งแนวหน้าของทหารม้าอูหวน

“บัดซบ! เจ้ากล้าทิ้งข้าเป็นเหยื่อล่ออย่างนั้น!” เฮาเฉียกำลังเตรียมที่จะจัดการเย่เฉิน แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินคำพูดของยี่ดัน และเหล่าผู้นำหน่วยย่อยเหล่านั้น มันทำให้เขาก็แค้นเป็นอย่างมาก

“น่าขยะแขยง เจ้าถูกโยนทิ้งไปแล้ว อย่ายอมจำนนง่ายๆก็แล้วกัน!” เย่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้วกล่าวออกไป

“ในเมื่อเจ้าเป็นแม่ทัพผิงเปย งั้นมาสู้กับข้าอย่างตรงไปตรงมา!” เฮาเฉีย ได้ยินเย่เฉินเยาะเย้ยทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่เย่เฉิน

เฮาเฉีย: ขุนพลในประวัติศาสตร์ขั้นสอง (แม่ทัพระดับจักรพรรดิ)

คุณสมบัติ: ระดับ S

พละกำลัง: 93

รากฐานกระดูก: 92

พลังวิญญาณ: 86

เทคนิค: จิตวิญญาณแห่งคนเถื่อน(ระดับจักรพรรดิ)

ทักษะ: ทลายฟ้า(ระดับจักรพรรดิ)

อุปกรณ์: ค้อนทองคำ (ระดับโลก)

“แม่ทัพ ฆ่าเจ้าแม่ทัพนั้น ฆ่าเขา และล้างแค้นให้กับพี่น้องของเราที่ตายไป!” ทหารม้าอูหวนคำรามด้วยดวงตาสีแดง

“ใช่! สังหารแม่ทัพที่น่ารังเกียจไร้ยางอายนี้เสีย สังเวยให้พี่น้องของเรา!”

“ฆ่ามัน ฆ่าทหารทั้งหมดของมัน!”

“หักขามัน ข้าจะจับมันมาทรมาน สอนให้มันรู้ว่าการดูถูกนักรบอูหวนนั้นทำให้มันพบกับจุดจบ!”

“ท่านแม่ทัพผู้ไร้เทียมทาน ทุบเจ้านั้นให้ตาย ทุบมัน!”

เมื่อทหารม้าอูหวนที่ได้ยินคำพูดที่นี่ดัน ที่กำลังจะหนีไป พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในความตื่นตระหนก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว และไม่กล้าที่จะถอยออกไป

ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอพวกเขาอยู่จะต้องเป็นมีดแล่เนื้อที่น่าสยดสยอง

พวกเขาถูกทอดทิ้งไว้ด้านหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอยู่ที่นี่เท่านั้นและมีเพียงต้องตกตายอยู่ที่

เดิมที่พวกเขารู้สึกว่าหมดสิ้นหนทางแล้ว แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นเฮาเฉียตะโกนท้าเยู่เฉิน

สิ่งนี้กระตุ้นความหวังในหัวใจของพวกเขาอีกครั้ง

ในหัวใจของพวกเขา เฮาเฉียเป็นชายที่โหดเหี้ยม ค้อนขนาดใหญ่ของเขาไม่มีใครหยุดมันได้ และไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้

ตราบใดที่พวกเฮาเฉียเอาชนะเย่เฉินได้ และจับเย่เฉินไว้ พวกเขาก็มีโอกาศรอด

แม้ว่าเฮาเฉียพลั้งมือฆ่าเยู่เฉิน พวกเขาก็ยังสามารถติดตามเฮาเฉียตีฝ่าวงล้อมจากทหารฮั่นเหล่านี้ได้

ในความคิดของพวกเขา พวกเขามีโอกาสที่จะรอดชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงกรีดร้องอย่างมีความหวังและความตื่นเต้น

“ไอ้พวกโง่เรนหาที่ตาย!” เย่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตะโกน และหลังจากพูดจบ เขาก็แทงหอกสังการไปที่เฮาเฉีย

การแทงของเยู่เฉินนั้นเรียบง่ายและดุดัน ทุกคนสามารถแทงออกไปแบบเย่เฉินได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามเฮาเฉีย รู้สึกประหลาดใจกับการแทงที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาของเยู่เฉิน

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าไม่ควรมองข้ามการแท้ออกมาเช่นนี้ เขาจะตายหากประมาทมัน!

“บัดซบ!” เฮาเฉียคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นยกค้อนทองคำขึ้นแล้วทุบไปที่หอกของเย่เฉิน

หากหลบไม่ได้ ก็ทุบมันซะ

เฮาเฉียเคลื่อนไหวและค้อนทองคำก็ทุบไปยังหอกสังหารทันที

เสียง ”ปัง” ดังขึ้น

ใบหน้าของเฮษเฉียเปลี่ยนไป เพราะเขารู้สึกว่ามีแรงมหาศาลพุ่งเข้าหาข้อมือของเขาอย่า งบ้าคลั่ง

ค้อนทองคำเกือบจะหลุดออกจากมือเขา

เย่เฉินขมวดคิ้วและตกตะลึงเพราะหอกสังหารมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นสองเท่าแต่เฮาเฉียสามารถทุบหอกสังหารกระเด็นออกจากมือเขาไปได้

ไอ้บ้านี่มีพรสวรรค์จริงๆ และพละกำลังของเขาน่าทึ่งมาก…

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางทุบหอกสังหารกระเด็นได้อย่างแน่นอน

เย่เฉินเดินมุ่งไปตามทิศทางที่หอกสังหารถูกทุบกระเด็นไปแล้วหยิบหอกสังหารกลับคืนมา

“เจ้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ข้าเคยประมือมา” เฮาเฉียหรี่ตาลง เปลี่ยนความเย่อหยิ่งก่อนหน้าของเขา แล้วกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

“เป็นเพียงแสงหิ่งห้อย คิดจะแข่งขันกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้อย่างไรเน่าสมเพช! ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าพลัง แท้จริงแล้วคืออะไร!”

เย่เฉินลืมตาขึ้นแล้วกล่าวออกมา หลังจากพูดจบเขาก็จับหอกสังหารแทงใส่เฮาเฉีย

“ตูม”

อากาศระเบิดออกทันทีเพราะคลื่นพลังของหอกสังหาร

ใบหน้าของเฮาเฉียเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับมัน และรีบยกค้อนทองคำ ขึ้นเพื่อป้องกันหอกสังหารที่แทงเข้ามา

“ตูม”

จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น

ม้าศึกที่ตกใจเพราะเสียงระเบิดที่ดังสนั่น พวกมันจึงส่งเสียงกึกก้องดังทั่วบริเวณ

เฮาเฉียที่ยกค้อนขึ้นมาป้องกันใบหน้าซีดเซียว

เยู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา โดยไม่ลังเลเลเขาหยิบหอกสังหาร ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วแทงใส่เฮาเฉียอย่างรุนแรง

“ตูม”

เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง กองทหารม้าหรู่หวนที่อยู่รอบๆ ต่างก้าวถอยหลังด้วยความตกตลึง

เสียง “อัก” ดังขึ้น ในที่สุดเฮาเฉียก็อดไม่ได้ที่กระอักเลือดออกมา

“วูบ” หอกสังหารถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้งและแทงออกไปอย่างดุเดือด

“ตูม” เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง และเข่าของเฮาเฉียนกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง

“ตูม ตูม ตูม…”

หอกสังหารของเยเฉินถูกแทงออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขายังคงแทงใส่เฮาเฉียอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งเสียงระเบิดครั้งสุดท้าย หัวของเฮษเฉียพร้อมกับค้อนสีทองของเขาระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และกระเด็นไปทั่วบริเวณ